3
สัปดาห์ต่อมา ตติยากรลงจากรถเก๋งญี่ปุ่นคู่ใจซึ่งเธอเลือกเองตอนที่ภาสกรให้เงินไปซื้อ ชายหนุ่มถามว่าทำไมต้องเป็นรุ่นนี้ ยี่ห้อนี้ เธอบอกว่าแค่หลบฝนได้ ขับกลับบ้านได้แค่นี้พอ หญิงสาวสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ก่อนจะไปหยิบขนมหลายอย่างที่อยู่ด้านหลังรถ วันนี้ทุกคนต้องดีใจที่เธอกลับบ้านมาก่อนกำหนด ซึ่งเป็นอย่างที่คิดเมื่อน้องชายสามคนวิ่งกรูเข้ามาหาเธอพร้อมกัน
“เจ้ๆ /พี่ครับ”
ตติยากรยื่นของฝากให้สามเสือสุดแสบ เด็กชายวัยเก้าปีซึ่งเป็นฝาแฝดหน้าเหมือนสนใจของฝากไม่สนใจเธอ จนหญิงสาวต้องกระแฮ่มเรียกหา
“สามแสบช่วยถืออย่างอื่นบ้าง ของใช้ของแม่ เร็วๆ เข้า เป็นหนุ่มกันแล้วนะไม่ใช่เด็กสามขวบ”
“มาแล้วเหรอติยา ขับรถมาเหนื่อยหรือเปล่า ”
พี่จ๋าเป็นลูกจ้างซึ่งให้มาดูแลคนในบ้านเดินออกมา ตติยากรยกมือไหว้ ยื่นของใช้ต่างๆ ให้ฝ่ายนั้น
“ซื้อมาเยอะมากเลยค่ะ ของเก่ายังมีอีกเยอะนะคะ วางค่ะวางจ๋าถือเอง”
แพมเพิส กระดาษเปียก ทิชชู่ สำสี น้ำยาซักผ้า จิปาถะของใช้ในบ้าน ของในครัว ของแห้ง ของหวานกระป๋อง จ๋ามองดูด้วยความแปลกใจ ตติยากรรู้ทันความคิด “ซื้อไว้เยอะๆ เพราะตอนนี้มีเงินจากการทำงาน”
“จะออกจากงานหรือคะ” จ๋าตกใจ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นตนเองก็อาจจะมีผลกระทบด้วย หญิงร่างใหญ่สีผิวคล้ำวัยสี่สิบสองไม่อยากหางานใหม่
“ไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกค่ะ ติยายังมีเงินจ้างพี่อยู่อย่าห่วงเรื่องนั้นเลย”
คนเป็นลูกจ้างก้มหน้างุดถอนหายใจโล่งเก็บของเข้าบ้าน
“หาใหม่สิครับ ผมเห็นคนที่ไม่มีงานทำ เขาชอบหางานใหม่”
“นายจะรู้อะไรยังเป็นเด็ก”
แฝดหนึ่งเสนอ แฝดสองยิ้มเยาะ ส่วนแฝดสามไม่สนใจใครแกะของเล่น ตติยากรมองน้องทั้งสามด้วยความกลุ้มใจ อยากจะบอกน้องว่างานนะหายาก และอยากบอกว่าของขวัญพวกนี้จะเป็นชิ้นสุดท้าย ต่อไปอาจจะไม่มีของดีๆ แพงๆแบบนี้ แต่ทุกคนก็เดินไปนั่งคนละทิศ ตติยากรถามหาแม่ จ๋าบอกว่ายังอาการเหมือนเดิม หญิงสาวยังไม่พร้อมพาหน้าซีดๆ ไปในห้องแม่ เธอเดินช้าๆ ไปยังตรงกันข้ามถนน นั่งมองชายหาดที่เห็นเลือนลางในเงามืด
ที่นี่คือบ้านเกิด เธอคือลูกชาวเลคนหนึ่ง รุ่นปู่ย่าตายายทุกคนหาปลา ปู กุ้ง หอยเลี้ยงปากท้อง เพิ่มมานิดหน่อยคือตั้งแต่สมัยปู่ มีร้านขายอาหารอยู่ริมชายหาด เมื่อก่อนตอนพ่อยังอยู่ เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเพราะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย ตอนนั้นอายุสิบสี่ปี เธอเล่นกับน้องซึ่งเป็นลูกหลงอย่างมีความสุข แต่ความสุขสบายหายเมื่อพ่อจมหายไปในท้องทะเลในวันที่ฟ้าฝนคะนองและมีคลื่นลมแรง แม่ช็อกหมดสติเส้นเลือดแตกจนเป็นผู้ป่วยติดเตียง หน้าที่ของเธอจึงมากกว่าคำว่าพี่สาว เธอต้องดูแลแฝดสามคนที่เพิ่งได้ขวบกว่าๆ เงินที่พอมีเพื่อใช้จ่ายหมดลงเพราะรักษาแม่และจ้างพี่เลี้ยงน้อง
ญาติพี่น้องจะเห็นน้ำใจกันก็ตอนนี้ ซึ่งแทบไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ แต่ญาติพี่น้องเธอทุกคนก็ไม่ได้ร่ำรวย ตติยากรพยายามเข้าใจทุกคน แต่ที่เจ็บช้ำกว่าคือผู้ชายที่สัญญาจะดูแลกันตลอดไปกลับทิ้งคำสัญญาไปหาเพื่อนสนิทของเธอหลังจากที่เธอได้เข้าเรียนที่กรุงเทพ
ถูกทิ้งเหมือนคนไม่มีค่าก็ไม่เจ็บใจเท่ากับโดนเพื่อนซึ่งไว้ใจ มองเห็นเป็นนางฟ้ามาโปรดหักหลัง แต่ก็โชคดีที่หลังจากนั้นเธอได้พบภาสกร เขาทำให้เธอรู้ว่านิพลนั้นไม่มีคุณค่าให้จดจำ ครอบครัวเขาก็ไม่เคยยอมรับผู้หญิงมีภาระ หนี้สินอย่างเธอ หลายครั้งที่หวังจะเอาความดีเข้าสู้ เพราะความรักแบบเด็กๆ แต่สุดท้ายก็โดนเมิน ซ้ำพูดให้เจ็บใจ
ตอนนี้เธอลืมนิพล พยายามลืมสิ่งดีๆ ที่เขาให้ เพราะไม่ได้มากมายอะไร เธอเองก็ช่วยเหลือเขาเสมอเรื่องเรียน แต่ความเจ็บใจก็ไม่อยากโกหกว่ายังคงมีร่องรอยของบาดแผลอยู่บ้าง
“พี่ครับนี้เป็นของขวัญวันเกิดผมใช่ไหม” นายสามคนพูดน้อยเดินมานั่งข้างๆ ตติยากรลูบเส้นผมดกดำของน้องชาย พยักหน้า น้องสุดท้องดูจะฉลาดเฉลียวเข้าใจเธอเสมอ
“ใช่ ตอนนี้โตแล้วแต่อยากซื้อให้ เก็บให้ดีล่ะ”
ปกติไม่เคยซื้อของเล่นให้สามแสบ เว้นแต่วันเกิด
“ขอบคุณครับ ผมจะเก็บไว้อย่างดี”
“อยากกินอะไรล่ะพรุ่งนี้นี่น่าวันเกิดสามและพี่ๆ”
“พี่มีภาระเยอะ ผมกินข้าวที่บ้านก็พอครับ”
เหมือนน้ำในตาจะเอ่อออกมา เพราะไม่เคยมีใครพูดปลอบใจเธอมาก่อน เหนื่อยล้าทุกครั้งก็ปลอบตนเอง ภาสกรเข้ามาในชีวิต เธอต้องการได้ยินจากเขาบ้าง แต่ไม่มีทางเป็นไปได้ เรื่องราวในชีวิตเธอ เขาไม่เคยถามไถ่ ในวันที่อ่อนแอได้แต่ร้องไห้ลำพัง ไม่ใช่คู่ทุกข์คู่ยาก เรื่องบนเตียงเท่านั้นที่ต้องปรนเปรอ จะได้ไม่ตกกระป๋องเร็วเกินไป
“พี่เป็นไรครับ เศร้านะครับ”
