บทที่13 เธอป่วย?
ด้านอริสาที่ลนลานออกมาจากห้องตรวจได้แต่นั่งกลุ้ม ตรวจก็ไม่ได้ตรวจ แถมยังเจอคนที่ไม่อยากเจออีก ไหนจะไปเผยพิรุธให้สีหราชสงสัยอีก นี่มันวันอะไรกันนะ
“สารวัตรคะ คุณโอเคมั้ย?” ขณะที่กำลังคิดอย่างกลัดกลุ้มเสียงสนทนาหนึ่งก็ลอยเข้ามาในหูจนต้องให้ความสนใจเมื่อเสียงสนทนาตอบรับนั้นเป็นเสียงที่คุ้นหู
“ผมโอเคครับซากิโกะ คุณล่ะเจ็บตรงไหนมั้ย”
“ฉันโอเคค่ะสารวัตร ดีใจจังที่คุณเป็นห่วง” เสียงผู้หญิงที่ตอบโต้พูดด้วยสำเนียงเปร่ง ๆ บ่งบอกว่าไม่ใช่คนไทยขณะที่เสียงของผู้ชายนั้นแค่ฟังคำเดียวอริสาก็รู้สึกคุ้นจนต้องมองหาต้นเสียงและแอบลอบมอง
เป็นเขาคนนั้นจริง ๆ ...เสียงที่คุ้นหูนั้นเป็นของศารทูลจริง ๆ
ดวงตาคู่คมเฉียบลอบมองชายหนุ่มในชุดนอกเครื่องแบบมีผ้าพันแผลพันรอบฝ่ามือขวา ข้าง ๆ กันเป็นสาวที่สูงเกือบจะเท่าชายหนุ่มยืนอยู่ เธอคนนั้นผมยาวสลวย ใบหน้าบ่งบอกสัญชาติว่าไม่ใช่สาวไทยแต่เป็นสาวต่างชาติ ยิ่งก่อนนี้ศารทูลเรียกเธอว่าซากิโกะ เดาได้ไม่ยากว่าสาวคนนี้เป็นสาวเจแปนนิสอย่างแน่นอน
มันน่านักเชียวขณะที่เธอกำลังกลุ้มใจและรู้สึกผิดอีตานี่กลับมาจีบกับสาวเจแปนนิสภายในโรงพยาบาลของแม่โดยไม่แคร์สายตาใคร
มือบางกำแน่นโดยไม่รู้ตัว อยู่ ๆ อริสาก็รู้สึกลมออกหูขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เราทำงานด้วยกัน และคงจะต้องร่วมงานกันไปอีกสักพัก ไม่เป็นห่วงกันไม่ได้หรอกครับ” ศารทูลตอบกลับสาวญี่ปุ่นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้มโดยไม่รู้ถึงการมีตัวตนอยู่ใกล้ ๆ ของใครอีกคนแม้แต่น้อย ไม่รู้เลยด้วยว่าคน ๆ นั้นกำลังขุ่นเคืองไม่ใช่น้อย
อริสาสะบัดหน้าเดินหนีทันทีที่เห็นรอยยิ้มของคนทั้งคู่ รู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะอาวาดโรงพยาบาลโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
หญิงสาวจากไปแล้วแต่ศารทูลและสาวญี่ปุ่นยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่นานก็มีใครอีกคนเดินเข้ามาหาทั้งคู่ คนมาใหม่เป็นหนุ่มสัญชาติเดียวกับหญิงสาวและมาประเทศไทยพร้อมกับหญิงสาว
แท้จริงแล้วทั้งคู่คือตำรวจญี่ปุ่นที่ติดตามคนร้ายมาถึงประเทศไทย เมื่อมีการประสานงานเข้ามาและได้รับข้อมูลมาว่าคนร้ายคนนั้นเกี่ยวข้องกับคดีที่ศารทูลกำลังสืบอยู่ผู้ใหญ่จึงให้ศารทูลเป็นผู้ช่วยและร่วมมือกับทั้งคู่จับคนร้ายคนนั้นให้ได้
“เฮ้สารวัตร เมื่อครู่ผมเดินชนกับคนหน้าตาเหมือนคุณแต่ใส่เสื้อกาวน์ด้วย” มิซาว่า เคนอิจิ สารวัตรหนุ่มจากกรุงโตเกียวบอกเล่าทันทีด้วยสีหน้าประหลาดใจ ทั้งตัวเขาและมัตสึมิ ซากิโกะ ที่มาด้วยกันต่างก็สื่อสารภาษาไทยได้เนื่องจากเคยร่ำเรียนมาบ้างจึงใช้ภาษาไทยสนทนากับศารทูลแทนการใช้ภาษาสากล
“อ้อ ฝาแฝดของผมน่ะ เขาเป็นหมอสูติอยู่โรงพยาบาลนี้ล่ะ” ศารทูลชี้แจงก่อนจะเชิญชวนทั้งสองคน “ทำแผลเสร็จแล้วเราออกจากที่นี่กันเถอะ ผมไม่ค่อยอยากเจอน้องชายเท่าไหร่ ขืนเจ้านั่นเห็นผมได้แผลคงได้บ่นยับแน่ อีกอย่างแม่ผมก็ทำงานอยู่นี่ด้วย เห็นเข้าคงไม่ดี”
“โอเค” เคนอิจิตอบรับทว่าทั้งสามกลับไม่ทันได้ก้าวไปไหนสีหราชก็ร้องเรียกศารทูลเข้าเสียก่อน
“จะรีบไปไหนไอ้เสือ ทำอย่างกับไม่อยากเจอฉันงั้นแหละ”
“ก็ไม่อยากเจอน่ะสิ” ศารทูลตอบกลับพยายามซ่อนมือที่เจ็บไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น
ทว่าสีหราชกลับไม่สนใจแผลของแฝดผู้พี่มากไปกว่าการมองหา “แกเห็นอลินมั้ย?”
“อลิน? ยัยนั่นมาโรงพยาบาลเหรอ?” ได้ยินชื่ออริสาขึ้นมาศารทูลก็แทบบ้า หัวเสียไม่น้อยกับสิ่งที่อริสาทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าและหลบหน้าหลบตาไปในเช้าวันนั้น
วันนั้นเขาตื่นมาเจอเพียงหยดเลือดแห้งกรังบนผ้าปูที่นอนและความว่างเปล่า...ใครว่าฟันแล้วทิ้งทำได้แค่ผู้ชายเล่า ผู้หญิงก็ทำได้เหมือนกัน ยัยนั่นได้เขาแล้วทิ้งอย่างไม่ใยดี หลบหน้าหลบตาไม่ยอมเปิดโอกาสเคลียร์แม้แต่น้อย มันน่าโมโหนัก
“ก็เออสิ ยัยอลินมาหาหมอมิ้น แต่หมอมิ้นติดธุระเลยโอนคนไข้มาให้ฉัน แต่ยัยนั่นไม่ยอมตรวจกับฉันแล้วก็ขอตัวกลับ” สีหราชบอกก่อนจจะถอนใจอย่างเคร่งเครียด “แต่คงกลับแล้วมั้ง...ช่างเถอะ”
ศารทูลมองน้องชายฝาแฝดที่พูดเหมือนจะตัดใจแล้วก็เดินหนีไปไม่สนใจอาการเจ็บของเขาสักนิด ไอ้น้องบ้านี่มันน้องเขาหรือน้องของอริสากันแน่ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ถ้าให้เลือกระหว่างเขากับอริสา เจ้านี่เลือกห่วงยัยนั่นมากกว่าเขาประจำ
“เขาถามหาแฟนเขาเหรอคะ?” ซากิโกะแทรกขึ้นเมื่อทุกอย่างรอบตัวกลับมาปกติ
“เปล่า เพื่อนน่ะ” ศารทูลตอบกลับไปตามความจริง เพื่อนสนิทของสีหราชแต่เป็นยัยผู้หญิงไร้ความรับผิดชอบที่ได้เขาแล้วทิ้งน่ะ คิดแล้วก็ได้แต่หงุดหงิดอยู่ลึก ๆ พร้อม ๆ กับสงสัยด้วยเช่นกันว่าหญิงสาวมาหาสูตินารีแพทย์ทำไม
เธอป่วย? หรือว่า...
