บทที่ 6 ฝันร้าย
บทที่ 6 ฝันร้าย
รีไวน์ลากนีน่ามาจนถึงรถของเขาBWW M4 Coupe สีเทาเงิน มันดูเรียบหรูและเหมาะกับรีไวน์ดีอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่ใช่เวลาที่นีน่าจะมาใส่ใจเรื่องรถ เธอกำลังโดนรีไวน์บังคับอยู่นะ! เธอทั้งทุบทั้งตีไปที่แขนและมือของเขา แต่ชายคนนี้ไม่รู้สึกอะไรกับความเจ็บปวดพวกนั้นเลย
“เข้าไป!” รีไวน์พูดเสียงห้วนพร้อมยัดนีน่าให้นั่งที่เบาะข้างคนขับ แต่เธอยังคงไม่ยอมง่าย ๆ เมื่อรีไวน์ปิดประตู นีน่าก็เปิดออกมันออกและทำท่าจะวิ่งหนีไปทันที รีไวน์จึงพูดขู่เสียงแข็ง
“ถ้าเธอไม่ยอมให้ฉันไปส่งดี ๆ ฉันสัญญาเลยว่าฉันจะทำให้เธอจำวันนี้ไปจนตาย” นีน่าหยุดนิ่งทันทีและกลับเข้าไปในรถอย่างว่าง่าย เธอคิดไปถึงว่าหากรีไวน์ทำอะไรมิดีมิร้ายเธอขึ้นมาจะทำยังไง เธอคงจะสู้แรงรีไวน์ไม่ไหว ขนาดแค่โดนจับมือลากมาเธอยังขัดขืนไม่ได้เลย
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยอมเชื่อฟังแต่โดยดี เขาจึงขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับก่อนที่จะออกรถ ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆจนมองแทบจะไม่เห็นทาง
รีไวน์เหลือบมองนีน่าเป็นพัก ๆ เพราะกว่าพวกเขาจะเดินมาถึงรถเธอก็ตัวเปียกไปแล้ว เสื้อนักศึกษาตัวบางของเธอก็แนบเนื้อจนเห็นถึงเสื้อชั้นในชสีแดงเซ็กซี่ที่ประคองหน้าอกอวบนั่นชัดเจน รูปร่างและหุ่นเธอมันปลุกเสือในกายเขาอย่างมาก แต่เขาพยายามที่จะไม่มองแต่ในระยะสายตามันก็ยังเห็นได้อยู่ว่าวันนี้เธอใส่ชั้นในสีอะไร
“ให้ไปส่งที่ไหน”
“ไม่ต้องหรอก นายจอดที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆนี่แหละ เดี๋ยวฉันไปต่อเอง”นีน่าเธอยืนยันเสียงแข็ง
“ฉันถามว่าให้ไปส่งที่ไหน”รีไวน์กดเสียงต่ำเพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่าอย่ามาคิดหือกับเขา
“เลิกมายุ่งกับฉันสักทีได้ไหม ช่วยฟังที่ฉันพูดบ้าง!”นีน่ากล่าวออกไปอย่างไม่เกรงกลัวอีกแล้ว เพราะเธอรำคาญเขาเต็มทน ก่อนหน้านี้ยังทำเหมือนคนไม่รู้จักกันแล้วจู่ๆเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก
“ฉันสัญญาว่าฉันจะแค่ไปส่งเธอ ไม่ทำอะไรล่วงเกินทั้งนั้น ฉันแค่ไม่อยากให้เธอตากฝนจนไม่สบาย..”รีไวน์ถอนหายใจเล็กน้อย แต่เขาก็เลือกที่จะใช้เหตุผลจริงๆ เพราะเขาเป็นห่วงนีน่ากลัวว่าเธอจะไม่สบาย
“ที่ผ่านมานายก็เดินออกไปจากชีวิตฉันง่าย ๆ นี่ ตอนนี้ก็แค่ทำแบบนั้นต่อไปไม่ได้หรือไง?”ภาพจำในอดีตวนกลับเข้ามาในหัวของนีน่าอีกครั้ง ความรู้สึกเจ็บที่หน้าอกจนแทบจะร้องไห้ออกมาทำให้เธอดิ่งลงอีกครั้ง เธอพยายามจะไม่ร้องไห้กับภาพจำบ้า ๆ นั่น แต่มันก็ยากเหลือเกิน
“เรื่องมันผ่านไปแล้วโฟกัสแค่ฉันจะไปส่งเธอ เท่านั้นก็พอ” รีไวน์เองก็ทำใจแข็ง ถึงแม้จะตกใจที่นีน่าเริ่มมีน้ำตาซึมออกมา แต่เขาก็ไม่อาจจะเข้าไปปลอบเธอเหมือนแต่ก่อนได้ สถานะของเขาในตอนนี้มันไม่มากพอที่จะทำแบบนั้น และเธอเองก็เป็นฝ่ายนอกใจเขาก่อน
“พูดง่ายเนอะ..”
“ฉันสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับเธออีก ไม่มาเห็นหน้าให้เธอต้องรำคาญใจเท่านั้นพอไหม?”
“ที่คอนโดZ”สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงรีไวน์ได้ เธอจึงโกหกไปว่าเธออยู่คอนโดZ เพื่อที่จะให้รีไวน์ไปส่งและคิดว่านั่นคือที่อยู่ที่แท้จริงของเธอ แถมยังป้องกันการถูกคุกคามจากรีไวน์อีกต่างหาก
“ก็แค่นั้น”
ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง นีน่าพยายามจะมองออกไปยังด้านนอกที่แม้ฝนจะตกหนักจนไม่อาจมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้แต่เธอก็ยังเลือกที่จะมองมัน เพราะไม่อยากให้รีไวน์เห็นว่าเธอร้องไห้ เธอจึงพยายามหันหนีรีไวน์ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของเขาอยู่ดี
รีไวน์รู้อยู่แล้วว่านีน่าร้องไห้ แต่เขาก็ทำเป็นไม่เห็นจนมาถึงบริเวณคอนโด Z รีไวน์เลือกจอดบริเวณที่มีจุดบังฝน นีน่าจะได้ไม่ต้องเปียก
“ขอบคุณนะ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้านายไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก”นีน่าปิดประตูรถก่อนที่รีบออกเดิน ทำเหมือนว่าได้เข้าไปในคอนโดแล้ว
เธอรอเวลาจนกว่ารถสีเทาของรีไวน์จะเคลื่อนตัวออกไป ก่อนที่เธอจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อเรียกรถในแอพสีเขียวให้มารับเธอกลับไปยังคอนโดที่แท้จริง
ตกกลางดึก หญิงสาวส่งเสียงครวญครางเล็กน้อยอย่างเจ็บปวด เหงื่อของเธอผุดขึ้นเต็มหน้าและแผ่นหลัง จนเหมือนกับว่าเครื่องปรับอากาศไม่ได้ถูกเปิด แต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จากการฝันร้าย
หลัง ๆ มานี้อาการของเธอมันหนักขึ้นทุกที เธออยากจะนอนหลับอย่างคนปกติบ้าง และนอกจากเหงื่อที่เต็มตัวเธอไปหมดแล้ว น้ำตาที่ซึมออกมาก็มีมากเช่นกัน
เธอจึงลุกออกจากเตียงและพยายามเดินไปที่ตู้เย็นโดยใช้แสงที่มีน้อยนิดจากพระจันทร์ช่วยนำทาง
นีน่าหยิบขวดน้ำขึ้นมายกดื่มอย่างกระหาย ก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้กินข้าวที่อยู่ใกล้กับเธอที่สุดความรู้สึกปวดที่หัวโลดแล่นอยู่ในสมองเธอจนทุกอย่างมันตื้อไปหมด ร่างกายของเธอแบกรับเรื่องราวอันหนักหน่วงนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว สภาพจิตใจที่พังย่อยยับของเธอก็เช่นกัน
ดูเหมือนว่าการเจอกันโดยบังเอิญในวันนี้จะยิ่งกระตุ้นให้เธอฝันร้ายมากกว่าเดิมอีก นีน่ายกสองมือของเธอขึ้นบีบไปที่หัวของเธอ หวังให้ความเจ็บปวดที่มากกว่าเดิมจะช่วยทำให้ลืมความเจ็บก่อนหน้านี้ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เธอดีขึ้นเลยสักนิด
และดูเหมือนว่าในตอนนี้เธอเริ่มมีอาการไข้ขึ้นอ่อนๆ แล้วด้วย คงเพราะว่าเธอภูมิตกจากการพักผ่อนไม่เพียงพอนานหลายวันนั่นแหละ แถมวันนี้เธอยังตากฝนอีก ไม่แปลกที่พอตกกลางคืนอาการเธอถึงได้แย่แบบนี้
เมื่อตอนเช้ามาถึง หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยเปลือกตาที่หนักอึ้งจนแทบจะเปิดตาไม่ไหว แต่เธอก็ใช้สองมือควานหาโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหาเพื่อนของเธอ แฟนต้า รายงานอาการป่วยที่มีมาตั้งแต่เมื่อคืนและหนักขึ้นในตอนเช้า
เมื่อควานหาโทรศัทพ์เจอแล้วเธอกดโทรหาเบอร์ที่โทรเข้าออกล่าสุดทันที ชีวิตของเธอก็วนอยู่แค่นี้แฟนต้า พ่อและแม่ ไม่นานเพื่อนของเธอก็รับสาย
“ฮัลโหล” เธอกรอกเสียงแหบพร่าลงไปในโทรศัพท์ทันทีเมื่อมีการตอบรับจากปลายสาย
“นีน่า! แกเป็นอะไรทำไมเสียงแย่ขนาดนี้!” แฟนต้าตกใจ และเร่งเสียงตัวเองให้ดังกว่าเดิมซึ่งปกติก็ดังมากอยู่แล้ว จนนีน่ายกโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบไม่ทัน
“ป่วย..ไข้ขึ้น..เหมือนว่าจะเป็นหวัด..” นีน่าค่อยๆ เรียบเรียงอาการและแจ้งให้แฟนต้าทราบ
“ฉันจะไปหาที่คอนโด แกรอฉันก่อนอย่าพึ่งตุยนะ!”
“ไม่ต้องหรอก แกเข้าเรียนปกตินี่แหละ ไม่งั้นใครจะเป็นคนจดเนื้อหาให้ฉันล่ะ”
นีน่ารีบห้ามเพื่อนของเธอเมื่อได้ยินแบบนั้น การมีคนมาดูแลมันก็ดีอยู่หรอก แต่การไม่มีคนสรุปเนื้อหาในห้องเรียนให้มันแย่กว่าอีก
“เอางั้นเหรอ งั้นแกโอเคใช่ไหม ถ้าไม่ไหวรีบโทรบอกฉันเลยนะ” แฟนต้าเป็นห่วงเพื่อนของเธอมาก เพื่อนสาวคนนี้รู้ดีกว่าใครว่านีน่าอยู่ตัวคนเดียวที่คอนโด ไม่ได้อยู่ในการดูแลของพ่อและแม่เหมือนแต่ก่อน
เพราะมหาลัยที่เธอทั้งสองมาเรียนก็ไกลจากที่อยู่เดิมอย่างมาก จึงมาเช่าคอนโดอยู่แทนเพื่อความสะดวกสบายตอนไปเรียนนั่นเอง
“ฉันโอเค ฝากลาอาจารย์แล้วก็จดเนื้อหาเผื่อด้วยนะ”
“ได้ค่ะ ฉันจะจดให้อย่างละเอียดยิบเลย แกก็อย่าลืมกินยา เทคแคร์ตัวเองเยอะๆ นะค๊า”
ปลายสายตัดไป นีน่าจึงปล่อยโทรศัพท์ของเธอให้ร่วงลงที่เตียงตามแรงโน้มถ่วง ก่อนที่จะปิดตาของเธอลง เธอรู้ดีว่าในตอนนี้เธอควรจะกินข้าวและกินยา แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงจะทำอะไรเลย ร่างกายมันหนักไปหมด แม้แต่แรงจะยกแขนยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่สติของนีน่าจะดับวูบไป
นีน่าลืมตาตื่นอีกทีในตอนสายๆ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองมีแรงขึ้นมากกว่าเดิมนิดหน่อย จึงลุกขึ้นนั่งที่เตียงพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสั่งอาหารเดลิเวอรี่ เพื่อที่จะไม่ต้องออกไปหาอะไรกินแถวคอนโด จะได้เซฟแรงของเธอด้วย ร่างกายจะได้ไม่ทำงานหนักเกิน
