บทที่22 แค่ผึ้งตัวเดียว
“ดูคุณอาไม่โกรธเลย?”
“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่” คุณตันหยงว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะถอนใจโล่ง “จริง ๆ อามองออกตั้งแต่วันเกิดอินแล้วล่ะว่าอลินท้อง อลินคิดว่าตบตาทุกคนได้แต่จริง ๆ แล้วไม่เลยอลินตบตาคนที่เลี้ยงอลินมาอย่างอาไม่ได้หรอก ตอนนั้นอาทั้งตกใจแล้วก็เครียดแทบแย่เพราะคิดว่าอลินท้องกับนายตฤณกันต์”
“พอรู้ว่าไม่ใช่ก็โล่งอกได้เลยล่ะ ถึงจะผิดคาดที่พ่อของลูกในท้องอลินเป็นเราก็เถอะ แต่ก็ดีกว่าเป็นผู้ชายที่แต่งงานไปแล้วและตอนนี้ก็กำลังมีลูกอีกคนอย่างนายคนนั้นนี่ ถูกหาว่าท้องก่อนแต่งมันไม่แย่เท่าถูกหาว่าเป็นเมียน้อยสามีชาวบ้านหรอกนะ” จิตใจของพ่อแม่ย่อมไม่ปรารถนาให้ลูกต้องอับอายหรือถูกประณามว่าร้าย สำหรับคุณตันหยงแล้วการที่พ่อของลูกในท้องลูกสาวไม่ใช่ผู้ชายที่แต่งงานแล้วต่อให้เป็นคนที่คาดไม่ถึงยังไงมันก็สร้างความโล่งใจให้ได้แล้วล่ะ
“อีกอย่างเราก็รู้ว่าอาน่ะหวงแต่ลูกชายไม่ได้หวงลูกสาว ไอ้เรื่องหวงเรื่องเคืองน่ะปล่อยให้พ่อเขาเป็นไปเถอะ” ใช่...เธอไม่ได้หวงลูกสาวแบบพ่อของลูกหรอกนะ เธอน่ะหวงลูกชายมากกว่าอีก เพราะอริสาน่ะมีคนดุยิ่งกว่าร็อคไวเลอร์อย่างท่านอาทิตย์หวงคนเดียวก็พอแล้วล่ะ ผิดกับลูกชายสองคนที่พ่อของลูกปล่อยให้ใช้ชีวิตโดยไม่คอยตามหวง ไม่สนใจด้วยว่าจะไปคว้าใครมาเป็นสะใภ้ ซึ่งเธอยอมไม่ได้ ลูกสาวน่ะแต่งงานยังได้สินสอดแต่ลูกชายน่ะแต่งไปเธอต้องเป็นฝ่ายจ่ายนะ ถ้าเกิดได้ลูกสะใภ้ไม่ดีมาเธอก็ขาดทุนแย่สิ คนที่ควรค่าแก่สินสอดทองหมั้นของเธอน่ะต้องเป็นคนที่เธอเห็นว่าเหมาะสมไม่ใช่คว้าใครมาก็ได้
“ขี้งก” ศารทูลพึมพำราวกับอ่านใจอดีตคุณครูสมัยประถมออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ไอ้ที่หวงลูกชายน่ะเขารู้หรอกว่าเพราะความขี้งก ก็มีลูกชายตั้งสองคนขืนเอาใครมาเป็นสะใภ้ก็ได้เกิดได้ผู้หญิงไม่ดีมาก็ขาดทุนป่นปี้น่ะสิ เพราะฉะนั้นจึงหวงลูกชายไว้เพื่อที่จะได้หาผู้หญิงที่ควรค่าแก่สินสอดของท่านจริง ๆ ส่วนลูกสาวที่ไม่หวงไม่ใช่เพราะไม่รักแต่เพราะเลเวลความหวงน่ะท่านอาทิตย์กินขาดจึงไม่จำเป็นต้องไปหวงอีกคน...เพราะเดี๋ยวจะขายไม่ออก
“ได้ยินนะ” อดีตคุณครูจิกตาบอกก่อนจะส่งเสียงฮึหมั่นไส้ในลำคอและวกกลับมาเรื่องอริสาก่อนที่จะออกนอกเรื่องไปกว่านี้ “ว่าแต่ที่ตัดสินใจออกมาพูดในวันนี้แสดงว่าเตรียมการมาดีแล้ว?”
“ก็ดีในระดับนึงครับ”
“ทำไมถึงเป็นระดับนึง?”
“ก็ผมประมาณค่าความโมโหของอาอรรคผิดไปหน่อย คิดว่าพอบอกไปแล้วอาอรรคอาจจะโกรธแล้วก็แค่ต่อย จากนั้นก็คุยเรื่องรับผิดชอบกันและจบด้วยการสั่งให้อลินแต่งงานกับผม ใครจะไปคิดว่าจะปล่อยให้อลินเป็นคนตัดสินใจกันล่ะ”
“แล้วยังไง? เป็นอย่างนี้แล้วจะทำยังไงต่อ?”
“ผมก็ต้องจัดการเองสิ” ทีแรกกะจะฟ้องให้ผู้ใหญ่สั่งให้แต่งงานกันเพื่อลูกแต่พอผู้ใหญ่ไม่เอาด้วยเขาก็คงจะต้องเปลี่ยนหนทางใหม่ ก็เลยมาหาอริสานี่ไงล่ะ
“ก็เลยจะมาคุยกับอลินนี่ล่ะ”
“หมายความว่าไม่ได้คิดที่จะต่างคนต่างอยู่?”
“อาจจะเพราะผมสนิทกับคะนิ้งที่มีแค่แม่ไม่มีพ่อมั้งครับผมถึงรู้สึกว่าลูกผมไม่ควรจะเป็นแบบนั้น ก่อนจะรวมแก็งคะนิ้งเขาก็ไม่มีเพื่อนเลยนะ ผมไม่อยากให้ลูกผมพบเจอกับคำว่าลูกไม่มีพ่อ หรือลูกไม่มีแม่ ต่อให้ผมกับอลินจะไม่ถูกกันแต่ผมก็อยากให้ลูกอยู่กับทั้งพ่อและแม่”
“แต่เรากับอลินจะไหวจริง ๆ เหรอ?”
“ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ไปแล้วผมก็อยากจะลองดูสักตั้งครับ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ค่อยถอย มันดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแล้วอยู่ ๆ ก็โผล่มาแสดงตัวว่าเป็นพ่อเหมือนกับพ่อของคะนิ้ง”
“นี่จะบอกอะไรให้นะ ถึงอาอรรคเขาจะบอกว่าห้ามยุ่งแต่อาก็อดไม่ได้จริง ๆ ถ้าเรามั่นใจว่าพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อลูกแล้วล่ะก็...เราต้องปราบแม่ของลูกให้อยู่หมัดเสียก่อนหลานของอาถึงจะมีครอบครัวที่ไม่ใช่แค่สมบูรณ์แต่ยังอบอุ่นด้วย”
“แน่นอนว่าผมต้องปราบพยศยัยนั่น”
“จ้ะ อาเอาใจช่วยนะ แต่ก็มีเรื่องที่จะเตือนด้วยนะ” คนที่ตอนนี้เหมือนจะอยู่ฝั่งเขาไม่ใช่ฝั่งลูกสาวเอ่ยบอก
“เตือนอะไรครับ”
“อย่ามั่นใจจนเกินไปว่าตัวเองเป็นเสือไม่มีอะไรล้มเราได้ง่าย ๆ อย่าหลงลืมไปว่าผึ้งน่ะมีเหล็กใน เกิดเผลอตัวโดนเหล็กในของผึ้งเข้าไประวังล้มไม่เป็นท่าจากจะปราบเขาจะกลายเป็นโดนเขาปราบกลายเป็นทาสเมียแบบอาอรรคกับพ่อของเราเข้าล่ะ”
“เหอะ ผึ้งน่ะถ้าพวกน้อยมันไม่ดุหรอกครับ จับมาดึงเหล็กในออกได้ง่ายเชียวล่ะ ผึ้งน้อยอย่างลูกสาวคุณอาน่ะผมจะปราบให้ดู”
“ก็ให้มันจริงเถอะ” คุณตันหยงว่าให้อย่างหมั่นไส้ มันก็จริงของศารทูลที่ผึ้งเป็นสัตว์ที่มีเหล็กในแต่ถ้าพวกน้อยมันก็จะไม่ต่อยเพราะโอกาสตายสูง แต่ศารทูลลืมไปหรือไม่ผึ้งที่พูดถึงกันนั้นคืออริสาที่มีชื่อเล่นมีความหมายว่าผึ้งไม่ใช่ผึ้งจริง ๆ เหล็กในของอริสาย่อมไม่สามารถดึงออกง่าย ๆ และผึ้งตัวนี้ก็มีตัวประกันอยู่ในท้อง...ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งคน หรืออาจจะสองคนยังไงเสียผึ้งตัวนี้ก็เล่นงานยาก ประมาทมาก ๆ อาจกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเสียเอง
“อลินหลับไปแล้วงั้นผมกลับดีกว่า ขืนอยู่นานผมอาจจะได้ลูกปืนเป็นรางวัล” ศารทูลเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลอยหน้าลอยตามั่นใจว่าตัวเองเป็นเสือที่ล้มยากแค่ผึ้งตัวเดียวทำอะไรเขาไม่ได้หรอก เมื่ออริสาหลับไปแล้วเขาก็ไม่มีธุระที่จะต้องอยู่ต่อ ขืนอยู่นานกว่านี้อาจมีลูกปืนลอยมาเฉียดหัวจากที่ใดที่หนึ่งก็ได้
“อือ รีบไปเถอะ อาก็ว่าจะพูดอยู่เชียว” คนรู้ดีว่าลูกปืนจะลอยมาจากทางไหนบอกก่อนที่ศารทูลจะกลับออกไปในเวลารวดเร็ว
“เหอะ ดึงเหล็กในออกได้ง่ายจะปราบให้ดูเหรอ ไอ้ที่พูดแบบนี้จอดที่ทาสเมียมากี่รายแล้วไม่สำเหนียกเลยลูกไอ้สันต์เนี่ย” เสียงพึมพำจากไม่ใกล้ไม่ไกลไปจากจุดที่คุณตันหยงยืนอยู่ทำให้คุณตันหยงที่ยืนยิ้มน้อย ๆ อยู่ต้องหันไปยิ้มให้
“ที่บอกว่าจอดที่ทาสเมียน่ะรวมพี่ด้วยรึเปล่าคะพี่อรรค?”
“ก็เพราะเป็นหนึ่งในนั้นแล้วเมื่อก่อนก็มั่นหน้าแบบมันนี่ไงถึงได้พูดแบบนี้” ท่านอาทิตย์ที่เข้ามาในห้องตั้งแต่เห็นเงาคนปีนต้นไม้ขึ้นมาเอ่ยทั้งขุ่นเคืองทั้งหมั่นไส้ไอ้คนเพิ่งออกไปเสียจริงเชียว ไม่รู้ว่าพ่อแม่ไม่เคยเล่าให้ฟังรึไงว่าไอ้ที่พูดว่าจะปราบเมียน่ะโดนปราบมากี่รายแล้ว
เขานี่คนนึงไง สัตยาก็อีกคน สมัยก่อนก็ซ่า ๆ มั่นหน้าปรามาสว่าจะปราบสองสาวกานต์รวีและตันหยงให้สยบแทบเท้าให้ได้ สุดท้ายเป็นไงเหนือกว่าผบช.ปส.ก็เมียผบช. เหนือกว่ารองผบ.ตร.ก็เมียท่านรองนี่ล่ะ “คอยดูเถอะ วันไหนมาสยบแทบเท้าอลินนะพี่จะยุให้อลินเล่นงานให้หนัก”
