บท
ตั้งค่า

บทที่40 ตอนนั้นฉันพูดจริงนะ

อริสานิ่งไปกับคำชวนโต้ง ๆ ของชายหนุ่ม มีใครที่ไหนชวนมารักกันเหมือนชวนเล่นขายของแบบนี้เล่าบ้าบอจริง โรแมนตง โรแมนติกไม่มีหรอก แล้วเธอจะตอบยังไงดีล่ะเนี่ย...อยู่ ๆ ก็ปฏิเสธไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“อย่ามาพูดเล่นแบบนี้นะ ฉันไม่สนุกด้วย” ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น คิด ๆ ดูแล้วน่าจะเป็นคำพูดเล่นเสียมากกว่า

“เรื่องแบบนี้ใครเขาเอามาพูดเล่นกันล่ะ เคยเห็นฉันพูดเล่นในเรื่องทำนองนี้มั้ย”

“ก็ใครจะไปรู้เล่า นายอาจจะแกล้งพูดพอฉันเผลอหลวมตัวนายอาจจะหัวเราะเยาะฉันก็ได้”

“ก็บอกว่าอย่าขี้มโนไงเล่า ฉันเคยทำแบบนั้นเหรอ?”

“เคย” หญิงสาวสวนกลับอย่างรวดเร็ว “ที่ไปปลูกป่ากันตอนม.ห้าไง”

ศารทูลเบิกตาแทบจะถลนเมื่อได้ยินคำว่าปลูกป่า ความทรงจำที่ฝังลงลึกจนแทบจะลืมเลือนไปแล้วผุดขึ้นมาในสมองราวกับก๊อกน้ำถูกเปิด ใบหน้าคมร้อนผ่าวจนต้องเบือนหนี มันเป็นความทรงจำที่ทำให้เขาเขินและอับอายขึ้นมาพร้อม ๆ กัน

“หึ ถึงกับไม่กล้าสู้หน้าเชียวเหรอ ไงล่ะ ยังจะกล้าพูดว่านายไม่เคยทำแบบนั้นอีกรึเปล่า?”

“ฉัน...” ชายหนุ่มเอ่ยเพียงแค่คำเดียวก็ต้องหันหลังให้ด้วยไม่อยากให้หญิงสาวเห็นท่าทีคล้ายเขินอายของตน “ตอนนั้นฉันพูดจริง ๆ ต่างหากเล่ายัยบ้า แต่เพราะไอ้ปรัชเข้ามาฉันกลัวเสียหน้าก็เลยบอกว่าแกล้งต่างหากเล่า เธอมันไม่เข้าใจอะไรเสียบ้างเลย”

“หะ?”

“ฉันบอกว่าตอนนั้นฉันพูดจริงไงเล่า ยัยบื้อ” เป็นเรื่องที่พูดแล้วก็กระดากอายแต่ก็ต้องพูด ไหน ๆ เรื่องราวมันก็เป็นมาแบบนี้แล้ว เขาคงไม่ต้องเฉไฉแล้วมั้ง พูด ๆ ไปเสียให้หมดบางทีอะไร ๆ มันอาจจะง่ายขึ้นก็ได้

อริสาใบ้กินไปชั่วขณะ คำว่ายัยบื้อคือคำสุดท้ายที่หญิงสาวได้ยินหลังจากคำนั้นหูก็อื้ออึงไปหมดจนไม่ได้ยินอะไร

พูดจริงอย่างนั้นเหรอ?

ศารทูลบอกว่าที่พูดวันนั้นพูดจริงอย่างนั้นเหรอ?

ดวงตาสองคู่สบประสาน อริสากำลังมองหาแววโกหกจากตาคู่คมทว่ากลับไม่มีให้เห็น มีเพียงดวงตาที่ทอแสงคล้ายกับวันนั้น...ความทรงจำที่หนึ่งคนคิดว่าน่าอายจนหลงลืม กับอีกคนกรุ่นโกรธจนจำฝังใจผุดขึ้นมาฉายย้อนในสายตาของคนทั้งคู่

สิบสามปีก่อน

ดวงตาคู่หวานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและดื้อรั้นแอบลอบมองร่างหนาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ภายในรถทัวร์ทัศนศึกษาของโรงเรียนก่อนจะเสมองทางอื่น ทำทีเป็นมองบรรยากาศสองข้างทางที่แปลกตาทว่าก็เผลอหันกลับมามองคนข้าง ๆ อยู่หลายครั้งอย่างอดไม่ได้

อริสาในวัยสิบเจ็ดปีเขยิบไปจนชิดนลินญาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จนเพื่อนสาวแนบชิดกับหน้าต่างเมื่อรู้สึกว่าอัตราการเต้นของหัวใจแปลกไปเมื่อมองไปยังพื้นที่ข้าง ๆ

“นี่อลิน ฉันไม่สิงรถนะแก อย่าเบียดนักสิ ที่ข้างเสือก็ออกตั้งกว้าง”

“ก็ ก็ฉันไม่อยากนั่งข้างนายนี่นี่ ถ้ามันกัดฉันจะว่าไงเล่าคะนิ้ง” เด็กสาวว่าก่อนจะมองคนที่ทำให้เธอผิดปกติ...ใช่ คนบ้านี่ก็คือคนที่ไม่ควรอยู่ตรงนี้อย่างศารทูลนั่นเอง เจ้าบ้านี่ไปเรียนโรงเรียนเตรียมตำรวจตั้งปีแล้ว นึกว่าจะไปแล้วไปลับ ดันกลับมาร่วมทัศนศึกษาด้วยเสียงั้นแถมมาคราวนี้ไม่ธรรมดาเสียด้วย

ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับ หนึ่งปีที่ไม่ได้เจอะได้เจอทำให้การเจอกันคราวนี้มันแปลก ๆ ...แปลกที่หัวใจเธอมันเต้นตึกตักน่ะสิ

‘ไม่ได้นะอลิน อย่าลืมสิเค้กน่ะเค้ก’

“ฉันไม่ใช่หมา” น้ำเสียงน่าฟังแต่ไม่นุ่มนวลเอ่ยก่อนจะทำไม่สนใจ

“ฮึย นี่คะนิ้ง เปลี่ยนที่กัน”

“อะ ๆ เปลี่ยนก็ได้” สาวแว่นว่าก่อนที่ทั้งคู่จะลุกขึ้นยืนหมายจะสลับที่กันทว่าไม่ทันจะได้สลับที่กันรถก็เบรกอย่างกะทันหัน เพราะทั้งคู่รวมถึงศารทูลและสีหราชเลือกนั่งแถวหลังสุดที่มีเบาะยาวอริสาที่ลุกขึ้นจากตรงกลางเบาะยาวจึงหาที่ยึดไว้ไม่ทัน ร่างบางเซไปตามแรงเบรก

เด็กสาวจินตนาการตอนลงไปวัดพื้นรถไว้ในหัวเป็นที่เรียบร้อยทว่าทุกอย่างกับไม่ได้เป็นไปตามนั้น...เมื่อร่างบางถูกแขนแข็งแรงรวบไว้ได้ทันทั้งยังดึงให้ไปนั่งอยู่บนบางอย่างที่นุ่มกว่าเบาะ

ดวงตาคู่หวานลืมตามองรอบ ๆ ก่อนจะมองไปยังด้านหน้าที่มีเสี้ยวหน้าคมปรากฏอยู่อย่างมึนงง เจ้าของเสี้ยวหน้าคมเข้มหันมามองตอบก่อนที่สายตาของทั้งคู่จะจ้องมองกันไม่วางตา

“ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นน่ะ”

“ไม่รู้ดิ เฮ้ยมีใครเป็นอะไรมั้ย?”

“ข้างหน้าไม่มี ข้างหลังล่ะ?”

เสียงโวยวายจากด้านหน้าเข้าหูบ้าง ไม่เข้าหูบ้างอริสาแทบฟังไม่เข้าใจ กระทั่งรู้สึกว่าหลายสายตามองจ้องร่างตนอยู่เด็กสาวจึงหันไปมองดวงตาเหล่านั้นอย่างฉงน

“อะไรน่ะ ทำไมมองแบบนั้น”

“สงสัยจะเป็นอุบัติเหตุรักเว้ยเฮ้ย”

“ฮิ้ว”

เสียงโห่แซวดังลั่นจนอริสาต้องมองสำรวจตัวเองอีกครั้ง “เฮ้ย”

เด็กสาวอุทานลั่นพร้อมกับกระโดดออกราวกับเจอของร้อนเมื่อพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนตักคนที่ไม่ควรเข้าใกล้

“ไม่ต้องเขิน ๆ พวกพี่เข้าใจ” เสียงแซวยังคงมีเข้ามาไม่ขาดสายทำเอาใบหน้าหวานแดงซ่านไปหมด

“พี่คนขับครับ ขับดี ๆ หน่อยเดี๋ยวน้อง ๆ เขาสปาร์คกันขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะครับ ฮิ้ว”

“บ้าบอ” ศารทูลเอ่ย “ใครจะไปสปาร์คกับยัยเอเลี่ยนนี่กันเล่า”

“ฉันก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่มีทางสปาร์คกับสัตว์ต่างสปีชี่ส์แบบอีตานี่หรอก”

“ให้มันจริงเฮอะ ไม่ใช่นั่งใกล้กันไป มองกันไปกันมาเกิดรักกันขึ้นมาน่ะเว้ย” ปุริมปรัชญ์เอ่ย “เกิดเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจะล้อยันลูกบวชเลย”

“เออ ๆ ฉันเอาด้วยเว้ย” เตชินทร์เสริมก่อนที่เพื่อน ๆ คนอื่นร่วมไปถึงรุ่นพี่รุ่นน้องที่นั่งมาในรถคันเดียวกันจะร่วมด้วย

“ไม่มีวัน/ไม่มีวัน” คนถูกแซวทั้งคู่เอ่ยออกมาแทบจะเป็นเสียเดียวกันและไม่แคล้วถูกแซวหนักเข้าไปอีก

“ขนาดพูดยังพร้อมกันเลยเว้ย”

“ไร้สาระ” ศารทูลว่าให้ก่อนจะขอเปลี่ยนที่กับสีหราชเพื่อตัดปัญหาทว่าไอ้น้องชายตัวดีก็ไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย

“ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ ก็ไม่มีวัน” อริสายังคงยืนยันจะเปลี่ยนที่กับนลินญาเช่นกันแต่ดูเหมือนนลินญาจะไม่อยากเปลี่ยนเสียแล้ว เด็กหนุ่มและเด็กสาวจึงจำต้องนั่งที่เดิมทว่าทั้งคู่แทบจะหันหลังชนกันเลยทีเดียว

“ใครจะไปสปาร์คกับคนพรรค์นี้กัน ชิ”

“ฉันต่างหากที่ควรจะพูดคำนั้น ยัยเอเลี่ยน”

เสียงทะเลาะถกเถียงไม่หยุดไม่หย่อนคือสิ่งที่ทุกคนได้ยินต่อจากนั้นทว่าพอผ่านไปไม่นานคนหันหลังให้กันก็หลับคอพับพิงกันเสียจนหลายคนนึกหมั่นไส้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel