บทที่ 4 ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ
บทที่ 4 ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ
แฟนต้ายังคงใช้สายตาของเธอมองดูผู้ชายโต๊ะนั้นโต๊ะนี้อย่างไม่วางตา เธอดูตื่นเต้นไปกับผู้ชายมากหน้าหลายตาถึงแม้ว่าจะได้แค่มองก็ตาม แฟนต้าดูมีความสุขจนมันแสดงออกมาจากทางสีหน้าอย่างชัดเจนก็คณะนี้ผู้ชายหล่อมันเยอะจนระรานตาไปหมดเลยนี่เนอะ คนตรงข้ามชี้ให้นีน่าดูผู้ชายโต๊ะอื่นๆเพื่อแบ่งปันความหล่อของบรรดาผู้ชายคณะวิศวะและคณะใกล้เคียง แต่หญิงสาวมองไปตามนิ้วที่เพื่อนชี้แล้วก็รู้สึกว่า ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย…
หรืออาจจะเพราะเธอเคยคบกับชายที่หล่อราวเทพบุตรมาจุดติบนโลก คนธรรมดาจึงไม่เข้าตาเธอ และอาจจะเป็นเพราะเธอยังคอยแอบมองรีไวน์ แฟนเก่าอยู่เป็นพักๆเลยไม่มีเวลาสนใจคนอื่นๆ
ถึงเธอจะรู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่ใจเวลาได้มองเขา แต่ก็เหมือนกับเธอเสพติดความเจ็บปวด ยิ่งมองก็ยิ่งเจ็บแต่ก็มีความสุขอย่างแปลกๆ เธอไม่เข้าใจตัวเองนักแต่ก็หยุดมองไม่ได้หรือเธอจะเป็นโรคจิตเข้าแล้วจริงๆ
“สุดท้ายวันนี้ก็ไม่ได้ผู้อีกตามเคย กินเสร็จแล้วก็ไปกันเถอะนีน่า” แฟนต้าหน้าหงิกงอทันที เมื่อเธอนั่งมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เจอคนที่ถูกใจเลยสักคน
“อื้ม ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วด้วย” หญิงสาวตอบรับอย่างเห็นดีเห็นชอบ นั่นเพราะว่าเธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเมื่อเจอรีไวน์ ตัวเป็นๆ เข้าความประหม่าจึงเข้ามายึดครองร่างกายเธออย่างเต็มที่ และเธอรู้ว่ายิ่งนั่งอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา แถมยังทำให้เธอเสียใจไปเปล่าๆอีกต่างหาก
แต่ในขณะที่พวกเธอกำลังลุกและจะเดินเอาจานไปเก็บ แฟนต้าก็ได้เห็นกับเพื่อนต่างคณะของเธอจึงได้เข้าไปพูดคุยอย่างสนิทสนม แต่มันคือโต๊ะเดียวกันกับที่รีไวน์นั่งอยู่! นีน่าจึงชั่งใจเล็กน้อยว่าจะเดินเข้าไปดีไหม แต่ก็ต้องเดินเข้าไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็เพื่อนเธอเดินนำไปก่อนแล้ว
เธอค่อยๆเดินเข้าไปใกล้กับโต๊ะที่มีผู้ชายนั่งอยู่สามคน ใจของเธอก็เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ถ้าหากว่ารีไวน์ได้เห็นเธอในตอนนี้จะเป็นยังไงนะ เขาจะชวนเธอคุยหรือเปล่า หรือว่าจะทำเป็นไม่เห็นและมองไปทางอื่น เหมือนที่เจอกันตอนปีหนึ่ง
ร่างเล็ก ๆ หยุดยืนอยู่เยื้องๆกับเพื่อนของเธอ นั่นทำให้สายตาของผู้ชายที่โต๊ะต่างจับจ้องมองมา รวมถึงรีไวน์ด้วยแต่ ทว่าสีหน้าของเขากลับเรียบเฉยและไม่แสดงอาการหรือท่าทางอะไรที่ผิดแปลกออกมา ทำให้นีน่ารู้ดีว่าเขาคงไม่ได้สนใจการมาถึงของเธอมากนัก
ทั้งสองคนต่างมองกันแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนกระทั่งรีไวน์เบนสายตาไปมองทางอื่น เธอรู้สึกอึดอัดและไม่อยากที่จะยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปแล้ว มันกดดันเกินไป เธอจึงหันหลังและเตรียมตัวเดินออกจากบริเวณโต๊ะ แต่แล้วก็มีชายหนุ่มมาดเซอร์ แต่กายด้วยเสื้อช็อปสีเลือดหมู แสดงว่าเขาจะต้องเรียนคณะวิศวะแน่ๆ
นีน่ามองจ้องชายผู้มาใหม่อย่างไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร และเขายังแสดงท่าทีเขินอายออกมา ก่อนที่จะพูดกับเธอด้วยความกล้าว่า
“น้องนีน่าคณะนิเทศใช่ไหมครับ พอดีพี่เห็นน้องมานานแล้วจะเป็นไปได้ไหมถ้าพี่จะขอเบอร์”ชายคนตรงหน้ายื่นโทรศัพท์สีดำราคาแพงมาให้เธอ หากว่าเธออยู่คนเดียวล่ะก็เธอคงปฏิเสธไปแล้ว แต่มันไม่ใช่ในตอนที่มีคนกำลังมองเธออยู่แบบนี้ เธอจึงรีบรับมาและพิมพ์เบอร์มือถือลงไปอย่างลวกๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ชายคนนั้นยิ้มออกมาอย่างดีใจ เขาได้เบอร์ของหญิงที่ชายหลายคนต่างหมายปองมาไว้ในมือ แต่เมื่อเขากำลังจะชวนคุยต่อนีน่าก็ชิงเดินหนีออกมาแล้ว ทั้งทีเจ้าตัวที่ยังไม่ได้พูดอะไรก็อึ้งในท่าทีที่หยิ่งยโสของเธอ
“หวานใจมาเยือนถึงโต๊ะแล้ว ทำไมไม่พูดอะไรหน่อยละว่ะ” มั้นท์พูดแซวทันทีที่นีน่าออกไปพ้นรัศมีโต๊ะของพวกเขา
“หุบปากไปเลยถ้ามึงอยากจะมีปากดี ๆ ไว้กินข้าวอยู่นะ” รีไวน์ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก ที่พอตัวเองได้เจอกับนีน่าเข้าจัง ๆ แบบนี้แล้วกลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา แถมยังมีหนุ่มๆมาขอเบอร์นีน่าต่อหน้าต่อตาเขาอีกต่างหาก
“มึงก็เป็นซะแบบนี้ ดูหน้ามึงก็รู้แล้วว่ามึงไม่พอใจ ที่ไอ้นั่นมาขอเบอร์หวานใจมึง” มั้นท์พูดต่ออย่างรู้ทัน
“หมาหวงก้าง มันก็เป็นซะแบบนี้นี่แหละ” เรนเสริมด้วยเสียงหัวเราะเล็กน้อย
รีไวน์เถียงเพื่อนตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่ประโยคเดียว สิ่งที่เพื่อนพูดมาทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น ถึงแม้จะเลิกกันมาเป็นเวลาหลายปี ที่ต่างคนต่างควรจะเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว แต่เขาเองยังตัดใจจากนีน่าไม่ได้เลย ถึงแม้จะเห็นว่าเธอนอกใจเขาต่อหน้าต่อตา แต่ในใจลึกๆ เขายังรู้สึกเสียดาย ที่ในตอนนั้นเขาทำตัวเกินเหตุ หากตอนนั้นเขาใช้เหตุผลมากกว่านี้ ในตอนนี้ทั้งสองคนจะยังรักกันอยู่ไหมนะ
หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์แย่ๆ มาหลายครั้ง ดูเหมือนว่ารีไวน์จะทำใจให้ชินได้ดีขึ้น เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เคยเป็นอย่างที่เขาต้องการ รวมไปถึงเรื่องการเลิกกับนีน่าก็ด้วย ใครมันจะไปอยากเลิกกับคนที่รักล่ะจริงไหม แต่เมื่อเธอทรยศความรักที่เขามอบให้แล้ว เขาก็ควรจะรีบตัดใจจากเธอให้ได้สักที