“เศร้าทำไมได้กลับมาหาน้องและแม่สุดที่รัก กลืนน้ำตาลงคอ พี่มีเงินพอจะเลี้ยงเราน่า ไก่เคเอฟซีหรือสุกี้ดี”
“สองอย่างเลยครับถ้าคำว่าภาระที่ผมรู้ความหมายแล้ว พี่ไม่มีแล้ว”
น้องชายดูจะไม่เข้าใจความหมายของคำนั้นมากนัก คงฟังจากจ๋ามาแน่ๆ จากที่เศร้าสร้อย ตติยากรพลันยิ้มออกมาได้
เรียนจบก็กลับมาพัฒนาร้านที่บ้านให้ดี เงินฝากพอจะมี หญิงสาวหวังจะปรับปรุงบ้าน ร้านให้ดีขึ้นเพื่อต่อยอดเงินไว้สำหรับน้องๆ ทั้งสามและดูแลแม่ให้ดีที่สุดเหมือนที่แม่เคยดูแลเธอ
“ติยาไปกินข้าวดีกว่า พี่ทำของโปรดให้แล้ว เร็วทันใจไหม กินเสียก่อนนะขับรถมาเหนื่อยๆ”
ตติยากรลุกขึ้นกอดไหล่น้องชาย มาถึงหน้าศาลาในรั้วบ้านจ๋าเสิร์ฟมาถึงที่ สองแสบวิ่งกรูเข้ามา ตักอาหารเอาใจเธอ ติยารู้สึกมีความสุข…ไม่มีเขาคนนั้นชีวิตก็มีความสุขได้นี่น่า เธอจะหวั่นใจไปทำไม หากวันนั้นมาถึงจริงๆ
เขากับเธอมันแตกต่าง ฟ้าลิขิตให้เขาขี่รถหรูมาเจอเธอและช่วยเหลือ ถึงวันจาก สิ้นวาสนาก็ต้องแยกย้าย…
เดือนพฤศจิกายนวันที่ฝนตกหนักปีที่แล้ว…
ตติยากรกำลังรีบข้ามถนนเพื่อไปหาแฟนหนุ่มที่คอนโด พรุ่งนี้สอบเสร็จเธอจะมาบอกว่ากลับบ้านกับเขาด้วยคน โทรมาไม่รับสาย ต้องลงทุนจ่ายค่าแท็กซี่มาถึงคอนโด หญิงสาวอยากให้เขาดีใจใช้คีย์การ์ดเข้าไป แต่ต้องตกใจมากเห็นว่ารองเท้าใครอยู่หน้าในห้องคนรัก
อังคณามาทำอะไรที่นี่ ทั้งที่โทรไปเมื่อครู่บอกว่ากำลังอ่านหนังสือ เธอก้าวช้าๆ เข้าไปห้องนอนคนรักที่เข้ามาเรียนกรุงเทพก่อนเธอ ตอนนี้เขาเรียนจบแล้ว และศึกษางานที่โรงแรมของเพื่อนเธออยู่
เธอเป็นคนฝากฝังเพื่อนเพราะรู้ว่านิพลอยากกลับไปพัฒนาโรงแรมของตนเอง
นิพลช่วยเหลือเธอหลายอย่าง ไม่เคยทิ้งเมื่อเธอลำบาก เขาชนะใจเธอ แต่อังคณาก็เป็นเพื่อนใหม่ที่ดีกับเธอมากเช่นกัน ช่วยเหลือเธอเสมอไม่ว่าเรื่องเงินทองหรืออย่างอื่น แต่ตติยากรก็ตอบแทนเพื่อนด้วยการเข้ามาทำความสะอาดที่คอนโดให้อังคณาทุกอาทิตย์ เธอยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อที่จะได้เรียนหนังสือ ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะสอบเข้ามหาลัยในคณะที่ต้องการได้ เธออดทนเรียนเพื่ออนาคตคนรอข้างหลัง
เสียงครางแว่วมาทางประตูห้องนอน ลางร้ายรออยู่ตรงหน้า แต่วันนั้นเธอก็เดินเข้าไปแง้มประตู เจ็บปวดเหลือเกินที่โดนคนรักและเพื่อนหักหลัง แต่เธอจะทำอะไรได้ ตบมือข้างเดียวคงไม่ดัง ได้แต่เดินจากมาทั้งน้ำตา
