บทที่2 พงศ์พยัคฆ์ 2
เวลาต่อมา...
ปัญจวัตรเดินนำสองหนุ่มสาวเข้ามาในร้านอาหารที่ชายหนุ่มจองไว้ก่อนที่พนักงานสาวจะเดินนำทั้งสามมายังโต๊ะติดกับกระจกใสมองออกไปภายนอกกระจกเห็นถนนใหญ่รถแล่นไปมาเสียงดังที่คุณหมอหนุ่มจองไว้
“แหม่! เลือกมุมดีนะคะหมอปัญจ์...มองเห็นถนนด้วยแถมได้ยินเสียงข้างนอกชัดแจ๋วเลย” ฟ้ารดาเอ่ยกับปัญจวัตรอย่างประชดประชัน ตั้งแต่เริ่มได้กลิ่นทะแม่ง ๆ จนมั่นใจว่าปัญจวัตรเป็นศัตรูหัวใจเมื่อปี2ก่อนเธอก็แสดงออกชัดเจนแล้วว่าเธอกับตาคนนี้ไม่มีวันญาติดีกัน เกย์ร่างยักษ์คนนี้เธอจะขัดขวางไม่ให้ได้ล่วงล้ำอธิปไตยของพงศ์พยัคฆ์อย่างแน่นอน เพื่อผู้ชายที่เธอตกหลุมรัก เธอจะประชด เหน็บแนม และจิกกัดตาหมอเกย์นี่ให้ถึงที่สุด
“เปลี่ยนบรรยากาศไงหมอ...บรรยากาศแบบเดิมน่าเบื่อจะตาย” ปัญจวัตรยังคงไม่ทุกข์ร้อนกับคำประชดของกุมารแพทย์สาวก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้หมอสาวนั่งทางฝั่งซ้ายซึ่งติดกับกระจกใสและผายมือให้เพื่อนสนิทนั่งตรงฝั่งตรงข้ามกับกระจกใสส่วนตนก็กลับมานั่งตรงข้ามกับกุมารแพทย์สาวที่ตอนนี้ชักสีหน้าใส่เขาอยู่ครู่ต่อมาพนักงานเสิร์ฟก็นำอาหารที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ
“นี่ฉันสั่งของโปรดนายมาเลยนะเนี่ยไอ้เสือ กินเยอะๆ” ปัญจวัตรเอ่ยขึ้นพร้อมตักอาหารใส่จานเพื่อนรัก “ทำงานลืมเวลาแบบนายเดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหาเข้าสักวัน...ถ้าหมอป่วยซะเองแล้วใครจะดูแลคนไข้กันล่ะ”
“อย่าว่าแต่คนอื่นครับหมอปัญจ์...นายก็กินเยอะ ๆ หมอฟ้าด้วยนะครับ” ประสาทศัลยแพทย์หนุ่มเอ่ยกลับก่อนที่หยิบช้อนและส้อมขึ้นมาโดยไม่มีคำขอบคุณส่งให้ สำหรับเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แค่มองตาเขาและอีกฝ่ายก็เข้าใจกันแล้ว
ขณะที่พงศ์พยัคฆ์จะตักอาหารคำแรกเข้าปากก็มีบางสิ่งปรากฏต่อสายตาเขาจนต้องหุบยิ้ม มือหนาที่กำลังตกข้าวเข้าปากชะงัก...มันรวดเร็วจนมองไม่ทันแต่เพราะเขาเป็นคนที่สายตาดีทำให้เห็นจังหวะนั้นพอดี สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือภาพรถเก๋งคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงและอีกคันด้านขวามือของชายหนุ่มขับย้อนศรมาก่อนที่รถทั้งสองจะชนประสานงากันเสียงดังสนั่น
โครม!!!
