บทที่ 4
บทที่ 4
รถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดในบ้านอย่างคุ้นเคยเมื่อประตูเปิดออกก็เผยให้เห็นร่างสูงสมชายชาตรีเดินลงมา สัญลักษณ์ที่น่าจดจำคือผิวขาวตาตี๋ฉบับลูกครึ่งญี่ปุ่น นิ้วเรียวควงกุญแจเล่นอย่างอารมณ์ดีขณะเดินเข้าบ้าน
"ตาธาม!" เสียงทรงพลังของมารดาผู้เป็นที่รักของลูกๆ ดังขึ้นสร้างความตกใจให้กับธามไทเป็นอย่างมาก
"โอ้ย จะเรียกเสียงดังทำไมครับม๊า ผมตกใจหมด" ธามไทขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะเดินเข้าไปหามารดาที่ยืนทำหน้ายักษ์อยู่กลางห้องโถง
"แกไปไหนมาทำไมกลับซะมืดค่ำแบบนี้ฮึ! อย่าบอกนะว่าไปหาอีหนูของแกมาน่ะ" มินาเสะพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ รู้ว่าบุตรชายคนรองเป็นคนเหลวไหลเห็นทีต้องจับให้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียที
"โธ่ม๊า อีนงอีหนูที่ไหนละครับ ผมแค่..ออกไปขับรถเล่นเฉยๆ น่า" ธามไทเอ่ยแก้ตัวพลางเข้าไปกอดเอวหนาของมารดาอย่างออดอ้อน
"ไม่ต้องมาอ้อนเลย รู้ไหมว่าพี่แกบินกลับมาน่ะ แทนที่จะไปดูงานกับพี่ แกกลับทำตัวเหลวไหลไปวันๆ "
"พี่เธียร์กลับมาเหรอครับ มาตั้งแต่เมื่อไหร่" พี่น้องบ้านนี้อายุห่างกันคนละสามปี เธียเตอร์มีความเป็นผู้นำและความเป็นพี่สูงจึงไม่แปลกที่จะเป็นที่รักและเคารพของบรรดาน้องๆ
"เมื่อกลางวันนี่เอง แกไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ ม๊าจะปล่อยให้แกทำตัวเหลวไหลแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว"
"หมายความว่าไงครับ" ธามไททำหน้าฉงนอย่างไม่เข้าใจ
"ม๊าจะหาผู้หญิงมาแต่งงานกับแก! ม๊าจะเป็นคนเลือกเอง" มินาเสะพูดอย่างจริงจัง หากบุตรชายคนรองมีครอบครัวเป็นตัวเป็นตนคงจะดีขึ้น จะได้มาช่วยพี่ชายบริหารงานเสียที
"หา!! อะไรนะม๊า หาผู้หญิงให้ผมเนี่ยนะ ผมไม่เอานะม๊า" ธามไทมองหน้ามินาเสะอย่างหวาดๆ เขาไม่ยอมถูกจับคลุมถุงชนเด็ดขาด
"ไม่รู้แหละ ถ้าแกยังไม่เปลี่ยนนิสัยฉันทำจริงๆ แน่" มินาเสะยืนกอดอกมองหน้าลูกชายที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"ม๊าอย่าไปแกล้งเจ้าธามเลยครับ" เสียงทุ้มดั่งสวรรค์โปรดดังขึ้นที่หน้าประตู เมื่อเห็นใบหน้าผู้มาใหม่ธามไทก็วิ่งไปโผกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง
"พี่เธียร์! คิดถึงจังเลยครับ"
"ไม่ต้องมาช่วยมันเลยนะตาเธียร์ คอยดูนะถ้าภายในปีนี้ยังไม่เปลี่ยนนิสัยละก็...ได้เห็นดีกัน" มินาเสะพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินสะบัดหน้าขึ้นห้องไป
"พี่เธียร์ พี่เธียร์ต้องช่วยผมนะ ผมไม่ยอมแต่งงานนะ" ธามไทเขย่าแขนอย่างหาตัวช่วย เธียเตอร์ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
"แกคิดว่าใครจะขัดม๊าได้งั้นเหรอ ขนาดป๊ายังขัดไม่ได้เลย" เมื่อเอาความจริงมาพูดก็ทำให้ธามไทต้องหุบปากฉับ จริงอย่างพี่ว่าไม่มีใครขัดแม่เขาได้จริงๆ
"แล้วนี่พี่มากี่วันเหรอ"
"ว่าจะมาพักผ่อนสักอาทิตย์น่ะ เครียดๆ อยู่พอดี"
เธียเตอร์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาทำงานคนเดียวก็ย่อมเหนื่อยเป็นธรรมดา ตั้งแต่บิดามารดาเขาวางมือจากธุรกิจ ทุกอย่างก็ตกมาอยู่ที่เขาคนเดียว ธามไทก็เอาแต่กินเล่นไปวันๆ ส่วนมิโกะน้องสาวก็กำลังเรียน
"เดี๋ยวผมพาไปคลายเครียดดีไหม" ธามไทเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ ฟากมีพี่ชายไปด้วยแม่เขาไม่ด่าแน่ๆ เธียเตอร์มองน้องชายอย่างรู้ทัน
"ไม่ต้องเอาฉันมาเป็นข้ออ้างหรอก ฉันอยากพักผ่อนอยู่บ้านมากกว่า" ว่าแล้วก็เดินขึ้นห้องไปทิ้งธามไทยืนอ้าปากค้างอย่างเซ็งๆ
เธียเตอร์กลับเข้ามาในห้องนอนเขาวางสูทลงบนเตียงก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ เสียงริงโทนดังขึ้นติดกันหลายครั้งแต่ก็ไร้คนรับสาย สร้างความหงุดหงิดให้กับคนปลายสายเป็นอย่างมาก
เธียเตอร์มองเบอร์โทรศัพท์ที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอ มือหนาหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหัวอย่างไม่ใส่ใจนัก แม้อายุจะล่วงเลยไปจนถึงยี่สิบเก้าแล้วแต่ชายหนุ่มก็ไม่มีท่าทีว่าจะหาคนรู้ใจเสียที หลายครั้งที่พ่อแม่ถามเขาก็มักจะบ่ายเบี่ยงอยู่เสมอ เพราะความรักสำหรับเขามันไม่มีอยู่จริง
~ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน~
"อายู อายูอย่าทิ้งผมไปเลยนะ ผมรักคุณจริงๆ อย่าทิ้งผมไปไหนเลยนะ" เธียเตอร์นั่งคุกเข่ากอดเอวสาวไว้แนบแน่นไม่ยอมปล่อย
"ปล่อยนะเธียร์ ยูไม่ได้รักเธียร์แล้ว! เราจบกันซะที!" อายูสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแต่ถูกรั้งไว้แน่น
"ไม่นะอายู ผมไม่ปล่อย คุณอย่าทิ้งผมเลยนะ เรารักกันไม่ใช่เหรอ" เขาเอ่ยเสียงสั่นเครือ น้ำตาเอ่อคลอที่หน่วยตาอย่างห้ามไม่อยู่
"ฮึ! รักเหรอ..รักแล้วมันได้อะไรเหรอเธียร์ ยูขออะไรก็ไม่เคยได้ ขนาดวันเกิดยูแท้ๆ ยูขอกระเป๋าแค่ใบเดียวเธียร์ยังไม่มีปัญญาให้ยูได้เลย!" หญิงสาวระบายความอัดอั้นในใจออกมา
เธอและเขาคบกันมาสามปีกว่าตลอดเวลาที่คบกันเธอไม่เคยได้อะไรจากเขาเลยทำให้เธอเบื่อหน่ายและหมดรักเขาไปโดยง่าย เธอพบคนที่พร้อมจะให้เธอได้ทุกอย่าง แล้วอะไรที่จะทำให้เธอทนอยู่กับเขา
"ยูก็รู้ว่าเธียร์ให้ยูตอนนี้ไม่ได้ แต่ถ้าเราเรียนจบผมมีงานทำ ยูอยากได้อะไรผมจะให้ยูหมดเลยนะ นะยูนะ" เสียงชายหนุ่มเว้าวอนแฟนสาว เธอสะบัดตัวออกหันหน้ามามองเขาอย่างไม่พอใจ
"เฮอะ! ใครจะโง่รอขนาดนั้นละเธียร์ พอเถอะ ในเมื่อเธียร์ให้ยูไม่ได้ เราก็จบกัน"
"ไม่นะยู ยู! อึก~ "
เธอทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี ไม่แม้แต่จะหันมามอง สองขาเขามันก้าวไม่ออก มันหมดแรงไปเสียดื้อๆ เขาไม่ได้ไม่อยากให้เธอ แต่ในช่วงเรียนเขาจะไม่รบกวนเงินของที่บ้านเด็ดขาด เขายอมทำงานหาเงินเองด้วยยึดมั่นคำสั่งสอนของปู่มาตั้งแต่เด็กๆ แต่มันก็ทำให้เขาได้รู้ว่ารักมันกินไม่ได้ สิ่งที่ผู้หญิงต้องการก็คือเงิน ความสุขสบาย เขาปฏิญาณตนไว้แล้วว่า 'เขาจะไม่มีหัวใจไว้เพื่อใครอีก' ทุกคนที่ผ่านเข้ามาก็จะผ่านไปเหมือนสายลม
นึกถึงเรื่องนี้ทีไรเขาก็เจ็บใจทุกครั้ง ผู้หญิงที่เข้าหาเขาคงต้องการแค่เงินทองเขาจึงมักจะซื้อกินอยู่บ่อยครั้ง ปมความรักในใจของเขาคงจะไม่มีใครปลดปล่อยมันได้ มันจะถูกปิดตายอย่างนี้ตลอดไป...
