บทที่39 เธอก็เสือ ฉันก็สิงห์
ไม่นานต่อจากนั้นอริสาก็ยอมกลับไปรวมกับคนอื่น ๆ เพราะกลัวจะผิดสังเกต ขณะที่ศารทูลนั้นไม่ได้ตามเข้าไปติด ๆ เพราะตอนออกมาหญิงสาวอ้างว่ามาเข้าห้องน้ำ ส่วนเขานั้นมีสายสำคัญ
ระหว่างที่ศารทูลยังไม่กลับเข้ามาเสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นไลน์ของอริสา นลินญา และสีหราชก็ดังขึ้นพร้อมกันไม่ยอมหยุดจนทั้งสามคนต้องเปิดอ่าน
ข้อความที่ใครคนนึงส่งมาผ่านสายตาของทั้งสามคนก่อนที่ศารทูลจะเดินกลับเข้ามาและพูดคุยกับสีหราชราวกับก่อนหน้านี้ไม่มีอะไร
อริสาลุกไปใกล้ ๆ เตาบาร์บิคิวก่อนจะมองหาของน่ากินโดยปราศจากสายตาคนมอง เงาร่างของใครบางคนเคลื่อนตัวมาหยุดอยู่ด้านหลังโดยที่หญิงสาวไม่รับรู้แต่เมื่อตั้งท่าจะหันกลับไปนั่งที่ก็ชนเข้ากับร่างนั้นจนเซ
มือหนารวบร่างบางไว้ก่อนที่หญิงสาวจะเสียหลัก ดวงตาคมมองหญิงสาวด้วยความห่วงใย “เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณสิรานนท์ และก็ขอโทษที่ไม่ระวังจนชนคุณเข้า” อริสาเอ่ยกับคนที่เธอชนจนเกือบเป็นฝ่ายล้มเสียเองด้วยความเป็นมิตร
“ผมสิต้องขอโทษที่มายืนตรงนี้”
“เอาเป็นว่าเราผิดทั้งคู่ดีกว่าค่ะ ไม่ต้องเกี่ยงกัน” หญิงสาวเอ่ยขณะที่ถอยห่างจากอีกฝ่ายเมื่อตั้งหลักได้ “คุณสิรานนท์จะมาดูของกินใช่มั้ยคะ เชิญค่ะ”
“แฟนคุณสบายดีรึเปล่า?”
“คะ?” หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับมีสีหน้างุนงง
“ไอ้ตฤณกันต์น่ะ สบายดีมั้ย?”
“คุณรู้จักกับตฤณ?”
“คุณนี่ความจำไม่ดีเลยนะ จำคนที่เคยจีบตัวเองก็ไม่ได้” สิรานนท์เอ่ยยิ้ม ๆ ไม่ได้ตำหนิจริงจัง
“จีบ?”
“ผมเป็นคนที่จีบคุณพร้อมนายตฤณไง แต่คุณเลือกเขาเพราะนายนั่นขี่บิ๊กไบค์เป็นแต่ผมขี่ไม่เป็น” สิรานนท์เอ่ยก่อนจะเงียบให้หญิงสาวได้คิด
อริสามองใบหน้าของสิรานนท์อีกครั้งก่อนที่ภาพหนึ่งจะผุดขึ้นในความทรงจำ ในตอนนั้นที่ตฤณกันต์มาจีบเธอก็มีรุ่นพี่ที่ตฤณกันต์บอกว่าเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมของเขามาตามจีบเธอด้วยแต่เพราะตฤณกันต์เพียรพยายามมากกว่าและยังขี่มอเตอร์ไซค์เป็น เธอที่ชื่นชอบการขับขี่มอเตอร์ไซค์จึงเลือกตฤณกันต์จากนั้นรุ่นพี่คนนั้นก็ไม่โผล่มาให้เห็นอีกเลย
“คุณคือรุ่นพี่ของตฤณ?”
“ครับ พอดีส่วนใหญ่ผมต้องดูแลรีสอร์ทให้คุณพ่อก็เลยไม่ค่อยได้เจอหมอนั่นกับคุณเลย พวกคุณแต่งงานกันหรือยัง?”
“เปล่าค่ะ เราเลิกกันแล้ว และตอนนี้ฉันก็แค่คนโสดที่น่าสมเพช” หญิงสาวตอบไปก่อนจะน้ำตาคลอ “ถ้าตอนนั้นฉันเลือกคุณก็คงไม่ต้องมาเจ็บแบบนี้ แต่มันก็สายไปแล้วนี่เนาะ คุณมีคู่หมั้นแล้วนี่”
“ก็แค่คู่หมั้นที่ไม่ได้รักกันเท่านั้นล่ะครับ” สิรานนท์เอ่ย “ที่บ้านอยากให้ผมหมั้นน่ะ”
“งั้นเหรอคะ?” น้ำเสียงของหญิงสาวคล้ายดีใจก่อนจะหยิบบางอย่างยื่นให้ “ถ้าไม่สายเกินไป โทรมานะคะ”
เมื่อสิรานนท์รับของที่ยื่นไปให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วอริสาก็เดินกลับไปรวมกับคนอื่น ๆ ทันที สิรานนท์มองสิ่งที่ได้มาก่อนจะยกยิ้ม นามบัตรที่มีเบอร์โทรศัพท์ถูกส่งมาให้แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกันนะ?
