บทที่ 3
เพียงดาววางร่างของน้องสาวลงกับพื้นก่อนจะมองหามารดาไปทั่วแล้ววิ่งไปบนชั้นสองด้วยความหวัง ในใจรู้สึกเลือนรางเมื่อเห็นรอยเลือดถูกลากเป็นทางจากห้องทุกห้องที่เปิดประตูทิ้งไว้ให้เธอดูต่างหน้า ไม่รู้ว่าเจ้าของรอยเลือดนี้เป็นใครแล้วจุดเริ่มต้นและจุดจบอยู่ตรงไหน
ร่างบางวิ่งเข้าไปในห้องนอนของมารดาเป็นอันดับแรก สภาพในห้องไม่ต่างจากข้างล่างมากนัก เมื่อข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจายไม่มีชิ้นดีซ้ำยังมีหยดเลือดบนพื้นให้เธอดูต่างหน้า เพียงดาวเดินออกจากห้องของมารดาไปยังห้องเพียงฟ้าซึ่งมีสภาพไม่ต่างกันเลยสักนิดแต่ก็ยังไร้ร่างของผู้เป็นแม่ที่ยังมีความหวังอยู่ในใจเล็กๆ ว่าจะยังมีชีวิตอยู่
เพียงดาวกลั้นใจเดินเข้าไปยังห้องนอนตัวเอง ความหวังสุดท้ายของเธอดับสูญเมื่อเห็นร่างของมารดานอนจมกองเลือดแขนขาหักผิดรูป ไม่เหลือสภาพของคนปกติให้เห็นอย่างน่ากลัว
“แม่! แม่จ๋า! แม่! แม่อย่าทิ้งหนูไป ฮืออ....”
เพียงดาวตะโกนเรียกมารดาพลางอุ้มร่างสมส่วนขึ้นมากอดแนบอก สภาพแม่ของเธอถูกซ้อมอย่างหนัก จนใบหน้าปูดโปนไปหมดไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น
มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอกัน!!!
“กรี๊ดดด...”
เพียงดาวกรีดร้องลั่นบ้านด้วยความเจ็บปวด หยาดน้ำตาไหลพรากสะอื้นไห้ปริ่มจะขาดใจให้ได้ เธอไปทำอะไรให้ใครทำไมถึงได้พรากทุกคนในชีวิตไปจากเธออย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้ ครอบครัวเธอไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ใคร ทรัพย์สมบัติอะไรก็ไม่มีทำไมถึงได้มีคนคิดร้ายกับครอบครัวของเธอได้
แล้วจากนี้เธอจะใช้ชีวิตยังไง...ในเมื่อเธอไม่มีใครเหลือแล้วก็เอาชีวิตเธอไปด้วยเลยสิ
เธออยากตาย...
“ฮือ...ฮื้อ... แม่...น้ำชา...ฮือ...”
เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ชีวิตนี้เธอจะมีค่าอะไร ในเมื่อสิ่งที่มีค่าที่สุดของเธอถูกพรากไปหมดแล้ว
“ออกไปก่อนนะครับ”
“ไม่! ไม่ไป! ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
เพียงดาวกอดศพมารดาไว้แน่น ไม่รู้ตัวเลยว่าตำรวจพวกนี้เข้ามาในบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าจะรู้ตัวรอบตัวเธอก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายตอกย้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่ความฝันอย่างที่เธอแอบหวังลึกๆ
“คุณต้องออกไปจากที่นี่ก่อนนะครับ”
“ไม่ไป!”
“พาตัวเธอออกไป”
เมื่อหญิงสาวไม่ยอมปล่อยมือออกจากศพของมารดาง่ายๆ ตำรวจจึงต้องใช้กำลังพาตัวเธอออกไป แม้จะรู้ว่าเจ้าตัวเสียใจขนาดไหน แต่การกอดศพไว้ไม่ยอมปล่อยก็ไม่สามารถช่วยให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้ และไม่สามารถทำให้จับตัวคนร้ายมาลงโทษได้เร็วขึ้นด้วย
“น้ำขิง โธ่...”
“ป้าม้อย ฮือ...”
ร่างท้วมที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาเดินเข้าไปสวมกอดหญิงสาวที่เปรียบเสมือนหลานสาวคนหนึ่งของเธอด้วยน้ำตานองหน้า ใบหน้างามที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นซีดเผือดหยาดน้ำตาไหลไปทั่วหน้าไม่เหลือเค้าความสุขที่เคยมีให้เห็น มีแต่ความเศร้าโศกเสียใจและเจ็บปวดทรมานใจปริ่มขาดใจเท่านั้น
ไม่เพียงแต่ชม้อยเท่านั้น ชาวบ้านแถวนั้นก็เข้ามาแสดงความเสียใจกับเพียงดาวไม่น้อย เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอุกอาจท้าทายกฎหมาย และน่ากลัวเกินกว่าที่ทุกคนจะยอมรับได้
ไม่ใช่ไม่มีใครเห็นแต่ทุกคนต่างกลัวกันหัวหด เมื่อรถยนต์นับสิบคันแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านไม้หลังเก่าพร้อมชายฉกรรจ์กับอาวุธครบมือ กลุ่มคนพวกนั้นบุกเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้น ตามด้วยเสียงโครมครามและเสียงกรีดร้องของสองแม่ลูกที่อาศัยอยู่ในบ้าน โหยหวนจนทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะกระดิกตัวทั้งที่อยากจะเข้าไปช่วยใจจะขาด
“ป้าขอโทษนะน้ำขิง พวกมันมากันเยอะเกินแถมยังพกปืนมากันอย่างกะจะมาทำสงคราม พวกเราเลยไม่มีใครกล้าออกไปช่วยสักคน ป้าเลยทำได้แค่โทรแจ้งตำรวจเท่านั้นแต่กว่าตำรวจจะมามันก็สายเกินไปอย่างที่หนูเห็น”
“ทำไม! ทำไมพวกมันถึงต้องฆ่าแม่กับน้องหนูด้วยป้า ฮือ...ฮือ...”
เพียงดาวร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด โลกของเธอหยุดหมุนไปแล้วตั้งแต่วินาทีที่เห็นสภาพน้องสาว ยิ่งได้เห็นสภาพร่างกายแม่ที่คงจะทรมานมากก่อนสิ้นใจ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวก็มืดสนิทไปหมด
