บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ความริษยา

เมื่ออู๋ฟางเหนียงและสาวใช้ของนางกลับไปถึงเรือน แม่นมเยี่ยนที่กำลังรอการกลับมาของอู๋ฟางเหนียงด้วยสีหน้ากระวนกระวายก็พลันมีสีหน้าโล่งอกในทันที ในใจของแม่นมนั้นนางทั้งรู้สึกหวาดหวั่นและกังวลตั้งแต่คุณหนูของนางหายจากการล้มป่วยก็พลันมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปหลายอย่าง ไม่เพียงกล้าต่อต้านซ่งซื่อย่างออกหน้าออกตา อู๋ฟางเหนียงยังชอบลักลอบออกจากจวนเพื่อไปทำการค้าอีกด้วย

“คุณหนูท่านกลับมาก็ดีแล้ว เรื่องทำการค้าท่านสั่งผู้อื่นไปจัดการก็ได้นี่เจ้าคะ ไม่เห็นจะต้องลักลอบออกไปเช่นนี้เลย” แม่นมเยี่ยนเอ่ยพลางทอดถอนใจออกมา นางเตรียมน้ำร้อนและเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนให้อู๋ฟางเหนียงเอาไว้แล้ว พออู๋ฟางเหนียงกลับมาถึงเรือนนางก็รีบปรนนิบัติอู๋ฟางเหนียงล้างเนื้อล้างตัวและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในทันที

“ตอนนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นไม่อาจจะไว้ใจผู้ใดได้จริงๆ แต่แม่นมไม่ต้องกังวลแทนข้าหรอกอีกไม่นานเมื่อร้านค้าอยู่ตัวแล้วข้าก็ไม่ต้องเสี่ยงออกหน้าไปจัดการด้วยตนเองเช่นนี้อีกแล้ว” เมื่ออู๋ฟางเหนียงเอ่ยเช่นนี้นางก็วางใจ

“คุณหนูเจ้าคะ อันที่จริงเรื่องเงินทองท่านไม่ต้องกังวลถึงเพียงนี้หรอกเจ้าคะ ถึงแม้ว่าคุณชายหยางจะยากจนแต่ทรัพย์สินติดตัวของท่านก็เพียงพอที่จะพลิกฟื้นสกุลหยางแล้ว ยังไม่นับว่าคุณชายผู้นั้นได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตที่มีชื่อเสียงสอบผ่านจิ้นซื่อตั้งแต่อายุยังน้อยอีกไม่นานเขาจะต้องมีความก้าวหน้าและทำให้คุณหนูทั้งร่ำรวยและมีเกียรติอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” คำพูดของแม่นมทำให้อู๋ฟางเหนียงชะงักไป พลางคิดทบทวนถึงชาติที่แล้วของตนเอง

หลังจากที่นางขอถอนหมั้นกับหยางเฟยเทียน อู๋ฟางหรงพี่ชายของนางก็ใช้เรื่องนี้ตัดขาดความสัมพันธ์กับนางในทันที ยิ่งตอนที่นางกำลังจะแต่งไปเป็นชายาเอกของโซ่วอ๋อง อู๋ฟางหรงก็ด่าว่านางว่านางอยากจะเอาชนะจนหน้ามืดตามัว ทั้งทอดทิ้งคู่หมั้นของตนและแย่งชิงการแต่งงานของน้องสาว เขาจึงประกาศอย่างจริงจังว่าจวนไหวอันโหวกับนางไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันอีก นี่คืออีกหนึ่งความสงสารที่จวนสกุลเซี่ยมอบให้นาง

ทันทีที่นางถูกจวนไหวอันโหวตัดขาด จวนเซี่ยกั๋วกงก็ประกาศว่านางคือหลานสาวที่จวนเซี่ยกั๋วกงจะคอยหนุนหลังตลอดไปในทันที นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตอนที่จวนเซี่ยกั๋วกงถูกกำจัด จวนไหวอันโหวกลับสามารถรอดพ้นจากการถูกใส่ความว่าเป็นกบฏได้ ท่ามกลางการแสดงความไม่พอใจอย่างออกนอกหน้าของพี่ชาย แต่อดีตคู่หมั้นผู้เป็นสหายของเขากลับมีท่าทีที่ตรงกันข้าม

