บทที่35 หึงเค้าอะดิ
หลังจากกินจนอิ่มแล้วอริสาก็กำหนดทิศทางเป้าหมายต่อไปในทันที นั่นคือการไปหาของขวัญให้กับคุณตาของนลินญาซึ่งมีวันคล้ายวันเกิดตรงกับวันนี้แต่หลังจากที่หาของขวัญได้แล้วหญิงสาวกลับไม่ตรงไปที่ร้านเสื้อผ้าผู้หญิงที่เธอมักจะไปประจำ
“ไม่ไปซื้อเสื้อผ้าเหรอ?”
“ไป แต่ก่อนหน้านั้นฉันต้องจัดการกับบางอย่างก่อน”
“อะไร” ศารทูลมองหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ
“จะอะไรเสียอีกล่ะ ก็เสื้อนายไง ถ้านายยังคิดจะตามติดฉันอย่างกับเงาแบบนี้นายก็ต้องเปลี่ยนเสื้อออกไปให้หมด ฉันเหม็น”
“เสื้อ?” ชายหนุ่มเอ่ยแล้วก็มองเสื้อของตัวเองอย่างลังเลแต่แล้วก็ยอมพยักหน้า “ก็ได้ แต่เธอต้องเลือกให้นะ ฉันไม่ค่อยได้สนใจเรื่องเสื้อผ้าเท่าไหร่”
“ก็ได้ ร้านเสื้อผ้าอยู่ทางโน่น ไปกันเถอะ” หญิงสาวเอ่ยแล้วก็ยื่นมือมาจูบมือหนาก้าวเดินทว่าชายหนุ่มกลับไม่เดินตามแรงไปอย่างว่าง่าย
ดวงตาคู่คมมองมือบางที่จับกุมมือเขาด้วยความรู้สึกแปลก ๆ อริสาที่นึกขึ้นได้รีบปล่อยมือทันที
“โทษ ฉันนึกว่ามากับนิ้งกับแพน มันชิน” เพราะปกติเวลามาเที่ยวห้างสรรพสินค้าเธอจะชวนแพนธีรา ชริมา หรือไม่ก็นลินญามาและมักจะจูงมือกันไปไหนมาไหนเสมอ ช่วงที่คบหากับตฤณกันต์เองก็จูงมือกันเสมอทำให้เธอเคยชินกับการจูงมือมากกว่า
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ชายหนุ่มยักไหล่บอกก่อนจะยื่นไปฉวยมือบางขึ้นมากุมไว้ “ไปสิ อะไรที่เคยชินก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เธอไม่ได้มาคนเดียวก็ต้องเดินจูงมือสิ”
อริสาเลี่ยงสายตาแก้เก้อก่อนจะเดินออกนำหน้าจับจูงชายหนุ่มไปยังร้านเสื้อผ้า ศารทูลไม่ได้ปล่อยมือและก็ไม่ได้บ่นอะไร ก็ใช่ว่าไม่เคยเห็น สมัยเรียนไม่ว่าไปไหนมาไหนพวกสาว ๆ ก็จูงมือกันเดินตลอด บ้างก็จูงมือกันสามคนบ้าง สี่คนบ้าง และบางครั้งก็จูงมือกันครบทุกคนเดินเรียวแถวหน้ากระดานไม่รอหนุ่ม ๆ
แต่ถ้าจะไม่พอใจล่ะก็...มีอยู่นิดเดียวล่ะ ก็ตรงที่ไอ้หมอนั่นมันเคยทำมาก่อนไงล่ะ ไม่รู้ว่าทำไมถึงหงุดหงิดนักเวลานึกถึงไอ้หมอนั่น ไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ
ดวงตาคู่หวานเหล่มองร่างสูงโปร่งหุ่นนาฬิกาทรายของพนักงานขายเสื้อผ้าที่ยืนฉีกยิ้มให้ศารทูลก่อนจะยกมือกอดอก รู้สึกหมั่นไส้ผู้ชายแถวนี้เสียจริงมีผู้หญิงน่ารักหุ่นดีมาใกล้เข้าหน่อยก็ตาลุกวาว
‘ตาหนูของหม่าม้า โตขึ้นหนูอย่าเป็นแบบนี้นะลูก มันไม่น่ารัก’ หญิงสาวคิดในใจก่อนจะสะบัดผมเดินเข้าไปภายในมุมนึงของร้านไม่สนใจคนทั้งคู่อีก
“เขาเป็นอะไรของเขาอะคะ?” พนักงานสาวเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ อยู่ ๆ ก็มีคนมาเชิดสะบัดผมใส่แล้วก็เดินหนีแบบนี้ไม่งงสิแปลก
“เป็นคนท้องขี้เหวี่ยงครับ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะมองตามคนเดินหนีไปอย่างขบขัน ฮอร์โมนคุณแม่หรือว่าหึงล่ะนั้น
“คนท้อง เอะ หรือว่าจะเป็นภรรยาของสารวัตรคะ?”
