บทที่ 3 ฉู่เซียวหลง
ข้อดีของบุตรีที่ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานก็คือนางจะเข้าจะออกจากจวนก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ด้วยเรือนหลังเล็กของนางอยู่ในสวนทางด้านหลังของจวนสาวใช้ที่คอยรับใช้นอกจากแม่นมเยี่ยนแล้วก็มีเพียงเสี่ยวเหลียนที่คอยดูแลนาง มารดาที่ตายไปแล้วของนางทิ้งเครื่องประดับและสินเดิมเอาไว้ให้นางอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้ทุกสิ่งอยู่ในมือของซ่งซื่อ นางยังไม่อยากแตกหักกับจวนโหวจึงยังไม่ได้เร่งขอเก็บกุญแจและสินเดิมของตนเองอย่างชาติที่แล้ว
เป้าหมายของนางในชาตินี้ก็คือจะใช้ชีวิตใหม่ของตนเองให้ดี ชดเชยความผิดที่นางเคยดึงตัวยุ่งยากอย่างฉู่เซียวหลงเข้าจวนเซี่ยกั๋วกง และที่สำคัญชาตินี้นางจะต้องทวงคืนความแค้นจากฉู่เซียวหลงให้ได้ หมาป่าตาขาวที่นางเคยรักและคิดว่าเขารักนางเช่นกัน
เพียงแต่ไม่ว่าจะทำอะไรจุดเริ่มต้นก็คือควรจะมีเงิน ในฐานะคุณหนูใหญ่จวนโหวนางควรจะมีเงินใช้อย่างไม่ขาดมือ แต่เพราะบิดาหมางเมิน พี่ชายละเลย มารดาใหม่ก็ทั้งริษยาและรังเกียจ นางจึงมีเงินติดตัวไม่มากนากนัก เคราะห์ดีที่ทางจวนเซี่ยกั๋วกงไม่ได้ทอดทิ้งนาง นอกจากจะเชิญอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมาสั่งสอนศาสตร์ทั้งสี่ให้นางตั้งแต่เด็ก ยังมักจะส่งเสื้อผ้าของกินของใช้ รวมทั้งเงินทองอีกจำนวนหนึ่งให้นางเก็บเอาไว้ใช้สอยในแต่ละเดือน
นางไม่มีสาวใช้คนอื่นให้ตกรางวัลนอกจากแม่นมและเสี่ยวเหลียน ของกินของใช้ก็แทบจะไม่ได้ใช้เงิน นางจึงมีเงินเก็บเป็นของตนเองมาตั้งแต่เด็ก บัดนี้นางมีความมุ่งมั่นว่าตนเองจะต้องมีชีวิตที่ดี สิ่งแรกที่นางจะต้องทำก็คือการสั่งสมเงินทอง มีเงินมากนับเป็นเรื่องดีขอแค่มีเงินจะทำอะไรก็สะดวกสามารถใช้ผีโม่แป้งก็ยังได้
ในชาติก่อนเพื่อที่จะช่วยให้ความทะเยอทะยานของฉู่เซียวหลงประสบความสำเร็จ นางเคยแอบออกหน้าช่วยเขาหาเงินเข้าพกเข้าห่อตั้งหลายครั้ง ชายาท่านอ๋องผู้หนึ่งลักลอบทำการค้า หากผู้อื่นรู้เข้าคงจะคิดดูหมิ่น แต่เพราะในตอนนั้นความหลงใหลและความเพ้อฝันในเรื่องความรักกำลังบดบังจิตใจ นางจึงได้ออกหน้าทำการค้าอย่างลับๆ เพื่อเพิ่มเงินให้แก่จวนโซ่วอ๋องที่ไร้ความโปรดปราน แต่ชาตินี้น่ะหรือหากนางคิดจะออกหน้าทำการค้า มีเพียงเป้าหมายเดียวก็คือทำเพื่อตัวนางเองเพียงเท่านั้น
“คุณหนูเจ้าคะ ถึงแม้ว่าจวนสกุลหยางจะยากจน แต่เมื่อแต่งออกไปแล้วสินเดิมของคุณหนูก็หน้าจะช่วยพยุงฐานะให้คุณชายหยางได้ บ่าวไม่เห็นความจำเป็นที่คุณหนูจะต้องลักลอบทำเรื่องที่เสี่ยงต่อชื่อเสียงของคุณหนูเช่นนี้เลย” เสี่ยวเหลียนเอ่ยพร่ำบ่นออกมาเสียงเบา
ตอนนี้ในมือของนางมีสัญญาซื้อขายร้านค้าอยู่สามร้าน ทั้งร้านขายเครื่องประดับ ร้านขายอาภรณ์และโรงรับจำนำ คุณหนูของนางใช้เงินเก็บเกือบทั้งหมดทุ่มซื้อร้านค้าสามร้านนี้มาเป็นของตนเองแถมยังสั่งตกแต่งภายในทั้งสามร้านใหม่ทั้งหมด แถมยังตามหาคนดูแลร้านจากคนละฟากฝั่งของเมืองด้วยตนเอง คิดอย่างไรนางก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดคุณหนูจึงได้คิดว่าผู้ดูแลที่คุณหนูตั้งใจตามหาด้วยตนเองเหล่านี้จะช่วยให้ร้านค้าของคุณหนูประสบความสำเร็จ