‘หึ ก็ไม่ได้ยากอย่างที่ตฤณกันต์พูดนี่...ท่าทางจะเสียใจจนนิสัยเปลี่ยนไปแล้วล่ะมั้ง แม่คุณหนูลูกสาวบิ๊กอรรค’
“ยัยอลินมาพูดอะไรกับพี่นนท์เหรอคะ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหันทำให้สิรานนท์หุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อหันไปมองจึงเห็นคนที่ก่อนหน้านี่ชอบใส่แว่นทำตัวเฉิ่มเชยยืนจ้องเขาอยู่ด้วยท่าทีราวกับภรรยาจับผิดสามี
“ไม่เกี่ยวกับเธอนี่ ฉันไม่ใช่แฟนเธอสักหน่อยอย่ามายุ่งกับฉัน”
“พี่นนท์ขา พี่นนท์ดูไม่ออกเหรอคะว่านิ้งคบกับสิงห์เพื่อให้พี่หันมาสนใจนิ้งบ้างน่ะ ทำไมพี่นนท์ถึงได้เย็นชานัก”
“หึ ในที่สุดก็ยอมรับแล้วสิว่าที่วิภาวีพูดน่ะเป็นจริง”
“พี่นนท์ก็รู้ว่าคะนิ้งชอบพี่นนท์”
“แล้วนายหมอสิงห์ผู้เพอร์เฟคนั่นล่ะ เอาไปไว้ไหน?” ชายหนุ่มถามพร้อมลอบยิ้ม กะแล้วไม่มีผิด นลินญาที่ก่อนหน้านี้จะเป็นจะตายเพราะเขามีหรือจะคบหาคนอื่นได้แบบปุ๊บปั๊บ ก็แค่แผนเรียกร้องความสนใจเท่านั้นล่ะ
“นิ้งก็แค่ขอให้หมอสิงห์ช่วย ความจริงแล้วหมอสิงห์เขาเป็นเกย์ต่างหากล่ะ พี่นนท์หึงนิ้งใช่มั้ยถึงได้ถามแบบนี้” หญิงสาวมีสีหน้ายินดีเมื่อเอ่ยประโยคสุดท้าย
สิรานนท์ใช้ความคิดก่อนจะผุดแผนชั่วขึ้นมา ชายหนุ่มแสร้งถอนใจอย่างจำนน “ใช่ หึง หึงมากด้วย”
“ในที่สุดนิ้งก็ทำสำเร็จ”
“ไม่คุยด้วยแล้ว เดี๋ยวคนอื่นสงสัย” ชายหนุ่มแกล้งเอ่ยก่อนจะเดินออกไป ทิ้งความหวังไว้ให้หญิงสาวผู้ยังยืนอยู่ โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าเป็นตัวเองนั่นล่ะที่ติดกับเข้าให้แล้ว
ศารทูลลอบมองเหตุการณ์ต่าง ๆ ก่อนจะลอบยิ้ม บางทีเราก็ต้องเป็นฝ่ายแกล้งโง่ให้อีกฝ่ายคิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลม
“ร้ายไม่เบานี่แกล้งหันมาชน” ชายหนุ่มกระซิบบอกคนที่นั่งดื่มน้ำส้มอยู่ข้าง ๆ โดยไม่มีใครสงสัยในความสัมพันธ์ เพราะไม่เคยมีสัมภาษณ์ไหนที่อริสาบอกว่าไม่ถูกกับฝาแฝดของเพื่อนสนิทอย่างหมอสีหราชนั่นเอง คนอื่น ๆ ยกเว้นตาภานุและคุณน้ำรินจึงเข้าใจว่าเป็นการพูดคุยกันตามประสาเพื่อน
“ไม่ร้ายเสียบ้างก็ถูกปั่นหัวอยู่ฝ่ายเดียวสิ เขาบอกว่าลูกเสือก็ต้องเป็นเสือ ลูกสิงห์ก็ต้องเป็นสิงห์สิ จะเป็นแมวเชื่อง ๆ ให้คนนั้นหลอก คนนี้ลวงได้ยังไงกัน”
“เวลาร่วมมือกันนี่ไม่มีใครมองออกว่าไม่ถูกกันเลยนะพวกนายเนี่ย” สีหราชที่นั่งข้างขวาของอริสาเอ่ย “คนนึงก็เสือ คนนึงก็สิงห์ แต่จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก ไม่ได้โกรธเกลียดกันขนาดอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้สักหน่อย ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่กันไปได้”
“บ่นอยู่ได้” อริสาและศารทูลเอ่ยพร้อมกันเมื่อสีหราชพูดเรื่องแปลก ๆ ออกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับแผนการอะไรเลย
“ก็มันจริงนี่ คนนึงเสือ คนนึงสิงห์ ทำเป็นแยกเขี้ยวใส่กัน แต่จริง ๆ ก็มีมุมที่ยอมรับว่าอีกฝ่ายเจ๋งสุด ๆ ไปเลย ฉันรู้หรอก”
“เพ้อเจ้อ” สองหนุ่มสาวเอ่ยพร้อมกันอีกครั้งก่อนที่สีหราชจะส่ายหัวและเดินไปหานลินญา บางทีสีหราชก็รู้สึกขี้เกียจคุยกับคนไม่ยอมรับความจริง
ถ้าสองคนนี้ไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ป่านนี้รักกันหวานชื่นไปแล้ว
“จะว่าไปที่สิงห์พูดก็มีส่วนจริงนะ เธอก็เสือ ฉันก็สิงห์ ทั้งที่จริงไม่มีอะไร” อยู่ ๆ ศารทูลก็นึกถึงเพลงคู่กัดขึ้นมาจนหลุดขำ เขาเป็นบ้าอะไรถึงนึกอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้นะ
“เราไม่เคยพูดจากันดี ๆ เลยนะ เธอก็ไม่ยอม ฉันก็ไม่ยอมมาตลอดเลย” ชายหนุ่มมองมาที่อริสาอีกครั้งก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา “ยอมวางเรื่องเก่า เลิกกัดกันแล้วมารักกันดีมั้ย น่าจะสนุกดี...ว่ามั้ย”
