บทที่18 ใช่มั้ย
และแล้วก็ถึงวันที่อริสาต้องไปหาสีหราชเป็นเพื่อนนลินญา แม้อยากจะบ่ายเบี่ยงทว่าก็ทำไม่ได้ ท่าทีจริงจังของสาวแว่นสะกดให้เธอพูดอะไรไม่ออก แม้จะไม่บ่ายเบี่ยงแต่ลึก ๆ ในใจอริสากลัวไม่น้อยว่าสีหราชจะรู้ว่าเธอท้อง อยากจะภาวนาให้ชายหนุ่มยุ่งขึ้นมากะทันหันจนมาเจอไม่ได้แต่ทว่าภาวนาก็ไม่ได้ช่วยอะไร...ช่วงนี้รู้สึกเธอจะดวงไม่ดี
ครั้งที่แล้วไม่อยากเจอสีหราชก็ดันเจอ ครั้งนี้ยิ่งไม่อยากเจอยิ่งเจอ...แถมไม่เจอคนเดียวด้วย เจอแม่ของอีกฝ่ายเข้าให้อีก
พระศุกร์จะเข้าพระเสาร์จะแทรกอะไรขนาดนี้นะ
“นี่แม่ไม่เจอหนูสองคนนานแล้วนะ เที่ยงนี้ไปทานข้าวกันมั้ยจ๊ะ แม่คิดถึงหนูสองคนอยากจะเม้าท์ด้วย ว่าไงจ๊ะ ตกลงมั้ย?” คุณหมอกานต์รวีถามสองสาวสวยที่เดินเข้ามาในห้องตรวจของลูกชายหลังจากที่ทักทายสอบถามกันไปพอสมควร
“ตกลงค่ะ” นลินญาเป็นฝ่ายตอบ “แต่คุณแม่ต้องเลี้ยงพวกเรานะคะ”
“แน่นอนจ้ะ อยากกินอะไรสั่งได้ไม่อั้นเลย หมอสิงห์พร้อมเปย์”
“อ้าว ทำไมกลายเป็นผมพร้อมเปย์ล่ะครับแม่?” คนถูกพาดพิงถามเสียงหลง เขารึก็นั่งเงียบอยู่ตั้งนานนึกว่าคนเป็นแม่จะลืมเขาไปแล้วเสียอีก ทำไมอยู่ ๆ ก็หวยมาออกที่เขาล่ะ
“ก็สิงห์ต้องไปด้วยไง แล้วสิงห์ก็เป็นผู้ชายสิงห์ต้องจ่ายสิลูก” คนเป็นแม่ชี้แจง
“อ้าว แล้วผมบอกเมื่อไหร่ว่าไปด้วยน่ะครับ?”
“ก็ไม่บอกหรอกแต่แม่สั่งสิงห์ก็ต้องทำ อย่าขัดใจแม่แบบเสือนะ ไม่งั้นแม่จะเหวี่ยงให้เหมือนที่เหวี่ยงตาคนนั้นเลย” ผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในบ้านและนอกบ้านเอ่ยก่อนจะขอไปทำงานเมื่อเห็นว่าได้เวลาที่นัดกับคนไข้ไว้แล้ว
แม้จะแต่งงานมีลูกมีเต้าจนลูกโตหมดแล้วแต่คุณหมอกานต์รวีก็ยังทำงานในโรงพยาบาลไม่ได้หยุดพัก เพราะไม่อยากให้สิ่งที่เรียนมาเปล่าประโยชน์บุคลากรทั่วไปของโรงพยาบาลจึงได้เห็นคุณหมอกานต์รวีและคุณหมอสีหราชทำงานอยู่ด้วยกันในโรงพยาบาลเสมอ ๆ
ทันทีที่คนเป็นแม่ออกจากห้องไปแล้วคนเป็นลูกก็หันมาจ้องอริสาด้วยสายตาคาดคั้น
“มะ มา มามองอะไรฉันเล่าหมอ โน่น คนมีธุระกับแกน่ะคนโน้น” บก.สาวเอ่ยด้วยเสียงติด ๆ ขัด ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นก่อนจะรีบกระทุ้งแขนคนมีธุระกับหมอให้เริ่มธุระสักที อย่าให้อีตาหมอที่หน้าตาเหมือนคนที่เธอไม่อยากนึกถึงมาจ้องเธอนาน ๆ ได้มั้ย
“หมอสิงห์...” สาวแว่นเอ่ยเรียกคุณหมอหนุ่มด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“มีธุระอะไรก็ว่ามา” สีหราชทำเสียงเข้มข่มขวัญคนทั้งคู่พร้อมหันสายตาจากอริสามาที่นลินญา “ถ้าจะมาพูดเรื่องวันนั้นล่ะก็ไม่ต้อง ฉันไม่ให้อภัยง่าย ๆ หรอก”
“โธ่หมอสิงห์อะ มันเป็นอุบัติเหตุนะหายโกรธฉันเถอะนะ” สาวแว่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “นะ นะ จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันทำหมดเลย แต่แกหายโกรธฉันนะ”
“แกต้องรับผิดชอบที่แกเห็น...เห็นตัวฉัน” คนเป็นหมอหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาเฉย ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องชวนอับอาย “ต้องรับผิดชอบ”
“ได้ ๆ รับผิดชอบ ว่าแต่รับผิดชอบยังไงล่ะ”
“แก” สีหราชเรียกพร้อมกับชี้ระบุตัวก่อนจะเอ่ยต่อ “ต้องมาเป็นแฟนฉัน”
“เป็นแฟน ได้สิ ได้” นลินญาตอบรับโดยไม่ทันคิด ก่อนจะต้องอุทานเมื่อคิดทบทวนคำพูดอีกฝ่ายดี ๆ “หา อะไรนะ?”
“เขาบอกว่าแกต้องไปเป็นแฟนเขา” คนที่นั่งฟังอยู่แทรกบอก หลังจากที่หายใจหายคอได้เพราะทำตัวเป็นอากาศอยู่พักใหญ่ “ท่าทางจะจบสวย ตกลงอีกครั้งสิแก”
“เอ่อ เอ่อ ดะ ได้” ในที่สุดนลินญาก็ตกลงทั้งที่สมองยังคงมึนงง เธอตั้งใจมาจีบเขานี่ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ
“จบสวย งั้นฉันกลับนะ” อริสาบอกพร้อมกับทำท่าจะลุกออกจากห้องปล่อยให้คู่รักหมาด ๆ ได้กระหนุงหระหนิงกัน
“ยังไม่จบ” ทว่าเสียงเข้ม ๆ ของคุณหมอหนุ่มกลับดังขึ้นก่อนที่อริสาจะได้ออกจากห้อง
“แกน่ะนั่งลงเลย ฉันยังมีเรื่องจะคุยกับแก” สีหราชกดเสียงให้ดูน่ากลัวกว่าเดิมพร้อมกับส่งสายตาให้แฟนหมาด ๆ ของตัวเองจับอริสาไว้
คนอยากรีบออกจากห้องไปเสียกลับมานั่งด้วยใบหน้าอยากจะร้องไห้ “มีอะไร”
“แกท้องใช่มั้ย?” หมอหนุ่มถามตรงประเด็นเสียจนสองสาวในห้องแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
“ท้อง?” สาวแว่นอุทานพร้อมกับหันมาสำรวจอริสา
“เอ่อ...เอ่อ...เอ่อ...คือ” โดนถามมาตรง ๆ แบบนี้อริสารู้สึกไปไม่เป็นขึ้นมาเฉย ๆ หญิงสาวรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ในตอนนี้จริง ๆ อึดอัดจนอยากจะอ้วก
บก.สาวยกมือขึ้นปิดปากทันทีเพราะไม่แค่รู้สึกแต่น้ำขม ๆ มันมาจุกที่ลำคอแล้ว
“ทางซ้าย” สีหราชก็ยังคงเป็นสีหราชที่รอบรู้อาการของเพื่อน ชายหนุ่มบอกทางไปห้องน้ำให้ก่อนที่อริสาจะพุ่งเข้าห้องน้ำไปในทันที นลินญาตามไปติด ๆ ด้วยความเป็นห่วงขณะที่หนุ่มเจ้าของห้องยังคงนั่งนิ่งพร้อมกับมองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่แสดงสัญญาณว่ามีสายสนทนาอยู่
“วางได้แล้วมั้ง หรือว่ายังไม่ชัวร์พอ”
“ยัง” ปลายสายตอบมาก่อนจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแต่ก็ไม่ได้วางสายไป สีหราชถอนใจพรืดรอสองสาวที่หายเข้าไปในห้องด้วยที่ใบหน้าที่เข้มและดุดัน
