บทที่ 5 คำพูดที่แสนเจ็บปวด
บทที่ 5 คำพูดที่แสนเจ็บปวด
รีไวน์ได้หยิบซองบุหรี่สีดำขึ้นมาพร้อมกับจุดไฟแช็กซิปโป้ ตัวของเขาเองเมื่อก้าวเข้าสู่วงการนี้ บุหรี่ที่รีไวน์สูบเป็นประจำคือคาเมลม่วง ชนิดเย็นหนึ่งเม็ดบีบ ที่มีกลิ่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกับบุหรี่ที่ขายกันตามท้องตลาดธรรมดา
การสูบบุหรี่ถึงแม้จะมีข้อเสียอยู่มากแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าช่วยบรรเทาความเครียดได้เป็นอย่างดี อาจจะเพราะความเพลิดเพลินเมื่อดูดควันเข้าไปเต็มปอด หรือเพราะนิโคตินก็ดี แต่มันก็ช่วยให้รีไวน์ได้ผ่อนคลายลงได้
“เสร็จหรือยัง!!! เสร็จแล้วก็รีบมาได้แล้ว!!! ใกล้เวลาเรียนแล้วโว้ย!!!” มั้นท์เดินมาตะโกนเรียกรีไวน์ เขาเห็นว่ารีไวน์เดินออกมาสูบบุหรี่นานเกินไป ปกติแล้วรีไวน์จะสูบแค่มวลเดียว แต่จากเวลาที่ล่วงเลยมาขนาดนี้ รีไวน์คงซัดไปไม่ต่ำว่าสามมวลสินะ มันจะเครียดอะไรขนาดนั้น
“เออ! หยุดแหกปากได้แล้ว! มึงไปก่อนเลย!!!”รีไวน์ส่งเสียงไล่เพื่อนของเขาให้ไปที่ห้องก่อนเลยไม่ต้องรอ มั้นท์ได้ยินแบบนั้นจึงเดินออกไปพร้อมกับเรน
รีไวน์หยิบบุหรี่อีกมวลออกมาจากซองและจุดมันขึ้นสูบต่อเขาพยายามใช้บุหรี่มาช่วยทำให้เขาได้หยุดคิดถึงเรื่องของนีน่าเสียที เจ้าตัวถึงได้สูบไปมากขนาดนั้น และดูเหมือนมันจะช่วยได้
เมื่อบุหรี่ตัวที่สี่หมดลง เขาจึงลุกขึ้นและเดินกลับไปเพื่อขึ้นห้องเรียนในคลาสต่อไป โดยที่ไม่มีเรื่องของนีน่าเข้ามาในหัวให้เขาปวดหัวเล่นอีก
“แฟนต้า แกรู้จักกับเพื่อนของรีไวน์ได้ยังไง” เมื่อกลับมาถึงห้องเรียนก่อนเวลาที่อาจารย์จะเข้ามาสอน นีน่าไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า เธอซักไซ้แฟนต้า แฟนต้าเองเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายและมีเพื่อนเยอะไปหมด แต่ก็ไม่คิดว่าเพื่อนของรีไวน์จะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
“รู้จักกันตอนไปกินเหล้า เอาจริงๆ ทีแรกฉันก็ไม่รู้ว่ามั้นท์จะเป็นเพื่อนของรีไวน์ ก็มารู้ตอนที่เจอเมื่อกี้นี่แหละ พอเดินไปถึงโต๊ะก็เห็นรีไวน์เลยพึ่งรู้ตอนนั้นว่าเป็นเพื่อนกัน”
“อ่อ...” นีน่าเงียบลงทันทีที่แฟนต้าอธิบายจบ แฟนต้ารู้เรื่องของนีน่าดีว่าเธอเองก็ยังไม่ลืมรีไวน์และยังทรมานกับเรื่องของเขาอยู่ทุกคืน แฟนต้าจึงรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่พานีน่าไปเจอเข้ากับรีไวน์ แต่แฟนต้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน
“ขอโทษนะแก แกเลยต้องเจอกับรีไวน์ไปด้วยเลย” แฟนต้าไม่ยอมปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นีน่าต้องรู้สึกแย่อยู่นาน อย่างน้อยเธอเองก็ควรจะขอโทษ
“แกไม่ได้ผิดสักหน่อย อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ยังปลอดภัยดี” เรื่องที่รีไวน์ย้ายออกจากโรงเรียนไม่นานก็มาถึงหูของนีน่า จนเธอเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ถึงแม้จะจบกันไม่ดีนัก แต่จิตสำนึกของเธอยังทำงานอยู่ และเธอไม่ใช่คนใจร้ายอะไรขนาดนั้น
ถึงเลิกกันไปก็ไม่ได้แปลว่าต้องเกลียดกันสักหน่อย หากว่าเธอเกลียดรีไวน์ได้จริงๆ อย่างที่ใจนึกล่ะก็ เธอคงไม่ต้องมานั่งทรมานเพราะคิดถึงเขาอยู่แบบนี้
แต่เมื่อถึงตอนเย็น รีไวน์ก็มาดักรอนีน่าที่บริเวณคณะนิเทศน์ ที่นีน่าเรียนอยู่ เมื่อเห็นว่าเธอเดินออกมาจากคณะและกำลังจะกลับบ้าน รีไวน์จึงรีบเดินเข้าไปหาเธอทันที เมื่อตอนกลางวันเขาอุตส่าห์ไม่คิดถึงเรื่องของเธอแล้วเชียว แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขามาดักรอเธอแบบนี้ ดูเหมือนว่านิโคตินที่สูบไปเต็มปอดจะไม่ได้ผล
“มีแฟนอยู่แล้วแต่กลับไปให้เบอร์คนอื่นพร่ำเพื่อ ดูไม่ต่างจากตอนที่คบฉันเท่าไหร่เลยนะ”เสียงเสียดสีของรีไวน์ดังขึ้นทำให้นีน่าหันกลับไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ มีแฟนอะไรกัน ? ตั้งแต่ นีน่าเลิกกับเขามาเธอไม่แม้แต่จะเปิดใจให้คนอื่นเลยด้วยซ้ำ
แต่นีน่าไม่มีเวลาที่จะมาฟังคำพูดน่าปวดหัวของรีไวน์ เธอจึงเดินหนีรีไวน์ทันที เธอไม่คิดเลยว่าเลิกกันไปหลายปีแล้วแต่คำพูดของรีไวน์ยังมีผลต่อตัวเธออยู่เลย แต่เธอไม่ใช่คนที่ชอบมีเรื่องและชอบทะเลาะกับใคร ในเมื่อเรื่องของเธอและเขาจบกันไปนานแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอธิบายให้ชายคนนี้เข้าใจอีก
“จะเดินหนีไปไหน มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”รีไวน์คว้าแขนเรียวไว้ทันที เขาบีบแรงอย่างไม่รู้ตัวทำให้ผิวขาวๆเกิดรอยแดง ก่อนที่เขาจะใช้สายตาที่เต็มไปด้วยโทสะมองเข้าไปในดวงตาของเธอ
“ปล่อยฉัน!”นีน่าเจ็บและพยายามดึงแขนออกจากการจับกุมของ รีไวน์อย่างสุดกำลัง แต่ทุกการขัดขืนกลับยิ่งทำให้รีไวน์ยิ่งกุมแน่นขึ้น แต่เขาเป็นผู้ชายย่อมมีกำลังมากกว่าเธออยู่แล้ว สิ่งที่เธอกำลังพยายามทำมันอยู่จึงเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ซึ่งเธอรู้ดี
“ทำตัวง่ายๆแบบนั้นก็เหมาะกับการเป็นเธอดีนะ หรือว่ามันโชคดีของฉันแล้วที่ได้เลิกกับผู้หญิงใจง่ายและสำส่อนแบบเธอ”
นีน่าหยุดชะงักไปชั่วขณะคำพูดร้ายกาจของรีไวน์แทงลึกเข้าไปในใจของนีน่าจนเธอเจ็บปวดไปหมด เธอไม่เข้าใจการกระทำของ รีไวน์เลยสักนิด ทำไมเลิกกันไปแล้วแต่รีไวน์ยังไม่ยอมจบอีก เธอไปทำอะไรให้รีเขานักหนากัน
เธอรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับรีไวน์ในตอนนี้ และการกระทำของรีไวน์ยังมาทำให้เธอเสียใจยิ่งกว่าเดิมอีก เธอไม่ได้ตอบโต้อะไรรีไวน์ ไม่อยากจะให้เรื่องราวมันบานปลายใหญ่โต หากว่ารีไวน์อยากจะคิดอะไรก็แล้วแต่เขาเลย ยังไงความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นมันก็ยากที่จะต่อให้ติด
รีไวน์เองก็เห็นสีหน้าของนีน่าดูไม่ค่อยดีนัก เธอมองเขาอย่างโกรธเคือง น้ำตาเริ่มคลอเบ้าเหมือนคนจะร้องไห้เขาจึงยอมปล่อยแขนของเธอให้เป็นอิสระก่อนที่จะมองเจ้าตัวรีบเดินหนีเขาออกไป
เขาจิปากอย่างไม่พอใจ แต่ถึงจะโมโหมากขนาดไหนเมื่อได้เห็นสีหน้าและแววตาของเธอแล้ว รีไวน์จึงยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ เขาไม่ใจกล้าพอที่จะทำร้ายเธอ แต่เมื่อเงยหน้ามท้องฟ้าเมฆครึ้มก็ได้เข้าปกคลุมไปทั่วพื้นที่ก่อนที่เม็ดฝนจะโปรยลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
เขารู้อยู่แก่ใจดีว่านีน่าเป็นคนที่ร่างกายอ่อนแอแค่ไหน แถมเธอก็ขับรถไม่เป็นระยะทางจากคณะเดินไปหน้ามหาลัยกว่าจะเรียกรถกลับบ้านได้ เธอคงโดนฝนจนเปียกชุ่มเสียก่อน
“เดี๋ยวไปส่ง”รีไวน์วิ่งตามนีน่าไปประกบข้างเธออีกครั้ง แต่เธอก็ยังไม่หยุดเดินง่ายๆ ทั้งเขาและเธอต่างเปียกฝนจนเสื้อนักศึกษาของนีน่าเริ่มที่จะอุ้มน้ำ ทำให้มันแนบไปกับเนื้อเห็นทรวดทรงของเธออีกทั้งยังชั้นในที่เด่นชัดอีก ถ้าปล่อให้เธอเดินต่อคนอื่นคงเห็นกันไปถึงไหนต่อไหนแน่
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน จะไปไหนก็ไป”เธอออกปากไล่รีไวน์ออกไปให้พ้น ๆ พร้อมกับเร่งฝีนเท้าให้เร็วขึ้น แต่เขาก็ยังเดินตามมาไม่ยอมไปไหน
“อย่ามาดื้อได้ไหม! ฝนตกแล้วเธอไม่เห็นเหรอ!”รีไวน์หงุดหงิดใจจนเผลอตะคอกใส่เธอ ทั้งๆที่คิดไว้ว่าจะคุยกับเธอ ดี ๆ แท้ ๆ แต่เธอดันดื้อดึงใส่เขาก่อนเอง เขาจึงต้องพูดรุนแรงแบบนี้
“แล้วยังไง มันใช่ธุระที่นายจะต้องมาใส่ใจงั้นเหรอ?”
“ฉันพูดดีๆแล้วนะ แต่เธอไม่ยอมฟังเอง”เขาตัดสินใจใช้มือคว้าแขนของเธอมาจับอีกครั้งก่อนที่จะออกแรงลากนีน่าให้เดินไปกับเขา โดยที่ไม่ฟังเสียงโวยวายของเธอเลยแม้แต่น้อย
