บทที่ 15 เจ้าจะเป็นสามีที่ดีให้นางจริงรึ?
พอร่างสัญญาว่าจ้างเสร็จแล้ว เจียงยิ่งหลีลูบสัมภาระน้อยของตนเอง พลันนึกถึงเป้าหมายที่ตนมาในวันนี้ “จริงสิ เถ้าแก่ ท่านรับโสมป่าไหม?”
“รับรับรับ เจ้ามีรึ?”
“โชคดีได้มาต้นหนึ่ง” เจียงยิ่งหลีเอาโสมป่าออกมา
เถ้าแก่รีบยื่นสองมือไปรับ และสำรวจตรวจตรา เขาดีใจยิ่งนัก “ต้นนี้ถึงจะอายุน้อยอยู่ แต่โสมป่าหายากนัก หายากกว่าโสมคนเสียอีก ลำบากเจ้าแล้วที่สามารถหามาได้เต็มรูปร่างเยี่ยงนี้”
โสมป่ามีกลิ่นอ่อน แต่เป็นของบำรุงชั้นยอด ไม่เพียงบำรุงลมและเลือด บำรุงร่างกาย ช่วยสมดุลประสาทและธาตุในร่าง ซ้ำยังเสริมความงามได้ นี่ไม่เพียงพวกนายท่านต่างๆชื่นชอบ พวกฮูหยินคุณหนูต่างๆก็ชื่นชอบมากเช่นกัน!
และตอนนี้คุณหนูด้านในคนนั้นใช้ได้ด้วย!
“หกตำลึงดีไหม?” คนกันเองทั้งนั้น ราคาเถ้าแก่เลยให้อย่างจริงใจมาก
เจียงยิ่งหลีรู้ว่าถ้าขายออกไปต้องได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยอีกเท่าหนึ่ง แต่อันนี้ก็ไม่ได้ปรุงสำเร็จ นางไม่อยากยุ่งยาก เลยพยักหน้าตกลง
เถ้าแก่จ่ายเงินหกตำลึงให้อย่างรวดเร็ว
พอได้เงินมา เจียงยิ่งหลียิ้มมุมปาก ดูท่าคุณภาพชีวิตจะดีขึ้นแล้วสิ ท่าทีของนางเลยดีขึ้น
“แม่นางในห้องนั่น น่าจะฟื้นในอีกครึ่งชั่วยามได้ ภายในสี่ห้าชั่วยามหลังจากนี้ บาดแผลจะมิได้ปริแตกเจ็บปวดมาก แต่ตอนหลังจะมีอาการละ ถ้าเจ็บมากจริงๆ ท่านก็เอายานี้ให้นาง”
ครุ่นคิดดูแล้ว นางทำท่าควานหาในย่ามของ อันที่จริงคือหยิบไอบิวพรอเฟนกล่องหนึ่งออกมาจากในพื้นที่มิติ
นางแกะห่อทิ้ง และหยิบยาออกมาสิบเม็ดยื่นให้เขา
เถ้าแก่สงสัย “นี่คือ?”
“ยาที่ช่วยระงับปวดลดไข้ นี่เป็นเม็ดยาสูตรลับเฉพาะของสำนักข้า หายากและล้ำค่ามากนัก!” เจียงยิ่งหลีแกล้งหาข้ออ้าง และเพื่อเป็นการปูทางสำหรับหยิบยาออกมาในอนาคตด้วย
“ข้าไม่เคยเห็นเม็ดยาที่ดูเล็กขนาดนี้ ซ้ำยังเป็นสีขาวราวหิมะอีกด้วย...” เถ้าแก่พลิกมองเม็ดยาในมืออย่างสงสัย รู้สึกประหลาดใจนัก
หากมิใช่ได้ยินเจียงยิ่งหลีบอกว่าล้ำค่าหายากมาก เขาก็อยากจะลองกินดูสักหน่อย
“ถ้าคนป่วยรู้สึกเจ็บปวดก็กินหนึ่งเม็ด ประมาณครึ่งชั่วโมง” เจียงยิ่งหลีแอบคำนวณเวลา “...ก็คือประมาณครึ่งชั่วยามจะออกฤทธิ์ และจะมีฤทธิ์อยู่ได้ราวสองชั่วยามถึงห้าชั่วยามตามแต่ร่างกายแต่ละคนน่ะ!”
“แต่พยายามอย่ากินมากเกินไป”
ถ้าไม่ใช่เพราะนี่เป็นคนไข้คนแรกที่นางรักษาหลังมาทำงานร้านยานี้ บวกกับอีกฝ่ายยังเป็นเด็กสาว บาดแผลก็ไม่เล็ก ไม่งั้นอย่างนั้นเจียงยิ่งหลีคงเสียดายยาพิเศษนี่แน่!
ตอนนี้สถานการณ์ในพื้นที่มิติไม่แน่ชัด ยาแบบนี้ใช้น้อยลงหน่อยก็ดี นางยังต้องเก็บไว้ให้ตนเองอีกนะ!
แต่ยาสิบเม็ด นางเดาว่าน่าจะพอใช้ได้หลายวัน บาดแผลก็คงสมานแล้ว
ซ้ำพอมีไอบิวพรอเฟนก็สามารถหลีกเลี่ยงการเป็นไข้ติดเชื้อได้ด้วย ปัญหาจะได้ลดน้อยลง เพราะสำหรับคนโบราณที่ไม่เคยใช้ยาตะวันตกแล้ว ผลลัพธ์เห็นได้ชัดเจนอยู่
ส่วนเรื่องบาดแผล ดูท่าเถ้าแก่ต้องมีหนทางแน่ นางเลยไม่หยิบยาอย่างอื่นออกมาละ จะได้ไม่เป็นปัญหา
“ได้” เถ้าแก่ระลึกไว้ “ค่ารักษานี้ ครั้งหน้าข้าจะจัดการให้เจ้านะ”
คุณหนูคนนี้ดูแล้วเป็นพวกมีฐานะอยู่ ค่ารักษาไม่มีทางน้อยแน่
เรื่องนี้เจียงยิ่งหลีไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ที่นางจะพูดต่อมาต่างหากคือประเด็นสำคัญ “อันที่จริงข้ามาครั้งนี้คือมีเรื่องอยากไหว้วานท่านช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”
พอได้ยินอย่างนี้ เถ้าแก่ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “เชิญเจ้าพูดได้เลย”
สามารถช่วยเจียงยิ่งหลีได้เป็นเรื่องดี ช่วยเหลือมากแล้ว ก็จะสนิทสนมกันมากขึ้น เรื่องจำนวนครั้งในการมารักษาก็ยิ่งพูดได้ง่ายขึ้นละ.....
--
รถม้าขรุขระ
ยู่ฉีกวางโกรธกัดฟันกรอด “อาจวิ้น เจ้าอย่าไปเชื่อคำนังอ้วนอัปลักษณ์นั่นนะ! ยังจะซื้อดอกผ้าไหมอีกแหน่ะ ใบหน้าเต็มไปด้วยสิวแดงของนางนั่นน่ะเกิดใส่ขึ้นมา ก็ทำเด็กหยุดร้องไห้ตอนกลางคืนได้เลยนะ!”
“เดิมวันนี้เหล่านักเรียนจากหลากหลายที่ล้วนพากันมาที่สำนักศึกษาหยุนลู่กันหมด ถึงตอนนั้นต้องต่อแถวกันยาวเหยียดแน่ มาเสียเวลาเพราะนางแบบนี้ ไม่แน่วันนี้พวกเราอาจจะรายงานตัวไม่ทันก็ได้! เจ้าอย่าสนใจนางเลย จะได้ไม่โดนนางทำให้สอบเข้าสำนักศึกษาหยุนลู่ไม่ได้!”
“จริงสิ ข้ายังไม่ได้ถามเจ้าเลยนะ ทำไมเจ้าถึงแต่งงานกับนังอ้วนอัปลักษณ์นั่นได้ล่ะ? เจ้าลืมไปแล้วรึว่า นางเป็นคนทำเจ้าขาหักน่ะ! แม่เจ้าก็รับปากรึ?”
เสิ่นจวิ้นอี้ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ก้มหน้าเปิดห่อผ้าออก
ยู่ฉีกวางตาไวเห็นซาลาเปาสีขาวอวบอ้วน เขารีบออกจากบ้าน ยังไม่ได้กินข้าวเช้า ตอนนี้ท้องหิวร้องจ๊อกๆ
เขาไม่อ้อมค้อมกับเสิ่นจวิ้นอี้ หยิบซาลาเปามากัดกินทันที “ไอ้หยา ซาลาเปานี้หอมเสียจริง! อาจวิ้น เจ้าทำรึ? ฝีมือดียิ่งนัก! ข้าไม่เคยกินซาลาเปาเนื้อที่หอมอย่างนี้เลย...”
เสิ่นจวิ้นอี้นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อเช้าที่เจียงยิ่งหลีกินเหมือนจะเป็นซาลาเปาผัก เขากัดไข่ไก่ที่แกะเปลือกออกแล้ว พูดเสียงเรียบว่า “ไม่ใช่ เจียงยิ่งหลีเป็นคนทำ”
“แค่กแค่กแค่ก....” ยู่ฉีกวางเกือบติดคอ รีบทุบอกกลืนลงไปแทบไม่ทัน และเบิกตากว้างถาม “นาง นางทำรึ?”
“อืม” เสิ่นจวิ้นอี้เหล่ตามองเขา “ไม่กินแล้วรึ?”
ยู่ฉีกวางนึกเห็นภาพใบหน้าเยาะหยันของเจียงยิ่งหลี ถ้านางรู้ว่าตนกินของที่นางทำ ต้องเยาะหยันตนไม่น้อยแน่ แต่ซาลาเปาในมือก็หอมมากจริงๆ
กินไม่กิน กลายเป็นปัญหาขึ้นมาทันที!
ยู่ฉีกวางอึกอักไปครู่หนึ่ง สุดท้ายยอมแพ้ให้กับปากตนเอง ตัดสินใจว่า “กิน คนโง่สิถึงไม่กิน!”
เขาอ้าปากกว้างกินคำโต กินไปบ่นไป “คิดไม่ถึงว่า คนอย่างนางนิสัยแย่ แต่ทำของกินอร่อยเพียงนี้!”
“ครั้งหน้าอย่าเรียกนางว่านังอ้วนอัปลักษณ์อีกล่ะ”
สตรีล้วนรักสวยรักงาม เจียงยิ่งหลีถือสาเรื่องนี้มาก
“ได้ ก็ได้! ข้าจะพยายาม” กินของๆนางแล้ว ยู่ฉีกวางเข้าใจอยู่
อันที่จริงเขาแค่อยากเรียกร้องความเป็นธรรมแทนเสิ่นจวิ้นอี้ เดิมทีเขานั้นมิได้มีปัญหาอะไรกับนางเท่าใด
ไม่นานรถม้าก็เข้าเมือง ตอนใกล้จะถึงสำนักศึกษาหยุนลู่ เสิ่นจวิ้นอี้เรียกรถม้าให้หยุด และถือสัมภาระลงจากรถ
ยู่ฉีกวางตามติดไม่ห่าง อุทานอย่างตกใจว่า “อาจวิ้น เจ้าจะทำอะไรน่ะ?หรือว่าเจ้าจะทำตัวเป็นสามีที่ดีของนาง ซื้อดอกไม้ให้นางจริงรึ?”
เขายังจำได้ถึงคำพูดท้าทายพวกนั้นของเจียงยิ่งหลี!
เสิ่นจวิ้นอี้ไม่ได้พูดอะไร และเดินไปร้านเครื่องประดับที่อยู่ห่างไปไม่ไกล
ยู่ฉีกวางวิ่งไล่ตามมา พูดอย่างร้อนรนว่า “ได้ได้ได้ เจ้าจะซื้อดอกไม้ก็ดูเวลาก่อนสิ! ข้าเห็นด้านหน้าสำนักศึกษามีคนมารวมตัวกันมากมายแล้วนะ พวกเรารีบไปต่อแถวรายงานตัวก่อนเถอะ! ร้านเครื่องประดับอยู่แค่นี้เอง ไม่หนีไปไหนหรอก ไม่ต้องรีบตอนนี้ก็ได้นี่นา!”
“อีกอย่าง ทางนั้นมีหญิงสาวมากมายขนาดนั้น ผู้ชายอย่างเราๆเข้าไป มันไม่น่าดูนะ!”
ประเด็นคือ ด้านหน้าร้านเครื่องประดับก็มีแม่นางยืนต่อแถวอยู่ไม่น้อย ไปๆมาๆอย่างนี้ ยิ่งเสียเวลามากขึ้นอีก
“เจ้าไปรายงานตัวก่อนเถอะ! ข้าไปครู่เดียวก็มา” เสิ่นจวิ้นอี้พูดจบ ก็คว้าไม้เท้าเดินกะเผลกไปต่อแถวอย่างไม่หันหลังกลับมาเลย
เสิ่นจวิ้นอี้ขามีปัญหา ยู่ฉีกวางไม่วางใจให้เขาไปต่อแถวคนเดียว โดยเฉพาะคนทางสำนักศึกษามากมายขนาดนั้น เกิดมีใครมาชนเข้ามันจะไม่ดีละ
ยู่ฉีกวางเหล่ซ้ายมองขวา สุดท้ายกระทืบเท้าเร่าๆ วิ่งไล่ตามไป
ช่างมัน ขายหน้าก็ขายหน้าละกัน!จะทำไงได้ ต้องไปด้วยกันสิ!
“อาจวิ้น เจ้ารอข้าด้วยสิ!”