ปัญจวัตรตกใจกับเสียงที่เกิดขึ้นหันมองซ้ายขวาทันทีอย่างระแวดระวังพร้อมกับถามขึ้น “เสียงอะไรวะ”
“รถชนกัน” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะทิ้งช้อนลงและวิ่งออกไปนอกร้านทันทีสองหนุ่มสาวก็วิ่งตามออกไปด้วยสัญชาตญาณ ถ้าเกิดอุบัติเหตุแน่นอนว่าอาจจะมีคนได้รับบาดเจ็บดังนั้นแล้วพวกเขาควรจะไปให้ถึงที่เกิดเหตุให้ไวถ้าอยู่ใกล้ ๆ
หมอหนุ่มแหวกกลุ่มไทยมุงไปยังที่เกิดเหตุทันทีโดยมีปัญจวัตรและฟ้ารดาตามไปไม่ห่าง “ขอทางหน่อยครับผมเป็นหมอ”
“ผมเป็นหมอครับ หลีกทางหน่อย”
พงศ์พยัคฆ์เข้าไปดูอาการคนเจ็บของรถคันที่เขาเห็นเต็มตาว่าเป็นฝ่ายขับมาด้วยความเร็วและพุ่งชนประสานงากับรถอีกคัน ขณะที่ปัญจวัตรนั้นแยกไปดูรถอีกคันส่วนฟ้ารดายกโทรศัพท์มากดเรียกรถพยาบาลและตำรวจก่อนจะเข้าไปช่วยพงศ์พยัคฆ์
“รถพยาบาลกำลังจะมาแล้วค่ะ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกคนเจ็บยังคงมีสติอยู่ “อดทนไว้นะคะ"
พงศ์พยัคฆ์ที่ดูอาการของคนเจ็บถอนใจโล่งเมื่อสำรวจแล้วอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมาก “อาการน่าจะเคล็ดขัดยอกและกระดูกแขนร้าวไม่ถึงขั้นสาหัส อดทนอีกนิดนะครับ เดี๋ยวรถพยาบาลก็มา”
ในขณะที่หมอหนุ่มดูอาการคนเจ็บในรถที่ขับมาด้วยความเร็วปัญจวัตร ที่ไปดูอาการคนเจ็บที่ขับรถย้อนศรก็ตะโกนเรียก “เสือมาดูทางนี้หน่อย ที่หัวและจมูกมีเลือดออก”
“ฝากคุณหมอฟ้าดูทางนี้ด้วยนะครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะตรงไปยังรถที่ปัญจวัตรดูอยู่ในรถมีผู้หญิงเป็นคนขับข้างๆ มีเด็กหญิงวัยประมาณสามถึงสี่ขวบนั่งร้องไห้อยู่ จากรูปการณ์หญิงสาวคงเป็นแม่ของเด็กหญิงและคงกลัวลูกจะบาดเจ็บจึงเอาตัวไปบังไว้และตอนที่รถประสานงากันศีรษะก็ไปกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างจนมีเลือดไหลออกมาอีกทั้งยังมีเลือดไหลออกทางจมูกซึ่งไม่ใช่เลือดกำเดาสาเหตุอาจจะมาจากอาการผิดปกติในระบบประสาท
“อาจจะมีเลือดคั่ง หรือไม่เธอก็น่าจะมีอาการผิดปกติในระบบประสาทมาก่อนหน้านี้แล้วทำให้มีเลือดไหลออกจากจมูก คงต้องพาไปทำำMRIที่โรงพยาบาลดูก่อน ถ้ามีเลือดคั่งก็คงเป็นเคสที่อันตรายมากแล้ว...เด็กเป็นไงบ้างวะ” พงศ์พยัคฆ์สันนิษฐานอาการอย่างไม่ปักใจในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ข้อสันนิษฐานของเขาแยกออกไปสองประเด็นคือมีเลือดคั่งในบริเวณที่อันตรายสาเหตุมาจากการกระแทกรุนแรงของรถ สองคือหญิงสาวอาจจะมีอาการผิดปกติที่ระบบประสาทอยู่ก่อนแล้วอาจจะเป็นเลือดคั่ง หรือไม่ก็เนื้องอกในสมอง แต่ถ้าหญิงสาวโชคร้ายเป็นทั้งสองข้อสันนิษฐานคงเป็นเคสที่อันตรายและต้องระวังมากในการผ่าตัด สีหน้าของคนที่ทำงานหลักเป็นประสาทศัลยแพทย์เครียดขึ้นก่อนจะหันไปถามถึงเด็กหญิงที่ร้องไห้อยู่
“ไม่เป็นไรว่ะ แค่ตกใจงั้นฉันพาไปหาหมอเด็กก่อน ฉันไม่สันทัดเรื่องแบบนี้” ปัญจวัตรเอ่ยก่อนจะอุ้มเด็กหญิงไปที่หมอเด็กหรือกุมารแพทย์สาวนั่นเอง
