บทที่24 สงสัยอะไรนิดหน่อย
ดวงตาคมค่อนไปทางหวานมากกว่าดุดันต่างจากพี่ชายฝาแฝดมองแผ่นเอกสารที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสองสาวที่มองเขาตาแป้ว
“มีอะไรผิดปกติเหรอหมอสิงห์ ทำไมทำหน้าเหมือนต้องคิดหนักแบบนั้นล่ะ?” นลินญาเป็นฝ่ายถามออกไปเมื่อชายหนุ่มผู้ตอนนี้เลื่อนสถานะมาเป็นแฟนเงยหน้าขึ้นมา
“ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก เพียงแต่สงสัยอะไรนิดหน่อยน่ะ”
“สงสัยอะไร?” คราวนี้สองสาวถามพร้อมกันโดยไม่มีการนัดแนะไว้ก่อน
“คือ...”
ก๊อก ๆ ๆ
ไม่ทันจะได้อธิบายเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของพยาบาลสาวสวยคนหนึ่ง “คือคุณหมอกานต์กับสารวัตรเสืออยู่ข้างนอกค่ะ ให้เข้ามามั้ยคะ?”
“ครับ ให้คุณแม่กับนายเสือเข้ามาได้ แต่ห้ามคนอื่นนะ”
“ค่ะ” นางพยาบาลสาวตอบรับก่อนที่จะออกจากห้องไปไม่นานร่างสูงของศารทูลก็เดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับคนเป็นแม่ สภาพชายหนุ่มดูไม่จืดเลยสักนิด นอกจากรอยช้ำที่มุมปากที่เกิดจากหมัดของท่านอาทิตย์เมื่อคืนแล้วก็ยังมีรอยช้ำเพิ่มมาอีกสองสามรอย
“สภาพแกนี่ดูไม่ได้เลยนะ” คุณหมอหนุ่มทักพี่ชายฝาแฝดทันที
“ดีแค่ไหนแล้วแค่ดูไม่ได้เนี่ย” คนเพิ่งเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาบอกเสียงเรียบ ใครจะรู้ดีกว่าเขาถ้าไม่ได้เคนอิจิและซากิโกะช่วยไว้เจ้าตัวเล็กในท้องอริสานั่นน่ะได้กำพร้าพ่อสมใจแม่ของแกล่ะ
“แล้วอาการผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไง?”
“ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอกแค่ถาก ๆ” โดนซากิโกะน่ะแค่ถาก ๆ แต่ถ้าเธอไม่เข้ามาช่วย เขานี่โดนเต็ม ๆ นึกแล้วยังเสียววาบไม่หาย ในชีวิตเขาไม่เคยเกรงกลัวความตายแต่วันนี้กลับบอกตัวเองว่ายังตายไม่ได้ และกลัวว่าถ้าตายไปผลกระทบจะเกิดขึ้นกับเจ้าตัวเล็กที่เขารักเข้าให้แล้วสุดหัวใจทั้งที่ไม่ทันได้เห็นหน้า
มันเหลือเชื่อจริง ๆ ความรู้สึกของพ่อนี่มันมหัศจรรย์จนยากจะบรรยาย
ความรู้สึกอยากปกป้องและรักทั้งที่ยังไม่ได้อุ้มชูมันทำให้เขาที่ควรเฝ้าคนที่เอาชีวิตมาเสี่ยงแทนมายืนอยู่ตรงนี้ แม้จะดูเหมือนเห็นแก่ตัวลืมบุญคุณแต่คำว่าลูกมันดึงดูดเขาให้มาที่นี่เสียแล้วจะทำยังไงได้ล่ะ
อริสาเงี่ยหูฟังสองพี่น้องพูดคุยกันขณะที่มือนั้นยกขึ้นมาปิดปากและจมูกเพราะรู้สึกอยากจะสำรอกของเก่าออกมา
“นี่ อย่ามัวแต่ถามกันอยู่สิ หมอสิงห์น่ะตอบเรื่องก่อนหน้านี้มาก่อน ตกลงแล้วที่หมอสิงห์ว่าสงสัยน่ะสงสัยอะไร อันตรายกับอลินมั้ย” เป็นนลินญาที่ดึงให้คุณหมอหนุ่มกลับมาสนใจคนไข้รายพิเศษจึงเป็นผลให้คุณหมอกานต์รวีและศารทูลหันมามองสีหราชเป็นตาเดียว
“มีอะไรผิดปกติรึเปล่าลูก?” เป็นคุณหมอกานต์รวีที่ถามขึ้นมาก่อน
“เปล่าครับแม่ คือผมแค่สงสัยน่ะครับว่าเจ้าตัวเล็กในท้องอลินนี่เป็นฝาแฝดหรือเปล่า เพราะว่าผมกับเสือเป็นฝาแฝดกันอาจจะเป็นไปได้ที่ลูกจะเป็นแฝด”
“เออ แม่ก็สงสัยอยู่เพราะดูอลินมีน้ำมีนวลกว่าสาวท้องเดี่ยว”
“ถ้าท้องแฝดก็เสี่ยงกว่าท้องปกติสินะ” ศารทูลแทรกขึ้น ถ้าเป็นไปตามที่ทั้งแม่และน้องชายสงสัยเรื่องที่คุณตันหยงโทรมาปรึกษาเมื่อเช้าก็ถือว่าเป็นเรื่องสมควรล่ะ แค่ท้องเดี่ยวก็อันตรายอยู่แล้วท้องแฝดยิ่งเสี่ยงมากกว่า
“คงไม่แฝดหรอกมั้ง” อริสาแทรกขึ้นด้วยใบหน้าซีด ไรผมเริ่มมีเหงื่อซึม รู้สึกวิตกไม่น้อย เธอคงไม่ได้โชคสองชั้นขนาดนั้นหรอก...มั้ง
“การถ่ายทอดทางพันธุกรรมของท้องแฝดนั้นจะมาจากทางฝ่ายแม่มากกว่าฝ่ายพ่อ ฉันไม่มีฝาแฝดนะแก มันเป็นไปได้น้อย...มั้ง”
“ทำไมต้องมั้งล่ะอลิน” สาวแว่นถามขึ้นอย่างใคร่รู้ ปกติแล้วถ้ามั่นใจต้องไม่มีมั้งไม่ใช่รึไงกัน
“ก็คุณยายฉันมีฝาแฝดน่ะสิแก” อริสาตอบสีหน้าไม่ได้หายกังวลเลยแม้แต่น้อย การท้องแฝดนั้นเป็นไปได้หลายสาเหตุและหนึ่งในนั้นก็มาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีแฝดอาจจะมีโอการเป็นไปได้อริสาเคยได้ยินมาอย่างนั้นจึงยืนยันชัวร์ ๆ ไม่ได้จึงต้องมีมั้งต่อท้าย
“แต่นอกจากถ่ายทอดทางพันธุกรรมแล้วท่วงท่าและความถี่ก็มีส่วนนะ” สีหราชแทรกขึ้นพร้อมกับครุ่นคิด เขาไม่ต้องถามก็พอจะเดาได้ว่าไอ้ยานั่นมันแรงแค่ไหน ตัวเขาเองก็โดนไปนิดนึงรู้ซึ้งดีเชียวล่ะว่ามันแรงมาก คงส่งผลให้อริสาและศารทูลฟัดกันนัวเนียแทบไม่ผละจากกันเชียว พิสูจน์ได้จากที่คืนเดียวติดนี่ไงล่ะ แค่ลำพังแรงดีน่ะไม่ติดได้หรอกนะ มันต้องถี่ด้วย และเรื่องท่วงท่าก็มีผล มีบางท่าทีทำให้เปิดปุ๊บติดปั๊บ ปุ๊บปั๊บรับโชคอยู่ล่ะนะ
ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากถามสองหนุ่มสาวเหมือนกันว่าฟัดกันอีท่าไหน จะได้เดาได้ว่าแฝดไม่แฝด แต่ก็ไม่กล้าจะถามกลัวว่าที่คุณแม่จะอาละวาดและเผลอ ๆ อาจโดนว่าที่คุณพ่ออาละวาดซ้ำ
“แม่ว่าดูให้ชัวร์ดีกว่ามานั่งสงสัยนะ จะได้วินิจฉัยกันถูกว่าจะต้องดูแลยังไง” คุณหมอกานต์รวีเอ่ยขึ้นขัดความคิดของคุณหมอหนุ่มที่คันปากยิก ๆ อยากจะถามถึงท่วงท่าจนชายหนุ่มต้องกระแอมและเรียกให้พยาบาลเข้ามาพาอริสาไปห้องอัลตราซาวน์