“ครับ”
“ว้าว ดีใจด้วยค่ะ”
“ผมว่าเข้าเรื่องกันดีกว่านะก่อนที่เขาจะคิดไปไกลกว่านี้” ชายหนุ่มเอ่ยเตือนเพราะอยากจะรีบคุยให้จบจะได้ตามว่าที่คุณแม่ไปสักที ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงแสดงท่าทีแบบนั้นออกมาทั้งที่เขาก็แค่เดินเข้าไปทักทายพนักงานสาวที่ยืนยิ้มรออยู่เพราะมีธุระที่เขาสามารถช่วยเหลือได้ก็เท่านั้น
“คืออย่างนี้ค่ะ ไอ้มีนมันบอกมิ้นว่า....” เพราะมีน้องชายเป็นสายของศารทูลและคนเป็นน้องก็ปลีกตัวมาเจอชายหนุ่มเองไม่ได้จึงต้องฝากความมากับพี่สาวอย่างเธอ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มแวะมาที่ร้านทำทีเป็นเลือกซื้อเสื้อผ้าเพื่อที่จะฟังข้อมูลจากสาย
ก่อนหน้านี้เขาก็มาที่นี่พร้อมกับซากิโกะ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้หญิงสาวได้ซื้อเสื้อให้เขาจนมีคนบางคนเหม็นกลิ่นเสื้อตัวนั้นอย่างหนักยังไงล่ะ
ด้านอริสาที่เดินห่างออกมาได้แต่ฮึดฮัดเพราะคนแถวนี้ไม่ยอมตามมาสักที
“นี่ล่ะนะนิสัยผู้ชาย หึ”
“เจอผู้หญิงสวยหน่อยไม่ได้ เจออกตูม เอวคอด บั้นท้ายดินระเบิดเข้าหน่อยล่ะลืมทุกอย่าง”
“ฮึย ผู้ชายหื่นกาม” ปากได้แต่พึมพำมือไม้ก็กอดอกไว้เพราะกลัวจะไปทำลายข้าวของอะไรเข้า
“ชอบล่ะแบบนั้นน่ะ ฮึย”
“หึงเค้าอะดิ?” น้ำเสียงออกไปทางทะเล้นกว่าปกติดังขึ้นข้าง ๆ หูทำเอาคนอารมณ์ไม่ดีสะดุ้งโหยง
“ไอ้แมวบ้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงตกใจหมด”
“ก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาไม่ให้สุ้มให้เสียงหรอก แต่คนแถวนี้เดินมาไม่บอกไม่กล่าวก่อนทำไมล่ะ” ศารทูลเอ่ยก่อนจะมองอย่างล้อเลียน “ที่รีบเดินหนีมาเนี่ย หึงล่ะสิ”
“บ้า ใครจะไปหึงคนอย่างนาย ไม่ได้หึง”
“ไม่หึงแล้วเดินหนีมาทำไม แล้วก็มาฮึดฮัดคนเดียว แบบนี้ไม่หึงเหรอ?”
“ไม่ได้หึง” หญิงสาวแย้งทั้งที่จริง ๆ ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นอะไร
“จริงดิ?”
“ฟังนะไอ้แมวโอหัง ฉัน-ไม่-ได้-หึง ฉันแค่...” เธอเว้นคำพูดเพื่อหาข้อโต้แย้งก่อนจะเอ่ยออกไป “ก็แค่...ฮอร์โมนคนท้อง ใช่ มันเป็นอารมณ์เพราะท้อง ไม่ได้หึง ได้หวงอะไรเลย”
“ปากแข็ง”
“นายอยากให้ฉันองค์ลงมั้ย?”
“โอเค ๆ ที่เธอแสดงออกไปก็แค่...ฮอร์โมนคนท้อง” ชายหนุ่มยอมจำนนทั้งที่ไม่เชื่อสักนิด ที่จริงก็หึงกันนั่นล่ะ คนมีความสัมพันธ์กัน ผูกพันกันจะไม่รู้สึกมันเป็นไปได้เหรอ ยัยคนนี้แค่ปากแข็งเท่านั้นล่ะ
“แล้วเมื่อกี้นี้คุยอะไรกับคุณพนักงาน คุยกันตั้งนานสองนาน นัดเดตเหรอ?”
“มโนเก่งนะเราเนี่ย” ชายหนุ่มว่าให้ก่อนจะส่ายหน้า “ฟังนะ ฉันไม่คุยกับผู้หญิงที่ไม่ใช่เพื่อนถ้าไม่ใช่เรื่องงาน เธอไม่ต้องมโน”
“หึ ก็เห็นมีส่งสายตากันมุ้งมิ้ง”
“เธอมโนเอาเองแล้วแบบนั้นน่ะ ส่งสายตามุ้งมิ้งอะไร ไม่มีสักหน่อย หนักแล้วนะเรา ตอนไม่ท้องก็ชอบมโนอยู่แล้วตอนท้องนี่ยิ่งหนัก เฮ้อ สงสัยต้องพาไปหาหมอสักวัน”
“ไอ้บ้า ฉันไม่ได้ประสาทหลอนนะถึงได้จะพาไปหาหมอน่ะ”
“โธ่ ๆ แม่มะนาวต่างนุดของพี่ พี่ยังไม่ได้พูดสักคำเลยนะว่าจะพาไปหาหมออะไร อย่ามโนเองสิ” ชายหนุ่มว่าให้ก่อนจะถูกฟาดด้วยกระเป๋าอย่างไว
“ใครไปเป็นแม่มะนาวต่างนุดของนายฮะ?”
“ก็เอเลี่ยนน้อยตรงหน้านี่ไง”
“ไอ้บ้า” อยู่ ๆ ก็เขินกับคำว่าของพี่ขึ้นมาจะยิ้มก็ไม่ได้ จะโกรธตีหน้าโมโหใส่ก็ทำไม่ได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น จึงได้แต่พยายามกลั้นยิ้มไม่ให้ศารทูลได้เห็น
“ไปดูเสื้อได้แล้ว” หญิงสาวทำเสียงขึงขังบอกก่อนจะเดินนำไป ศารทูลหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินตามไป
