บท
ตั้งค่า

2.เจอกันอีกครั้ง

*** ทักทายคร้า***

เมื่อมีนาส่งแขกถึงห้องพักเธอก็ขอตัวกลับไป แอชลีย์มองตามร่างโปร่งระหงจนกระทั่งหายเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ถัดไป ร่างสูงขยับไปยืนพิงระเบียงหน้าบ้าน สายตาทอดมองความเขียวขจีด้วยความสดชื่น ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มเมื่อรับรู้ความรู้สึกอุ่นๆ วูบวาบที่เกิดขึ้นในใจ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดึงให้เขาตื่นจากภวังค์ความสดชื่น ดวงตาคมกริบก้มมองเบอร์ที่โชว์หราอยู่หน้าจอ ก่อนจะกดรับและทักทายออกไป

“ครับอาเดฟ”

“อยู่ส่วนไหนของอเมริกาไอ้ลูกชาย” เสียงเดฟเดวิทดังมาตามสาย ตามด้วยเสียงเด็กๆ ที่เรียกอาแอชลีย์ดังเซ็งแซ่เข้ามาให้แอชลีย์ต้องยิ้ม

“เวอร์จีเนียครับอา”

“ว้าว พักผ่อนเมืองแห่งคู่รักซะด้วย ว่าแต่ไปคนเดียวไม่เปล่าเปลี่ยวบ้างหรือไงวะ”

แอชลีย์ยิ้มน้อยๆ กับน้ำเสียงห่วงใยของพ่อทูนหัว

“มาพักที่เมืองในตำนานแห่งคู่รัก ก็ต้องเจอคนถูกใจสิครับ” เสียงสดชื่นและแฝงไปด้วยความสุข เล่นเอาคนปลายสายรู้สึกประหลาดใจ เพราะตั้งแต่พ่อหลานชายจบดอกเตอร์มา ความขี้เล่นสมัยหนุ่มๆ ก็หายไปจนกระทั่งวันนี้

“มันต้องอย่างนั้นไอ้ลูกชาย ชีวิตเราจะได้ไม่เหี่ยวเฉา เพราะความอ่อนโยนของสาวๆ จะทำให้ร่างกายเรากระชุ่มกระชวยขึ้น” เดฟเดวิทบีบเสียงให้เบาลงพอได้ยินกันสองคน แอชลีย์หัวเราะไปตามสาย

“อาไม่ลองหาไปช่วยเลี้ยงสามสิงห์ที่บ้านบ้างล่ะครับ จะได้กระชุ่มกระชวยอย่างที่ว่า”

“บ้านคือดินแดนอิสระที่มีภรรยาเป็นประมุขโว้ย ขืนพาเข้ามา มาดามหอบลูกหนีแน่ๆ”

แอชลีย์หัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินน้ำเสียงแผ่วเบาของอาหนุ่ม แต่ความรู้สึกยินดีลึกๆ ที่ได้เจอเงาในหัวใจทำให้เขาไม่อาจเก็บงำเอาไว้ได้

“อาไม่ถามเหรอครับว่าคนถูกใจของผมเป็นใคร”

“ได้ยินเสียงขี้เล่นเหมือนหนุ่มวัยกระเตาะ ฉันก็เดาได้แล้วว่าคนที่เข้ามากะเทาะหัวใจนายคงสวยสุดๆ ไม่อย่างนั้นหัวใจเสือคงไม่กระตุกแบบนี้”

แอชลีย์ยิ้มให้กับสายลมและลูกไฟดวงโตที่กำลังจะจมหายไปในท้องทะเลกว้าง

“เก็บความลับว่ายากแล้ว เก็บความรู้สึกมันยิ่งยากกว่าจริงๆ นะครับ” แอชลีย์บอกอย่างขัดเขินเป็นครั้งแรก มือใหญ่อีกข้างยกขึ้นลูบท้ายทอยตัวเอง

“เฮ้ย ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ฉันชักอยากรู้จักแล้วสิ หลังงานเลี้ยงที่เพนตากอนพามาแนะนำให้ฉันกับลาห์มรู้จักหน่อยสิ” เดฟเดวิทบอกอย่างกระตือรือร้น

“อาจำนางแบบสันติภาพของสหประชาชาติคนนั้นได้มั้ยครับ”

“เฮ้ย อย่าบอกนะว่าเป็นนางแบบคู่ขวัญของนาย”

เดฟเดวิทอุทานออกมาอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึง

“โซมิน มิลาเวียร์จริงๆ ครับ แต่คนที่นี่เรียกเธอว่ามีนา เธอเป็นลูกสาวเจ้าของรีสอร์ตที่ผมมาพัก”

“แม่เจ้า บุพเพเสกสรรหรือสวรรค์แกล้งกันแน่วะเนี่ย”

แอชลีย์หัวเราะกับคำพูดที่ดังมาตามสาย นั่นสินะ แม้จะไม่พบเจอกันมาเกือบห้าปี พอกลับมาเจอกันอีกครั้ง ห้าปีก็เหมือนห้าวันเท่านั้นเอง

“จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะครับ ถ้าไม่ผูกพันกันด้วยหัวใจ ถึงจะเจอกันบ่อยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

คนปลายสายเพียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอเพราะเริ่มกังวล

“ถ้านายกับเธอเกิดมาคู่กัน ต่อให้ระยะเวลาสั้นๆ ความผูกพันทางใจก็เกิดขึ้นไม่ยาก งานนี้นายบินเดี่ยวโดยไม่มีบอดี้การ์ดไปด้วย ยังไงก็ระวังตัวให้มาก เพราะศัตรูในที่มืดจะมากระทืบเราเวลาไหนก็ได้”

“ผมจะระวังตัวครับอา ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”

“วันนี้นายโตและยืนด้วยตัวเองได้โดยที่ฉันกับลาห์มไม่กังวล แต่ที่ห่วงเพราะนายยังไม่มีใครดูแลและมาแชร์ชีวิต”

แอชลีย์ตื้นตันในอก ความสัมพันธ์ทางสายเลือดและความผูกพัน ทำให้เขาทั้งรักและเทิดทูนพ่อทูนหัวทั้งสองเป็นที่สุด แต่การหาใครสักคนมาแชร์ชีวิตเป็นเรื่องที่เขาต้องคิดหนัก เพราะคนที่เป็นเงาในหัวใจไม่รู้จะพร้อมและเต็มใจสำหรับตำแหน่งนั้นหรือเปล่า

แอชลีย์คุยเรื่องงานกับเดฟเดวิทอีกสักพักก็วางสาย แต่ร่างสูงสง่ายังคงยืนทอดอารมณ์ ซึมซับความงดงามของอาทิตย์อัสดงอย่างผ่อนคลาย มีนาเดินมาหยุดที่เชิงบันได ตามองเสี้ยวหน้าคมสันที่รกครึ้มไปด้วยเคราเขียวเหนือริมฝีปากและใต้คางแข็งแรง แอชลีย์ในเวลานี้ช่างแตกต่างจากเมื่อหลายปีก่อนนัก แววตาขี้เล่นและนิสัยร่าเริงหายไป ความเคร่งขรึมน่าเกรงขามเข้ามาแทนที่ หรืออาจจะเป็นที่อายุและความรับผิดชอบที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ แต่ทุกอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้ผู้ชายคนนี้น่ากลัวและน่าเกรงขามมากขึ้น

“มองนานแค่ไหนผมก็ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมหรอกนะคุณ”

มีนาสะดุ้ง ผิวแก้มนวลเนียนแดงระเรื่ออย่างขัดเขินที่ถูกเขาจับได้ แอชลีย์วางมือข้างตัวแล้วหันมามองเธอเต็มตา

หญิงสาวหันไปสั่งพนักงานยกถาดอาหารเย็นไปวางบนโต๊ะริมระเบียง พอจัดเสร็จพนักงานก็กลับไป หญิงสาวก็เงยหน้าสบตาคมพร้อมกับรอยยิ้มหวาน

“เวลาเปลี่ยนบางอย่างก็เปลี่ยนได้เหมือนกัน เพราะบนโลกกลมๆ ใบนี้ไม่เคยมีอะไรแน่นอน”

แอชลีย์คลี่ยิ้มกับคำพูดเป็นนัยของหญิงสาว

“ผมก็ยังยืนยันที่จะรอดูความเปลี่ยนแปลงของใครบางคน”

มีนามองหน้าคมสัน แล้วคำพูดบางอย่างของเขาก็ลอยเข้ามาในห้วงคำนึง ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้มแต่เป็นยิ้มที่แอชลีย์ต้องระวังใจไม่ให้เจ็บ

“อย่าเสียเวลาเลยนะคะ ต่อให้คุณรอนานแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉันกับคุณเป็นเพียงมนุษย์เดินดินที่ยังมีกิเลสตัณหา หากสิ่งเร้ารอบกายน่าสนใจกว่า คนเราจะล้มเลิกความตั้งใจเวลาไหนก็ได้”

นั่นปะไรเขาว่าแล้วเชียว

“แต่ถ้าจิตใจเข้มแข็งและมั่นคง ต่อให้น่าสนใจมากแค่ไหนก็ไม่อาจทำลายหัวใจดวงนั้นไปได้” แอชลีย์บอกด้วยน้ำเสียงมั่นคง มีนาเสมองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้

“ขออวยพรให้คุณเจอหัวใจของเธอคนนั้นนะคะ แล้วก็ขอให้มีความสุขกับอาหารเย็นและการบริการของเรา” เธอบอกเสียงหวานและเตรียมจะผละไป แต่คำพูดของเขาทำเอาเท้าเรียวต้องชะงัก

“แล้วมีบริการเสริมอย่างอื่นอีกมั้ย เช่นว่านั่งกินข้าวเป็นเพื่อนลูกค้าที่มาคนเดียว”

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ เราขายบริการและความงดงามของธรรมชาติ ไม่ได้เรียกลูกค้าด้วยแพ็กเกจเสริมเรื่องอย่างว่า แต่ถ้าต้องการผู้หญิงอย่างว่ามานั่งเป็นเพื่อน คุณคงต้องไปพักที่อื่น” มีนาบอก อารมณ์เริ่มกรุ่นกับข้อเรียกร้องของแขก

ขณะที่ทั้งสองกำลังปะทะคารมกันอยู่นั้น รถเก๋งสีดำคันหนึ่งก็แล่นผ่านไป คนที่นั่งอยู่ในรถมองสองหนุ่มสาวจนเหลียวหลัง โดยเฉพาะร่างสูงที่ถูกจ้องมองอยู่นานเป็นพิเศษ จนกระทั่งรถวิ่งไปจอดหน้าบ้านเจ้าของไร่

****

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel