8 - เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง
เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง
“ตื่นสักทีนะ” เสียงทุ้มเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคนที่หลับอยู่บนเตียงนั้นเปิดเปลือกตาขึ้นมา ในขณะที่เขานั่งตรวจงานจากแฟ้มที่เลขาฯเอามาให้อยู่ข้างเตียง
“พี่...”
ศุภวัฒน์ปิดแฟ้มเอกสารลงแล้ววางไว้ที่โต๊ะ เขาจึงขยับตัวขึ้นมานั่งที่เตียงของเธอ ก่อนจะคอยช่วยพยุงเธอขึ้นมานั่ง
“ปวดหัวหรือเจ็บตรงไหนไหม” เขาถามพร้อมกับใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของเธอดู สายตาจับจ้องมองสำรวจตามร่างกายเธอ
ชนิดาส่ายหน้าเป็นคำตอบแทน เธอหันมาจ้องมองหน้าเขาอย่างรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากกับการกระทำที่อ่อนโยนแบบนี้ของเขา
“เป็นอะไรไป ทำไมมองหน้าพี่แบบนั้น” เขาถามเธอกลับเพราะเธอเอาแต่มองหน้าเขาอยู่แบบนั้น ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ
ชนิดาเอาแต่นั่งคิดทบทวนอยู่นาน มองหน้าเขานิ่งคิดอย่างพิจารณา ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร เพื่อเป็นการพิสูจน์
“โอ้ย...”
“หนูนิด! เจ็บตรงไหนงั้นเหรอ? พี่จะไปตามหมอ...” เขาตกใจรีบมองสำรวจเธอ เมื่อจู่ ๆ เธอก็ร้องออกมาราวกับว่ากำลังเจ็บปวดอะไรเสียอย่างนั้น และเขาก็ลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไป
“พี่เวย์ หนูไม่ได้เป็นอะไร หนูแค่ร้องเพราะเจ็บที่หยิกตัวเองเฉย ๆ” เธอรีบห้ามเขาเอาไว้ และบอกความจริงกับเขาว่าสาเหตุที่ร้องออกมาเมื่อสักครู่คืออะไร
“แล้วไปหยิกตัวเองทำไม เดี๋ยวผิวก็ช้ำหรอก” เขามองและถามเธอด้วยความแปลกใจ ว่าทำไมเธอถึงทำร้ายตัวเองแบบนั้น
“หนูแค่อยากรู้ว่าตอนนี้หนูไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” เธอตอบและยิ้มแห้ง ๆ ให้เขา เพราะกลัวว่าเขาจะดุเธออา
โป๊ก!!!
“โอ้ย...” เธอร้องโอดครวญขึ้นมาทันที ที่ถูกเขาค้อนมะเหงกใส่ที่หน้าผากของเธออย่างจัง
“มั่นใจแล้วใช่ไหมว่าไม่ใช่ฝัน” เขาถามอย่างล้อเลียนเธอ เพื่อให้เธอมั่นใจว่าคือเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
“...” เธอไม่ตอบอะไรเขาออกไปสักคำ แต่กลับเป็นพยักหน้าให้เขาเป็นคำตอบแทน
“วิ่งไม่ดูซ้ายดูขวา เป็นแบบนี้ตลอดไปใครจะกล้าให้ไปไหนมาไหนคนเดียว แล้วถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา มีหวังไอ้วิชญ์ได้หั่นฆ่าตัดตอนพี่เป็นชิ้น ๆ แน่” เขาพูดขึ้นอย่างตัดพ้อเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในวันนี้
“ขอโทษค่ะ ตายจริง! นี่มันเลยเวลาเข้าเรียนของหนูแล้ว”
ชนิดารีบขอโทษขอโพยเขาออกไป เมื่อสำนึกได้ว่าครั้งนี้เป็นความผิดของเธอจึง แต่ก็ต้องลุกลี้ลุกลนขึ้นมา เพราะพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้เธอควรจะอยู่ที่โรงเรียนแล้ว
“พี่โทรไปลาให้แล้ว” ศุภวัฒน์รีบปราบแล้วบอกเธอด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เทอมนี้หนูหยุดบ่อย จะจบพร้อมเพื่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้” เธอพูดพร้อมกับทำหน้าหนักใจขึ้นมา
เพราะเทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายของเธอแล้วที่เธอจะสิ้นสุดสถานะของนักเรียน แต่เธอต้องมีเหตุให้หยุดเรียนตลอดเพราะเหตุผลหลาย ๆ อย่าง
“ทำไมถึงชอบดูถูกตัวเองนัก นี่ไม่เชื่อใจมันสมองของตัวเองเลยหรือยังไง แล้วแบบนี้จะเรียนมหาลัยรอดได้ยังไงกัน” เขาตำหนิเธอขึ้นมาทันที ที่เธอมักจะด้อยค่าของตัวเองอยู่เสมอ ทั้งที่เธอดีพร้อมเพียบไปเสียทุกอย่าง
“เรื่องเรียนมหาลัยหนูว่าจะขอเรียนมหาลัยของรัฐเอา...” เธอลองพูดดูเชิงขึ้นมา เพราะอยากเห็นปฏิกิริยาและความคิดของเขา ว่าจะเหมือนกับพี่ชายเธอหารือเปล่า
“ทำไมล่ะ” เขาถามขึ้นทันที ที่เธอพูดแบบนี้
“หนูสงสารคนหาตังค์ส่งเรียนค่ะ” เธอตอบเขาออกไปตามตรง เพราะเธอเห็นใจคนรอบตัวเธอที่คอยเอาใจส่งเสียให้เธอเรียนที่ดี ๆ
และอีกอย่างเธอเกรงใจพี่สะใภ้ของเธอมากกว่า เพราะพี่ชายแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว แต่ก็ยังคอยดูแลเธอแบบไม่ขาดตกบกพร่องเลย แถมยังจะห่วงเธอมากกว่าแต่ก่อนอีก อาจจะเป็นเพราะว่าเธอห่างจากบ้านมาไกลหรือเปล่า
“ปิดเทอมก็มาเรียนรู้งานที่นี่สิ พี่จะจ่ายค่าแรงให้ จะได้ไม่ต้องพูดว่าเอาแต่ใช้เงินของคนอื่นอีก” เขาจึงยื่นข้อเสนอขึ้นมาบ้าง เพื่อเป็นการหลอกล่อให้เธอยอมรับสิ่งที่เขาหยิบยื่นให้
“จริงเหรอค่ะ” ทำเอาชนิดาตาลุุกวาวเปล่งประกายขึ้นมาทันที ที่ศุภวัฒน์พูดแบบนี้ออกมา
เธออยากช่วยแบ่งเบาภาระคนอื่นบ้าง ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอก็อยู่ในฐานะเหมือนลูกสาวเจ้าของบ้าน งานบ้านเธอแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะถูกเจ้าของบ้านสั่งห้ามไม่ให้เธอทำ
แต่คนดื้อรั้นแบบเธอเหรอจะยอมอยู่เฉย ๆ แบบลูกคุณหนูได้ เธอจะชอบแอบออกมาเรียนรู้กับเหล่าบรรดาพวกแม่บ้านอยู่เป็นประจำหากทีเวลาว่าง
“อายุสิบแปดปีแล้ว พี่กล้าใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องเกรงกลัวอะไรอีกแล้ว”
เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ก่อนที่จะพูดขึ้นมาหน้าตาเฉย ราวกับว่าเป็นการท้าทายเธอ
“พี่เวย์...”
จ๊อกกก
“หึ...ลุกขึ้นไหวไหมจะพาไปกินข้าว”
ยังไม่ทันที่ชนิดาจะได้พูดอะไรออกมา ท้องของเธอก็ดันร้องเสียงดังขัดขึ้นมาเสียก่อน ทำให้ศุภวัฒน์ขำออกมาทันที
*
*
ห้างสรรพสินค้า
ที่ที่ศุภวัฒน์พาเธอมาทานมื้อแรกของวันในวันนี้นั้นคือห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่ครอบครัวเขามีหุ้นส่วนร่วมอยู่ด้วย ถึงแม้จะไม่มากก็ตาม
“อยากได้ก็เข้าไปเลือกสิ” เขาที่เดินมาตามหลังจึงสะกิดบอกเธอ เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่จ้องไปด้านในร้านจิวเวลรี่และไม่ยอมเดินไปไหน
“ไม่เอาหรอก” เธอรีบหันมาบอกปฏิเสธ
“เข้ามาช่วยงานเมื่อไหร่ พี่ค่อยหักจากค่าแรงเอาก็ได้” เขาพยายามเอ่ยหว่านล้อมเธอ เพราะรู้ดีว่าเธอเป็นคนขี้เกรงใจเขาเลยต้องเอาเรื่องที่จะให้เธอทำงานแลกมาอ้าง
“หนูต้องทำงานอีกกี่ชาติค่ะ ถึงจะใช้หมดแค่เห็นราคาแล้ว...”
“เอาน่า น่ะ...”
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวหนูขอไปเข้าห้องน้ำก่อน พี่ไปรอที่ร้านได้เลยเดี๋ยวหนูตามไป” ชนิดารับปฏิเสธและกาทางหนีทีไล่จึงหาข้ออ้างว่าไปเข้าห้องน้ำ เพื่อหนีจากสถานการณ์ตรงนี้ และเธอก็รีบวิ่งไปทางห้องน้ำทันที
“เฮ้อ...เด็กน้อยเอ้ย” ศุภวัฒน์ได้แต่มองตามหลังแล้วส่ายหน้ายิ้มขำให้กับนิสัยเอาตัวรอดของเธอ
ศุภวัฒน์มองตามแผ่นหลังเล็กที่วิ่งไปจนสุดตา แล้วเขาก็หันกลับไปมองทางร้านจิวเวลรี่ที่ชนิดายืนมองอยู่นาน ก่อนที่เขาจะสาวเท้าเดินไปข้างหน้า