“มีแหล่งหาเงินเป็นของตนเองเท่านั้นที่ข้าจะสามารถวางใจได้” อู๋ฟางเหนียงเอ่ยพลางวางถ้วยน้ำชาลง ตอนนี้พวกนางกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ในห้องรับรองพิเศษชั้นบน ที่จริงแล้วนางสนใจกิจการโรงน้ำชาอยู่เช่นกันเพียงแต่ตอนนี้เงินในมือของนางร่อยหรอลงไปจนเกือบหมดแล้ว นางจึงแค่มาเตร็ดเตร่เยี่ยมชมกิจการเพียงเท่านั้น รอจนร้านเครื่องประดับและโรงรับจำนำของนางได้ผลกำไรก่อนนางจะได้เริ่มลงทุนกิจการโรงน้ำชา
ส่วนร้านอาภรณ์นั้นในชาติก่อนเป็นกิจการที่ทำกำไรให้น้อย แต่หากสามารถทำให้ร้านโด่งดังและเป็นที่ชื่นชอบของชนชั้นสูงได้อย่างเช่นในชาติก่อน เรื่องราวของเรือนชั้นในของแต่ละจวนก็จะอยู่ในการรับรู้ของนาง การซุบซิบนินทาของสตรีในเรือนหลังถึงแม้ว่าจะเชื่อถือไม่ได้แต่ก็มักจะมีเค้าโครงของความจริงอยู่บ้าง ยิ่งถ้าหากได้ส่งคนเข้าไปวัดตัวเพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าอาภรณ์ในเรือนหลังของชนชั้นสูงได้การหาข่าวของนางก็จะไม่ใช่เรื่องยาก
แม้ว่าชาตินี้นางไม่ได้คิดจะช่วยผลักดันผู้ใดให้ได้ครอบครองราชบัลลังก์อีกแล้ว แต่การรู้เขารู้เราก็จะทำให้ต่อให้รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง นางไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกับผู้อื่นแต่ก็ไม่แน่ว่าผู้อื่นจะไม่ได้เป็นศัตรูกับนาง
“คุณหนูเจ้าคะ พวกเรากลับจวนกันเถอะเจ้าค่ะ ยามนี้แม่นมคงจะเป็นห่วงพวกเรามากแล้ว” เสี่ยวเหลียนเอ่ยเช่นนี้อู๋ฟางเหนียงก็ไม่คิดจะคัดค้าน นางเรียกเสี่ยวเอ้อให้เข้ามาเก็บเงินแล้วจึงได้หยิบหมวกที่มีผ้าโปร่งบางขึ้นมาสวมเพื่ออำพรางใบหน้าของตนเอาไว้ ถึงแม้ว่าคนในจวนจะไม่ได้ใส่ใจในตัวนาง แต่หากให้ผู้อื่นรู้ว่าคุณหนูใหญ่จวนไหวอันโหวออกมาเที่ยวเล่นโดยไม่มีผู้ติดตามก็จะส่งผลต่อชื่อเสียงในอนาคตของตนเองได้
เมื่อเดินลงจากชั้นสองของโรงน้ำชานางก็จำต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าด้านล่างของโรงน้ำชามีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ และเขากำลังจะเดินสวนขึ้นบันไดมาบนชั้นสอง แต่เมื่อเห็นว่ามีสตรีเช่นนางกำลังจะเดินลงบันไดเขาก็หยุดรอให้นางเดินลงมาก่อน อู๋ฟางเหนียงจดจำใบหน้าของเขาและคนของเขาได้ดี นางกำมือแน่นอย่างพยายามสะกดอารมณ์แล้วเดินผ่านฉู่เซียวหลงด้วยท่าทีที่พยายามทำให้เหมือนเดินสวนผู้คนทั่วไปตามปกติ
“เดี๋ยวก่อนแม่นาง ท่านทำของหล่น” เสียงเรียกอันคุ้นเคยทำให้อู๋ฟางเหนียงต้องหยุดชะงัก เมื่อนางหันกลับไปจึงได้เห็นว่าฉู่เซียวหลงกำลังถือเชือกถักประดับหยกพกของนางเอาไว้ เสี่ยวเหลียนรีบเดินไปทางเขาในทันที
“เป็นเชือกถักของคุณหนูของข้าเอง ขอคืนด้วยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลางแบมือขอคืนด้วยท่าทางนอบน้อม ฉู่เซียวหลงจึงวางเชือกถักลงบนมือของเสี่ยวเหลียน เชือกถักอันนี้คือของที่เซี่ยซื่อมารดาของอู๋ฟางเหนียงเป็นคนถักด้วยตนเอง จึงนับได้ว่าเป็นของต่างหน้าของมารดาของอู๋ฟางเหนียง
“หลบไป! หลบไป! อย่าขวางทาง” เสียงคนตะโกนทางด้านหลังทำให้อู่ฟางเหนียงขยับตัวหลบ เพียงแต่คนข้างหลังวิ่งมาอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะขึ้นไปบนชั้นสอง ทำให้แผ่นหลังอันบอบบางของนางถูกกระแทกจนนางเสียงหลักถลาไปด้านหน้า ฉู่เซียวหลงก็ช่างมีปฏิกิริยาอันว่องไวยิ่งยักเขารีบขยับมาช่วยประคองนางทำให้นางไม่ทันได้ล้มคว่ำหน้าลงไปบนพื้น
“คุณหนู!” เสี่ยวเหลียนอุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่มือปราบที่กำลังถือดาบไล่ตามคนทางด้านหลังทำให้นางตกในยิ่งกว่ารีบขยับตัวหลบคนกลุ่มนั้นแล้วเปิดทางให้พวกเขาติดตามคนขึ้นไปบนชั้นสองในทันที
“แม่นางเจ้าคงไม่ได้รับบาดเจ็บกระมัง” ฉู่เซียวหลงก้มหน้าลงมาถามสาวงามในอ้อมแขนด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้หมวดที่นางสวมหลุดลงไปอยู่ที่พื้นแล้ว ทำให้เขาได้เห็นใบหน้าอันงดงามของนางได้อย่างเต็มที่
“คุณหนูเจ้าคะ นี่หมวกของท่านสวมหมวกก่อนเถอะเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนที่ก้มลงไปเก็บหมวกขึ้นมาเอ่ยพลางยื่นหมวกให้เจ้านายของตน อู๋ฟางเหนียงรีบผละออกจากอ้อมแขนของฉู่เซียวหลงในทันที แล้วหันไปรับหมวกจากมือของเสี่ยวเหลียนมาสวมใส่เพื่อปิดบังใบหน้าของนางเอาไว้
“ข้าไม่เป็นอะไรขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือ” อู๋ฟางเหนียงเอ่ยขอบคุณออกมาเมื่อสวมใส่หมวกเรียบร้อยแล้ว
“แม่นางไม่ได้เป็นอันใดก็ดีแล้ว หมิงเจี้ยนเจ้าไปช่วยมือปราบกลุ่มนั้นหน่อย ยิ่งจับคนได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งลดความเดือดร้อนของชาวบ้านได้เท่านั้น” ประโยคหลังนั้นฉู่เซียวหลงหันไปเอ่ยกับคนของเขา
“ขอรับท่านอ๋อง” ลูกน้องของเขารับคำพร้อมคำนับเพื่อเป็นการรับคำสั่งแล้วรีบติดตามไปช่วยมือปราบกลุ่มนั้นในทันที ฉู่เซียวหลงจึงได้หันมามองอู๋ฟางเหนียงอีกครั้ง สตรีตรงหน้าไม่เพียงหน้าตางดงามเนื้อตัวยังหอมกรุ่นจนทำให้เขารู้สึกประทับใจ ดูจากกิริยาท่าทางแล้วเขาคาดว่านางน่าจะเป็นคุณหนูที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี เขาจึงได้เอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มลงกว่าเดิม
“แม่นางบ้านของเจ้าอยู่ที่ใด ให้ข้าไปส่งเจ้าหรือดีไม่ ถึงจะบอกว่าไม่เป็นอันใดแต่เมื่อครู่เจ้าถูกคนผู้นั้นวิ่งชนเข้าอย่างจังทางที่ดีอย่าลืมไปให้ท่านหมอตรวจเล่า” เมื่อฉู่เซียวหลงเอ่ยเช่นนี้นางก็รีบส่ายหน้า
“ไม่ได้เป็นอันใดมากจริงๆ” อู๋ฟางเหนียงเอ่ยพลางส่ายหน้าปฏิเสธแล้วรีบหันไปเอ่ยกับสาวใช้ของตนเอง
“พวกเรารีบกลับกันเถิด” เมื่อนางเอ่ยจบก็หันไปคารวะขอบคุณฉู่เซียวหลงเสียงเบา แล้วก็รีบเดินนำเสี่ยวเหลียนออกจากโรงน้ำชาไปในทันที คิดไม่ถึงว่าเมื่อนางเดินออกไปแล้วฉู่เซียวหลงจะหันไปสั่งคนของเขา
“ส่งคนติดตามนางไป ข้าอยากรู้ว่านางคือคุณหนูของบ้านไหน” คำสั่งของเขาทำให้บรรดาผู้ติดตามต่างตื่นตัวในทันที ท่านอ๋องผู้นี้ไม่ใช่คนเจ้าชู้เที่ยวเด็ดดอกไม้ข้างทาง แต่อยู่ๆ ก็สั่งให้พวกเขาติดตามคนแสดงว่าท่านอ๋องสนใจสาวงามเมื่อครู่นี้จริงๆ พวกเขารีบขานรับคำสั่งแล้วรีบลักลอบติดตามอู๋ฟางเหนียงและสาวใช้ของนางในทันที
