บทที่28 รื้อฟื้นกันหน่อยดีกว่า
“ไม่ใส่ล่ะ แฟนอุตส่าห์ซื้อให้” อริสาผู้เหม็นกลิ่นเสื้อยังคงเอ่ยเรื่องเสื้อที่มีใครคนนึงซื้อให้คนเป็นพ่อของลูก
“บอกว่าไม่ใช่แฟนไง แล้วพรุ่งนี้ฉันก็จะเอาไปคืนด้วย”
“จะเอาไปคืนทำไม แฟนนายเขาจะเสียใจเอานา” อริสายังไม่หยุดหาเรื่อง
“ก็บอกว่าเขาไม่ใช่แฟนฉันไงอลิน ฉันเป็นผัวเธอนะอย่ามาหาว่าฉันเป็นแฟนคนโน่นคนนี้สิ”
“นี่ ผัวทงผัวเธออะไร นายมาเป็นผัวฉันเมื่อไหร่ใครอนุญาตมิทราบ”
ศารทูลจ้องเขม่นคนพูดจาไม่น่าฟังก่อนจะเงียบและเก็บกวาดเสื้อผ้าที่ถูกรื้อขึ้นไปไว้ในตู้ อริสามองตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ...ทำไมไม่ตอบโต้
นี่มันผิดวิสัยของศารทูลไปหน่อยนะ?
ศารทูลเก็บข้าวของอย่างใจเย็นโดยไม่สนใจอาการงุนงงของหญิงสาวจนกระทั่งเก็บของเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยร่างสูงก็ก้าวเข้ามานั่งลงข้าง ๆ หญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะจู่โจมกอดหญิงสาวโดยไม่ทันให้หญิงสาวได้ตั้งตัว
“นะ นาย”
“เธอคงลืม...ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันจะรื้อฟื้นให้เธอเอง” คนเข้ามากอดร่างบางไว้เอ่ยกระซิบข้างหูก่อนจะทิ้งตัวลงจนหลังบางแนบชิดกับพื้นเตียง “เรามารื้อฟื้นกันหน่อยดีกว่าฉันเป็นผัวเธอตอนไหน ยังไง”
“ไอ้...” ชายหนุ่มไม่ยอมให้หญิงสาวได้พูดจนจบ ริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับลงบนเรียวปากสีเชอรี่อย่างเอาแต่ใจ ถ้าจะถามเขาว่าระดับความเอาแต่ใจของเขาตอนนี้อยู่ในระดับใดเขาคงตอบไม่ได้ว่าบัญญัติระดับนี้ว่าอย่างไร แต่บอกได้เลยว่ามันเป็นระดับเดียวกับยัยคนเอาแต่ใจที่จูบเขาในวันนั้น
จูบที่ช่ำชองของศารทูลทำให้อริสามึนงงไปชั่วขณะ เธอไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะถูกคู่ปรับจูบแม้แต่น้อย ในคืนนั้นเธอรู้สึกยังไงไม่อาจจะรู้ได้แต่ในวันนี้ที่เธอมีสติดีครบถ้วนเธอรู้สึกแปลกใหม่อย่างบอกไม่ถูก ภาพลักษณ์ของเธอในสายตาของคนนอกเธอเป็นสาวมั่น ทันสมัย สตรองและเก่งแต่ความจริงแล้วมันก็แค่เปลือกนอกเท่านั้นในความจริงแล้วตัวเธอเป็นยัยหัวโบราณที่หวงเนื้อหวงตัว แม้กับอดีตคนรักก็ไม่เคยให้ได้จูบลึกซึ้งเลยสักครั้งดังนั้นแล้วเธอจึงไม่เคยเข้าถึงรสชาติของจูบอย่างแท้จริงเลยจนกระทั่งวันนี้
จูบที่เขาว่าหวานล้ำจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไรมันเป็นอย่างนี้เอง...
จูบที่เขาว่ากันว่าถ้าไม่ลองสัมผัสเองจะไม่มีทางเข้าใจมันเป็นอย่างนี้นี่เอง...
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเคลิบเคลิ้ม และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าร่างกายมันคล้ายจะตอบรับ...
ศารทูลละเลียดชิมภายในโพรงปากหวานอย่างเชื่องช้าราวกับไม่มีสิ่งใดจะมาขัดขวางเวลาของเขาได้...ทว่าความเป็นจริงแล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้น
กริ๊ง!!!
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้ทุกอย่างชะงัก ศารทูลอยากจะเอาแต่ใจรื้อฟื้นคืนนั้นให้คนที่ถามเขาว่าเขาไปเป็นสามีเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ได้สำนึกแต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เพราะเสียงเรียกเข้าพิเศษนี้เป็นเสียงของสายเรียกเข้าสายสำคัญ
ศารทูลจำใจถอนริมฝีปากจากหญิงสาวอย่างแสนเสียดายก่อนจะรับสาย “ครับผู้กำกับ”
“รับทราบครับ” ศารทูลเอ่ยสั้น ๆ หลังจากที่ปลายสายได้เอ่ยธุระจนจบก่อนที่จะวางสายมามองหญิงสาวใต้ร่างอีกครั้ง
เพี๊ยะ!!
มือบางฟาดลงบนแก้มในขณะที่เขากำลังก้มมองโดยไม่ทันได้ตั้งตัว มือบางแต่หนักใช่ย่อยสร้างความเจ็บปวดจนชาดิกให้แก่ศารทูลก่อนที่ร่างสูงจะถูกผลักให้พ้นจากร่างบาง
“อย่ามาฉวยโอกาสกับฉันอีกนะ”
“เฮ้อ” ศารทูลได้แต่ทอดถอนใจไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือวาจา ชายหนุ่มเหยียดตัวลุกขึ้นฉวยเสื้อแจ๊คเกตมาใส่ก่อนจะหันกลับมาหาหญิงสาว
“ฉันต้องออกไปข้างนอก เดี๋ยวจะให้คะนิ้งมาอยู่เป็นเพื่อน ระหว่างที่คะนิ้งยังไม่มาเธอต้องอยู่ใกล้โทรศัพท์ให้มากที่สุด และล็อคห้องให้ดี ถ้าไม่ใช่ฉันห้ามเปิดประตูเด็ดขาด”
อริสานิ่งไปกับคำสั่งนั้นแต่ก็ต้องเบิกตากว้างเท่าไข่ห่านเมื่อคนที่บอกว่าจะออกไปข้างนอกเดินเข้ามาใกล้อีกครั้งพร้อมกับย่อตัวลงยื่นมือมาแตะที่หน้าท้องแบนราบของเธอ
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแต่ยังคงลูบบริเวณหน้าท้องของอริสาราวกับว่าเขากำลังพูดคุยกับลูกในท้องภายในใจ ครู่ต่อมาจึงผละจากและลุกขึ้นก้าวเดินไปที่ประตู
อริสามองตามด้วยความรู้สึกห่วงอย่างประหลาด ตอนที่เขาลูบท้องของเธอเธอสัมผัสได้ถึงความห่วงใยและความรัก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอรู้สึกได้ว่าศารทูลรักลูก ๆ มาก แถมยังกลัวว่าจะไม่ได้กลับมาเจอพวกแกอย่างไรอย่างนั้น
“นะ นาย นายต้องกลับมาหาลูกนะ ลูกสองคนฉันเลี้ยงคนเดียวไม่ไหวนะ”
มือหนาที่กำลังจะเปิดประตูชะงักไปครู่ อยู่ ๆ ก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าโดยไม่อาจบังคับได้ “ไม่ต้องห่วง ฉันกลับมาช่วยเธอเลี้ยงอยู่แล้วล่ะน่า ลูกฉันตั้งสองคน ขืนให้เธอเลี้ยงคนเดียวจากพ่อได้กลายเป็นศัตรูกันพอดี...แล้วจะรีบกลับ”
ใบหน้าทะเล้นเหลียวกับมามองอีกครั้งก่อนจะส่งยิ้มแหย่เย้าให้กับคนภายในห้องก่อนจะเอ่ยอย่างหยอกเย้าทิ้งท้ายแล้วจึงวิ่งออกจากห้องไป
“ไว้กลับมาเราค่อยมารื้อฟื้นคืนนั้นกันใหม่นะเมียจ๋า”
“ไอ้บ้าศารทูล”
เกือบจะรู้สึกดีแล้วเชียวถ้าทิ้งท้ายแค่จะรีบกลับก็พอน่ะ ทำไมต้องพูดอะไรให้เธอโมโหด้วยเล่า บ้าบอจริงรื้อฟื้นอะไร ใครจะไปรื้อฟื้นด้วยเล่า
“เชิญไปรื้อฟื้นกับแม่สาวญี่ปุ่นนั่นเถอะยะ ฮึย คนบ้า” คนที่เหลืออยู่คนเดียวในห้องบ่นก่อนจะทำตามที่ชายหนุ่มสั่งไว้ อยู่ใกล้โทรศัพท์ที่สุดและไม่เปิดประตูจนกว่าจะมั่นใจว่าเป็นนลินญา
คำสั่งของศารทูลทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสมัยเด็ก ๆ ในตอนนั้นปะป๊าของเธอเปรี้ยวเชียวล่ะ ก่อศัตรูไว้เยอะแยะ เวลาจะออกไปปฏิบัติหน้าที่ทีต้องกำชับลูกเมียให้ระวังตัวให้ดี ปืนต้องพกติดตัว โทรศัพท์ต้องไม่ห่าง หูตาต้องระมัดระวัง ใครเรียกไปไหนห้ามไปจนกว่าปะป๊าจะกลับมา
เพราะอาชีพตำรวจปราบปรามยาเสพติดมันไม่ง่าย ยิ่งซื่อตรงทำงานอย่างสัตย์ซื่อเท่าไหร่ยิ่งถูกหมายหัว และไม่ใช่แค่ตัวเองแต่รวมไปถึงครอบครัวด้วย
ปะป๊าสุดหล่อของเธอน่ะเป็นคนที่ห่วงตัวเองน่ะไม่ห่วงหรอกแต่ห่วงคนใกล้ตัวก่อน ตัวเองเจ็บยังไงก็ช่างแต่ลูกเมียต้องปลอดภัย เหมือนเธอเห็นภาพทับซ้อนผู้เป็นพ่อในตัวชายหนุ่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทำไมต้องเป็นผู้ชายที่คล้ายปะป๊าเธอด้วยนะตาคนนี้นี่ เฮ้อ