“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะแต่งเข้าจวนอ๋อง” มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อู๋ฟางเหนียงได้มีโอกาสพูดคุยกับหยางเฟยเทียนตามลำพัง หลังจากนางขอถอนการหมั้นหมายกับเขานางก็ไม่เคยคาดคิดว่าหลังจากได้พบหน้ากันอีกครั้งเขาจะเอ่ยถามนางเช่นนี้ ไม่มีคำถามว่าเพราะเหตุใดนางจึงถอนหมั้น แต่คำถามที่เขาใช้ถามกลับเป็นข้อความอันเย็นชาประโยคนี้

“ข้าทำผิดต่อท่าน เรื่องนี้เป็นข้าเองที่ทำผิดส่วนเรื่องการแต่งเข้าจวนอ๋องข้าก็ได้แต่หวังว่าเรื่องนี้จะไม่กลับกลายเป็นว่าข้าทำผิดต่อตนเอง” คำพูดนี้ของนางทำให้เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขา

“ในเมื่อเลือกแล้วและคนผู้นั้นคือคนที่อยู่ในใจของเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นการทำผิดต่อตนเอง เพียงแต่ด้วยความทะเยอทะยานของโซ่วอ๋องเกรงว่าวันหน้าระหว่างข้ากับเจ้าคงจะต้องกลายเป็นศัตรูกันแล้ว”

คำพูดนี้ของหยางเฟยเทียนในตอนนั้นนางยังไม่เข้าใจ จวบจนเมื่อโซ่วอ๋องลงมือแย่งชิงอำนาจอย่างเต็มที่ นางในฐานะพระชายาที่เป็นกำลังหลักในการช่วยสนับสนุนเขาจึงได้มีโอกาสลับสมองร่วมเดินหมากทางการเมืองกับหยางเฟยเทียนอยู่หลายครั้ง ท้ายที่สุดเมื่อรู้สึกว่าหมากกระดานนี้นางคือผู้ชนะแล้ว แต่หมากในมือของนางกลับไม่ยอมเป็นหมากอีกต่อไป ไม่เพียงล้มกระดานด้วยตนเองเขายังหันมาจัดการกับคนที่คอยช่วยเดินหมากให้เขาอย่างนางด้วย

“หรือว่าครั้งนี้ข้าไม่ควรจะฝืนการตัดสินใจของท่านแม่ คนผู้นั้นแม้ว่าจะเย็นชาแต่เขากลับมีความซื่อตรงและจริงใจต่อคนที่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเขา” อู๋ฟางเหนียงเอ่ยพึมพำออกมาพลางพยายามทบทวนความทรงจำในชาติก่อนของตนเอง

เท่าที่นางจดจำได้หลังจากที่หยางเฟยเทียนถูกนางถอนหมั้นเขาก็ไม่ได้หมั้นหมายกับผู้ใดอีก ภายหลังจวนสกุลหยางได้รับการปรับปรุงใหม่อีกครั้งแต่ตำแหน่งนายหญิงของจวนกลับว่างเปล่า ผู้คนต่างเล่าลือกันว่าเขาเว้นตำแหน่งนั้นไว้ก็เพราะนาง มีเพียงนางที่รู้ดีว่าการที่ผู้คนเล่าลือเช่นนี้และเขาไม่คิดคิดจะเอ่ยปากปฏิเสธก็แค่เพียงต้องการทำให้ฉู่เซียวหลงหวาดระแวงและหึงหวงในตัวนางเพียงเท่านั้น ที่จริงแล้วในใจของหยางเฟยเทียนอาจจะไม่เคยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผู้ใดเลยต่างหาก

“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะเมื่อครู่นี้ท่านหมายความว่าอย่างไรนะเจ้าคะอันใดคือฝืนการตัดสินใจและอันใดคือยืนฝั่งเดียวกันกับเขา และเขาคนนั้นที่คุณหนูเอ่ยถึงคือผู้ใดกันหรือเจ้าคะ” คำถามของแม่นมทำให้อู๋ฟางเหนียงพลันได้สติ นางหัวเราะออกมาเบาๆ พลางก้มลงมองเสื้อผ้าที่ผลัดเปลี่ยนเสร็จแล้วของตนเอง

“ข้อดีของการมีร้านค้าเป็นของตนเอง อย่างน้อยคิดจะตัดเสื้อผ้าและอาภรณ์รูปแบบใดก็ไม่ต้องกังวล” เห็นอู๋ฟางเหนียงอยู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องเช่นนี้แม่นมเยี่ยนก็ได้แต่ส่ายหน้า

“คุณหนูน่ะหรือเจ้าคะที่จะต้องกังวลเรื่องชุด เสื้อผ้าแต่ละชุดที่ทางจวนเซี่ยกั๋วกงส่งมาล้วนแล้วแต่ทำให้ทั้งฮูหยินและคุณหนูรองริษยาในตัวท่าน คุณหนูคงไม่รู้ว่าแต่ละชุดที่ทางจวนเซี่ยกั๋วกงส่งมาล้วนแล้วแต่เป็นฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเซี่ยเลือกด้วยตนเองเชียวนะเจ้าคะ”

แม่นมเยี่ยนเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าปลาบปลื้มใจส่วนอู๋ฟางเหนียงนั้นก็ได้แต่ส่งยิ้มออกมาอย่างฝืดเฝื่อน ทุกชุดที่ทางจวนเซี่ยกั๋วกงส่งมาให้ล้วนเป็นรูปแบบที่ตัดเย็บตามสมัยนิยมในตอนที่เซี่ยซื่อยังไม่ได้แต่งงาน จริงอยู่ว่าแต่ละชุดล้วนตัดเย็บอย่างประณีต แต่รูปแบบกลับล้าสมัยไม่ได้รับความนิยมแล้ว การซื้อร้านอาภรณ์นอกจากจะเป็นการช่วยให้นางรับรู้เรื่องซุบซิบอย่างรวดเร็วแล้วยังเป็นร้านค้าที่ช่วยตอบสนองความอยากแต่งตัวตามสมัยนิยมอีกด้วย

“ข้าย่อมรู้ดีว่าเสื้อผ้าเหล่านี้เป็นท่านยายเลือกให้ข้าด้วยตนเอง ทุกวันนี้ข้าจึงสวมใส่อย่างทะนุถนอม เพียงแต่ชุดที่ทำให้สองแม่ลูกคู่นั้นเกิดความริษยาได้ก็ไม่อาจจะทำให้ผู้อื่นหันมาชื่นชมการแต่งตัวของข้าได้ ไม่ว่าข้าจะทำอะไรหรือได้อะไรมาก็ไม่เคยจะพ้นจากความริษยาของพวกนางได้อยู่แล้ว” เมื่ออู๋ฟางเหนียงเอ่ยเช่นนี้เสี่ยวเหลียนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พลันพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“จริงด้วยเจ้าค่ะ ต่อให้คุณหนูใช้ของด้อยคุณภาพทั้งฮูหยินและคุณหนูรองก็จะพยายามยัดเยียดความริษยาของตนเองให้คุณหนูอยู่ดี” เมื่อเสี่ยวเหลียนเอ่ยเช่นนี้ทำให้อู๋ฟางเหนียงหัวเราะออกมา

“นั่นสินะ คนอยากจะอิจฉาต่อให้พยายามเท่าใดก็ยังคงจะถูกอิจฉาอยู่ดี” อู๋ฟางเหนียงเอ่ยพลางทอดถอนใจออกมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel