บทที่32 หวิว ๆ
แพนธีรามองแผ่นหลังของคนเดินจากไปด้วยความไม่ไว้ใจ ไม่ต่างจากชริมาที่รู้สึกตงิด ๆ ตฤณกันต์พูดจาน่าสงสัยเสียจริง
“ไม่ได้ล่ะ พี่ต้องโทรไปเตือนอลิน”
“ดีค่ะ”
แพนธีราที่ได้รับคำสนับสนุนหยิบสมาร์ทโฟนมาขึ้นมาโทรศัพท์หาอริสาทันที ความจริงวันนี้เธอก็แปลกใจไม่น้อยที่อริสาไม่มาทำงานแต่ก็ไม่ได้เป็นกังวลด้วยรับรู้แล้วว่าเพื่อนสาวกำลังตั้งครรภ์แถมยังแพ้ท้องหนักเสียด้วย อริสาอาจจะแพ้ท้องจนมาทำงานไม่ไหวก็เป็นได้
อีกฟากหนึ่ง
เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนที่วางไว้หัวเตียงทำให้คนกำลังหลับสบายรู้สึกตัวตื่น มือบางยื่นสะเปะสะปะไปหยิบสมาร์ทโฟนมารับสายโดยไม่มองรายชื่อที่โทร.เข้ามาแม้แต่น้อย
“ฮะโหล” เสียงงัวเงียเอ่ยขณะที่ดวงตาลืมขึ้นและกะพริบไล่ความง่วงงุน ดูเหมือน...เธอจะตื่นสาย
“เพิ่งตื่นเหรอ?”
“อ้าว แพนเหรอ เออจริงสิ สายแล้วนี่ ฉันต้องไปทำงานนี่” คนเพิ่งตื่นตกใจไม่น้อยเมื่อเพื่อนสาวเป็นฝ่ายโทรมาหา จะต้องโทรมาตามไปทำงานแน่เลย
“ทำงงทำงานอะไรยะ นี่มันบ่ายแล้วแก ไม่ต้องมาแล้ว ฉันบอกบอสแกแล้วว่าวันนี้แกลา”
“ฮะ บ่าย บ่ายแล้ว!!!”
“พอ ๆ ไม่ต้องตกใจไป ฉันเข้าใจแก ตอนฉันท้องฉันก็เคยขี้เซานอนตั้งแต่เช้ายันบ่ายเหมือนกัน ว่าแต่ท่าทางจะหลับสบายนะแกถึงได้เพิ่งตื่นเนี่ย”
“ก็หลับสบายอยู่นะ แต่ฝันบ้าอะไรไม่รู้ปวดเนื้อปวดตัวไปหมดเลย” คนเพิ่งตื่นบ่นพร้อมกับลุกขึ้นนั่งเปิดลำโพงโทรศัพท์ก่อนจะวางลงบนตักและบิดขี้เกียจไล่ความขบเมื่อย
บ้าบอจริง ทำไมเธอถึงปวดเมื่อยไปทั้งตัวแบบนี้ล่ะ
“ว่าแต่แกโทรมาปลุกเหรอ?”
“เปล่า ฉันมีเรื่องจะเล่าให้แกฟังน่ะ แกสะดวกฟังมั้ย” เสียงของแพนธีราดังมาพร้อมกับเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นที่ฟังอย่างไรก็รู้ว่าไม่ใช่เพียงคู่เดียว
“เสียงรองเท้าแปลก ๆ นะ อยู่กับใครอะ?”
“กับริมาน่ะ กำลังจะไปทานมื้อเที่ยงกัน”
“ว้าว จะว่าไปฉันก็หิวแฮะ แกมีอะไรจะเล่าก็รีบเล่ามาเลยฉันจะได้ไปหาอะไรกินบ้าง” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นลูบพุงกะทิตัวเองปรอย ๆ แตะแล้วก็ต้องร้องอุทานเบา ๆ
ทำไมลูบแล้วแปลก ๆ อย่างกับไม่ได้ใส่เสื้อ?
“ก็วันนี้แกไม่มาทำงานใช่มั้ยล่ะ ผัวเมียคู่นั้นก็เลยมาถามหาน่ะสิ ยัยคนเมียน่ะแค่แกล้งถามเพราะมีข่าวลือกันว่าแกมีอาการแปลก ๆ นางคงมโนว่าแกใกล้ตายมั้งเลยแกล้งถาม แต่คนผัวสิ มาถามฉันหลังเมียนะ ดวงตานางดูห่วงใยแกมากอะ มากจนฉันนึกไม่ออกว่าทั้งที่รักที่ห่วงขนาดนี้ทำไมนางถึงได้กล้าทำร้ายจิตใจแกได้” คำพูดของแพนธีราทำให้หญิงสาวละความสนใจจากความรู้สึกแปลก ๆ ไปสนใจคำพูดของเพื่อนสาวแทน
ห่วงงั้นเหรอ? ผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ?
“แกจะเอาเรื่องเพ้อเจ้อนี่มาบอกฉันทำไมเนี่ย”
“ฟังให้จบก่อน ฉันน่ะบอกว่าแกจะเป็นอะไรก็เรื่องของแกไม่เกี่ยวกับนางแล้วก็เดินหนีมากับริมา ฉันรู้สึกตงิด ๆ เลยแอบดูนาง แล้วแกรู้มั้ยว่าฉันกับริมาได้ยินอะไร?”
