บทที่ 2 ยังมีผู้คนอีกมากที่อดอยาก
“โถ! ข้านึกว่าแจกจ่ายให้เยอะกว่านี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าตระกูลจ้าวที่เขาล่ำลือกันว่าจิตใจดีมีเมตตานั้น จะงกได้ถึงเพียงนี้” ว่าแล้วเฉิงหนิงก็โยนอาหารในมือทิ้งทันที
“เฉิงหนิง!” ไป่เซียนรีบวิ่งไปยังห่อข้าวที่น้องสาวโยนลงพื้น สองมือค่อย ๆ โกยห่อขึ้นมา ด้วยเห็นค่าของอาหารนั้นอย่างถึงที่สุด
“เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้ ยังมีผู้คนที่อดอยากอีกมาก ที่ต้องการอาหารพวกนี้ ครั้งนี้เจ้าทำเกินไปนัก” เมื่อเห็นพี่สาวกล้าต่อว่า หญิงสาวตัวเล็กก็สะบัดหน้ากลับมายังไป่เซียน สองเท้าก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าพี่สาวด้วยสายตาตั้งมั่น
“ถ้าท่านพี่เสียดายนัก ก็หยิบมันขึ้นมากินสิ เหตุใดจึงโวยวายเกินเหตุนัก” หัวใจของไป่เซียนหล่นวาบ สายตาอันแข็งกร้าวของน้องสาวนับวันจะยิ่งดื้อรั้นมากขึ้น ด้วยเพราะถือว่าตนคือบุตรีของหลิวฟู่ชุน จักทำสิ่งใดย่อมได้เพราะมีพ่อคอยให้ท้ายอยู่เสมอ
เฉิงหนิงปรายตามองอาหารที่โยนทิ้งไปหนึ่งครั้ง พลางเดินต่อไปยังเบื้องหน้า โดยไม่หันกลับมามองพี่สาวของนางอีก ขณะที่ไป่เซียนปล่อยให้น้องสาวเดินออกมาตามลำพังนั้น นางเหลือบไปเห็นเด็กหญิงอายุประมาณห้าขวบแต่งตัวมอมแมมเดินร้องไห้ออกมาจากฝูงชน สองมือของเด็กน้อยเปื้อนไปด้วยฝุ่น เสื้อผ้าขาดวิ่นไร้การดูแล
“เจ้าหนู เจ้าร้องไห้ทำไมกัน” ไป่เซียนจับตัวเด็กน้อยตัวเล็กไว้ พลางก้มลงถามด้วยความเมตตา
“ฮือ ๆ ๆ ข้าไม่ได้อาหารเหมือนกับคนอื่น ข้ามัวแต่ดูแลแม่กับยายจึงออกมาช้าเกินไป ข้าวที่เขาแจกหมดไปแล้วฮือ ๆ” เด็กหญิงตัวเล็กยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่า นางหลับตาร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิด ที่ออกมาช้าเกินไปจนของที่แจกจ่ายหมด ไม่ทันได้อาหารไปประทังชีวิต
ไป่เซียนกลืนน้ำลายมองตรงไปยังเด็กน้อยด้วยความสงสาร พลางยกมือลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน
“ไม่ต้องร้องนะ เอาข้าวกับปลาย่างนี่ไปแทน” เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กหญิงตัวเล็กค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พลางหยุดสะอื้นไห้ ก่อนจะเห็นห่ออาหารในมือของพี่สาวคนสวย
“ถ้าข้าเอาข้าวไปแล้ว พี่สาวจะเอาที่ไหนล่ะ” เด็กหญิงตัวเล็กถามด้วยเสียงสั่นเครือ พร้อมใบหน้ายังเปื้อนด้วยคราบน้ำตา ทว่ารอยยิ้มหวานจากพี่สาวแสนสวยตอบกลับ พร้อมวาจาอ่อนหวาน
“ไม่ต้องห่วงข้าหรอกนะ ข้าไม่ลำบากเรื่องอาหาร ดังนั้นห่ออาหารพวกนี้เป็นของเจ้าแล้ว” ไป่เซียนจับมือเด็กน้อยมารับห่ออาหารไป
“พี่สาวใจดีจัง” เด็กหญิงตัวเล็กทำท่าจะร้องไห้อีกครั้ง ก่อนที่ไป่เซียนรีบพูดขึ้นอีก
“เสียใจก็ร้องไห้ ดีใจก็ร้องไห้ เจ้านี่ยังไงกัน”
“ข้า...” เด็กหญิงยังไม่ทันตอบ
“จริงสิข้ายังพอมีอัด เจ้าเอาเก็บไว้ซื้ออาหารให้กับแม่และยายของเจ้านะ” ไป่เซียนยัดอัดใส่มือเด็กหญิงวัยห้าขวบอีกครั้ง
“สายแล้วรีบเอาอาหารไปให้ยายกับแม่ของเจ้าเถิด”
“ข้าขอบใจพี่สาวคนสวยที่สุด” เด็กหญิงตัวเล็กพูดจบจึงหันตัวรีบวิ่งไปทางทิศเหนือทันที ไป่เซียนยืนขึ้นพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะหันมองหาเฉิงหนิงที่ในเวลานี้เดินลับไปไกลแล้ว ไป่เซียนได้สติจึงรีบก้าวเท้าออกตามหาในทันที
“เพี้ย” เสียงฟาดมือบนใบหน้าดังลั่น บ่าวหลายคนพากันก้มหลบในทันที
“เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงพาเฉิงหนิงออกไปนอกจวน” เสียงตวาดจากเจ้าของจวนดังลั่น ไป่เซียนโดนหลิวฟู่ชุนตบสั่งสอนโทษฐานที่พาเฉิงหนิงออกไปเล่นนอกจวนโดยไม่ได้รับอนุญาตจนเกิดอุบัติเหตุกับนางขึ้น
มือบางกุมจับที่แก้มนวลด้วยความเจ็บปวด ทว่าไม่มีคำแก้ตัวใดหลุดออกมาจากปากของนางแม้แต่คำเดียว ได้แต่เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ในส่วนลึก จำใจฟังสิ่งที่หลิวฟู่ชุนต่อว่าต่าง ๆ นา ๆ
เฉิงหนิงนั่งยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นพี่สาวโดนท่านพ่อทำโทษต่อหน้าบ่าวไพร่มากมายให้เป็นที่อับอาย อีกทั้งแววตาสั่นไหวคู่นั้น ก็ทำให้เฉิงหนิงยิ่งได้ใจ ความเจ็บปวดของพี่สาวเปรียบเสมือนความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิต มือบางยกขึ้นเท้าคางพลางมองตรงไปยังบิดาที่กำลังสั่งสอนไป่เซียนอย่างมีความสุข ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นทำให้บ่าวในจวนหันไปแอบกระซิบ