แต่เขาก็ไม่เคยลบภาพจำวันเก่าๆ ที่มีความสุขกับนีน่าไปได้เลยสักครั้ง ถึงจะหัวใจจะบอกว่าอย่าคิดถึงอย่าต้องการ แต่ความรู้สึกของเขามันตรงข้ามตลอด
ตอนที่นีน่าเดินมาถึงที่โต๊ะรีไวน์เองก็พยายามเมินและมองไปทางอื่น แต่ใจของเขาดันเต้นเร็วและรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ ผิดกับการกระทำของเขาโดยสิ้นเชิง และตัวเขาเองยังรู้สึกขัดใจตอนที่นีน่าให้เบอร์กับชายแปลกหน้าไปอย่างง่ายๆ เธอเองก็มีแฟนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงทำตัวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย
หากวันนี้เพื่อนๆ ของเขาไม่นึกคึกอยากจะมากินข้าวของคณะวิศวะ เขาเองก็คงไม่ได้เจอกับนีน่าเช่นกัน เพราะตัวของรีไวน์และเพื่อนๆ เรียนอยู่คณะบริหาร เขารู้จักนีน่าเป็นอย่างดี คนอย่างเธอคงไม่เรียนคณะวิศวะแน่ๆ แถมเธอเองก็ไม่ได้ใส่เสื้อช็อปอีกต่างหาก นี่เขาพยายามคิดเรื่องของนีน่าทำไมกันนะ
รีไวน์ส่ายหัวไปมาพยายามสลัดความคิดไร้สาระออกจากหัวหัวไปให้สิ้นซาก นีน่าเองก็มีแฟนแล้ว เรื่องของเราก็จบลงไปนานแล้ว จะมาคิดเยอะแยะไปให้ได้อะไรขึ้นมา
รีไวน์เมื่อจัดการกับความคิดในหัวเสร็จแล้ว เขาดูดน้ำจนหมดแก้วก่อนที่จะลุกออกจากโต๊ะไปทันทีด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“เอ้า มึงไปไหนวะ เพื่อนยังกินข้าวไม่เสร็จเลย” เสียงเรียกของมั้นท์ดังขึ้นทักท้วงรีไวน์ พวกเขามักจะไปไหนเป็นกลุ่มเสมอ แต่นี่รีไวน์เดินออกไปคนเดียว คงจะมีเรื่องอะไรต้องไปเคลีย์แน่ๆ
“ไปดูดหรี่” รีไวน์เดินออกไปจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจเสียงเรียกจากมั้นท์ที่ดังขึ้นตามหลัง
“สงสัยเพราะเจอกับหวานใจเก่าเมื่อกี้” มั้นท์พูดขึ้น ถึงจะพอรู้อยู่แล้วว่ารีไวน์เป็นคนที่สูบจัดแค่ไหน แต่จากการที่กินข้าวเสร็จและลุกออกไปเลยแบบนี้ไม่ใส่นิสัยของรีไวน์นัก
“มึงก็พูดไป มันอาจจะแค่อยากเฉยๆ” เรนพูดขึ้นโดยที่ตัวเขาเองไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดูด้วยซ้ำ เรนเองจะเป็นคนที่เงียบที่สุดในกลุ่ม แต่เมื่อมีเรื่องเดือดร้อนอะไร เรนเองก็สามารถพึ่งได้เสมอ อีกทั้งเขายังช่างสังเกต ถึงจะเงียบไม่พูดอะไรแต่สายตาที่ชอบสอดส่องของเขาไม่ได้เงียบตามไปด้วย
ร่างสูงของชายผมดำ หน้าสันเป็นคมแววตาคมกริบที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์นักในตอนนี้ ได้เดินเข้ามายังพื้นที่ของมหาลัยที่ถูกจัดไว้ห่างไกลจากคนอื่น เพื่อที่ไม่ให้คนบริสุทธิ์ต้องได้รับสารพิษไปด้วย