“แกไม่บอกแล้วฉันจะรู้มั้ย?”
“ไอ้หมอนั่นพูดว่า แกจะไปห่วงยัยนั่นทำไม แกต้องทำยังไงต้องจำไว้สิวะ อย่าไปใจอ่อนกับลูกของผู้ชายคนนั้น” เสียงของชริมาแทรกมา “แล้วก็กำหมัดแน่นเลยค่ะแล้วก็พูดว่า ผู้ชายคนนั้นมันต้องเจ็บกว่าฉันร้อยเท่า ยัยนั่นจะเป็นจะตายยังไงก็ช่างสิ พวกเราได้ยินอย่างนี้ค่ะพี่อลิน”
“อย่าใจอ่อนกับลูกของผู้ชายคนนั้น? แล้วก็ผู้ชายคนนั้นมันต้องเจ็บกว่าฉันร้อยเท่าเหรอ?” หญิงสาวพึมพำกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะรู้สึกตกใจไม่น้อย “ผู้ชายคนนั้นหมายถึงป๊าเหรอ?”
“ฉันไม่รู้ แต่ยัยนั่นที่พูดถึงน่ะคือแกแน่ ๆ” แพนธีราตอบมาก่อนจะวิเคราะห์ “ฉันว่านายตฤณต้องมีจุดประสงค์ที่เข้ามาหาแกแน่ ๆ”
“จุดประสงค์?”
“ริมาขอออกความเห็นนะคะ” ชริมาแทรกขึ้นอีกครั้ง “จากคำที่ว่าผู้ชายคนนั้นต้องเจ็บกว่าฉันร้อยเท่านั่นน่ะ นายนั่นต้องมีความแค้นกับผู้ชายคนนั้นที่พูดถึงแน่ ๆ และจากคำพูดทั้งหมดที่หลุดมาผู้ชายคนนั้นก็คือคุณพ่อของพี่อลิน นั่นก็อาจจะเป็นไปได้ว่าพี่อลินคือ...”
“คืออะไร?”
“เครื่องมือที่จะช่วยให้แก้แค้นลุงอรรคได้ นายนั่นเข้ามาคบกับพี่อลินทำให้พี่อลินรักแล้วอยู่ดี ๆ ก็นอกใจไปทำยัยน้ำเน่านั่นท้องและแต่งงาน นายนั่นต้องการให้พี่อลินเสียใจ มีพ่อที่ไหนจะมีความสุขล่ะคะถ้าลูกเสียใจ”
“ริมาพูดก็น่าคิดนะแก”
อริสานิ่งไปไม่ตอบกลับอะไร อดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นอย่างนั้นก็เป็นไปได้
อยู่ ๆ คำพูดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวอย่างห้ามไม่อยู่...
“เรากลับมาคบกันลับ ๆ ก็ได้นะอลิน น้ำหวานเขาไม่รู้หรอก?”
“จริงสิ นายตฤณเคยมาชวนแกคบแบบลับ ๆ นี่ มันต้องคิดจะให้แกเป็นเมียน้อยมันด้วยแน่ ๆ แกห้ามใจอ่อนเชียวนะอลิน” แพนธีราเอ่ยขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ ฉุดให้อริสาหลุดจากการจมอยู่กับความหลัง
ใช่ ตฤณกันต์เคยมาพูดในทำนองนั้น เขาเคยชวนเธอกลับไปคบแบบลับ ๆ ถ้าเธอขาดเขาไม่ได้จริง ๆ
“นี่อลิน ฟังอยู่มั้ย รับปากสิแกว่าแกจะไม่ไปเป็นเมียน้อยมันน่ะ ถ้าที่ริมาพูดมาเป็นจริงพ่อแกต้องเสียใจมากแน่ อลิน”
“นี่ ๆ ไม่ต้องเรียกบ่อยก็ได้ แกก็คิดมากไปนะ”
“ฉันไม่ได้คิดมาก”
“จ้ะ ๆ คุณแม่ คุณแม่ไม่ได้คิดมากเลย แต่กำชับไม่ให้คุณลูกที่กำลังจะเป็นแม่คนไปเป็นเมียน้อย แก..ฉันมีหนูแฝดแบบนี้ต่อให้ร่ำร้องจะไปเป็นเมียน้อยเขา เขาก็คงไม่เอาหรอกนะ” หญิงสาวแสร้งขบขันทั้งที่มีความวิตกกังวล
ในหัวมีแต่คำถามว่า...ตฤณกันต์มีจุดประสงค์อย่างนั้นจริง ๆ น่ะเหรอ?
“เออฉันก็ลืมไป”
“เอ๋ พี่อลินทะ...”
“เบา ๆ สิริมาเดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหมดหรอก เดี๋ยวไม่เลี้ยงข้าวเสียเลยนี่” เสียงของแพนธีราและชริมาที่ดังมาทำให้อริสาเห็นว่าควรจะเลิกคุยได้แล้ว
“ฉันว่าพวกแกไปกินข้าวเถอะ ฉันมีเรื่องที่ต้องพิจารณาพอดี กินเผื่อด้วยนะบาย” อริสารีบตัดบทก่อนจะตัดสินใจก้มมองตัวเอง...มันก็สักพักแล้วล่ะที่เธอรู้สึกหวิว ๆ ลมเย็น ๆ
“เฮ้ย”
