ตกลงเป็นแฟน
“แค่กๆ แกพูดจริงใช่ไหม?” อิงฟ้าถึงกลับสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไป หลังจากที่ได้ยินในสิ่งที่เพื่อนสาวนั้นบอก
“…..” ริสาพยักหน้าแทนคำตอบ เธอตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้อิงฟ้าฟัง เพราะไม่อยากปิดบังเพื่อนสนิทอีกต่อไป
“ฉันคิดไว้แล้วไม่มีผิด ว่าเหมันต์ต้องแอบชอบแกแน่ๆ ถ้ารู้ว่าตัวเองจะทายแม่นขนาดนี้ ฉันน่าจะไปเปิดสำนักแทงหวยให้รู้แล้วรู้รอดไป”
“เบาหน่อยสิ เดี๋ยวคนอื่นก็มาได้ยินหรอก” เด็กสาวหันซ้ายมองขวาด้วยความระแวง
“ได้ยินก็ดีน่ะสิ ยัยดารินจะได้ตื่นจากฝันแล้วเลิกมโนสักทีว่าเป็นแฟนเห
มันต์” อิงฟ้าพูดด้วยความสะใจ เพราะดารินมักจะเป็นฝ่ายมากระแหนะกระแหนใส่พวกเธอก่อน ซึ่งตอนนี้เธอรู้สึกปลื้มใจแทนเพื่อนรักอย่างบอกไม่ถูก
“เพราะแฟนตัวจริงของเหมันต์ เขานั่งอยู่ตรงนี้แล้วย่ะ”
“แกน่ะพูดเกินไป ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเป็นแฟนกับเขาสักหน่อย”
“แล้วแกจะเล่นตัวไปถึงไหน โอกาสมาให้คว้าถึงที่แล้วนะ”
“ฉันเปล่าเล่นตัวนะ” ริสาพูดไปตามความรู้สึก ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจที่เหมันต์มาขอเป็นแฟน แต่ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินไปจนตั้งรับไม่ทัน
“แกรู้อะไรบ้างไหม ผู้หญิงครึ่งโรงเรียน ต่างอยากเป็นแฟนกับเหมันต์กันทั้งนั้น มีแต่แกนั่นแหละที่มัวแต่ปฏิเสธอยู่ได้”
“ฉันแค่ยังไม่แน่ใจว่าเหมันต์ชอบฉันจริงๆ หรือเปล่า”
“มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ แกก็น่ารักในแบบของแกนะ ไม่แน่ว่าเหมันต์อาจจะมองเห็นอะไรบางอย่างในตัวแกก็ได้” อิงฟ้าพูดปลอบใจเพื่อนสาว เมื่อเห็นสีหน้าและแววตากังวลของริสา
“แกคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ?”
“ลองๆ คบดูก็ไม่เห็นจะเป็นไร ถ้าไม่โอเคก็แค่ถอยออกมา”
“…..”
“ฉันอยากเห็นแกสมหวังเหมือนคนอื่นสักที”
“พูดจริงหรือพูดเล่นที่บอกว่าริสาปฏิเสธเป็นแฟนกับมึง” ราเชนทร์หันไป ถามเหมันต์ด้วยความประหลาดใจ
“เธอไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ตกลง” เหมันต์ตอบกลับพลางหยิบมวนบุหรี่ราคาแพงที่อยู่ในกางเกงนักเรียนขึ้นมาจุดสูบ ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ออกมาแบบหนักๆ อย่างคิดไม่ตก
“คิดดีแล้วหรือไงที่ขอริสาเป็นแฟน มีคนน่ารักมาชอบมึงก็เยอะแยะ ทำไม ไม่เลือกเอาสักคน” โชกุน เพื่อนสนิทอีกคนเอ่ยถามเพื่อนชายด้วยความสงสัย
“กูชอบเธอมาตั้งนานแล้ว พวกมึงก็รู้ไม่ใช่หรือไง”
“เออ! พวกกูรู้ แต่ไม่คิดว่ามึงจะจริงจังขนาดขอเธอเป็นแฟน” ราเชนทร์ตอบกลับ เป็นอย่างที่เหมันต์บอก พวกเขารู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว เพราะมีเรื่องอะไร พวกเขามักจะคุยกันแบบเปิดเผยไม่มีปิดบัง
รู้แม้กระทั่งว่าเหมันต์แอบซื้อขนมไปใส่ในลิ้นชักใต้โต๊ะของริสาเกือบทุกวัน โดยที่ริสาไม่ได้ระแคะระคายเลยสักนิด
“แล้วดารินรู้เรื่องนี้หรือยัง?”
“ถ้าให้เดาคิดว่ายัง” เหมันต์ตอบ
“ไม่รู้ก็ดีแล้ว ถ้าเกิดว่าดารินรู้เรื่อง กูว่าริสาโดนหนักแน่” โชกุนเอ่ยพลางมองปฏิกิริยาของเพื่อนชาย
“ก็ลองมาแตะต้องคนของกูดูสิ กูเอาคืนแน่” เหมันต์พูดด้วยน้ำเสียงรายเรียบ ก่อนจะโยนมวนบุหรี่ทิ้งลงบนพื้นแล้วใช้เท้าขยี้มันจนดับไปด้วยความหงุดหงิดเมื่อคิดเห็นหน้าของดาริน
“ยังไม่ทันไรก็หวงเข้าขั้นแล้วหรือไง” ราเชนทร์เอ่ยแซวเพื่อนชาย พลางปรายตาไปมองยังบุคคลที่กำลังเดินตรงมาทางพวกเขา
“พูดถึงก็มาพอดี ยัยดารินสุดที่รักของมึง”
“เหมันต์ เย็นนี้ไปดูหนังกันไหม หนังที่ฉันชอบเพิ่งเข้าโรง เลยอยากชวนนายไปดูเป็นเพื่อน” เสียงหวานร้องดังมาแต่ไกล พร้อมกับดารินที่เดินมากอดแขนเหมันต์ไว้แน่น
“แล้วเพื่อนเธอมีคนเดียวหรือไง ทำไมต้องมาชวนฉัน”
“ก็ฉันอยากไปกับนาย ไม่ได้อยากไปกับคนอื่นสักหน่อย”
“ถ้างั้นเชิญเธอไปคนเดียว เพราะฉันไม่ว่าง”
“อะไรกัน! ทำไมนายถึงชอบปฏิเสธฉันอยู่เรื่อย” ดารินจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความหงุดหงิด ที่ไม่ว่าจะชวนครั้งไหนๆ เหมันต์ก็เอาแต่ปฏิเสธเธอ
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เธอก็น่าจะรู้ดี”
“ที่นายปฏิเสธฉัน เพราะนายมีคนอื่นใช่ไหม?”
“ฉันจะมีใครหรือไม่มีใครแล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับเธอ?”
“เหมันต์!” เด็กสาวถลึงตาใส่คนตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ เพราะครอบครัวของเธอและเหมันต์ค่อนข้างสนิทสนมกันมาก เลยถูกจับคู่กันตั้งแต่ยังเด็ก
“ออกไปได้แล้ว ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของเธอ!” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเต็มทน
“แล้วนายจะต้องเสียใจที่ปฏิเสธฉัน” สิ้นประโยคนั้น เด็กสาวจึงรีบหมุนตัวเดินหันหลังออกไปอย่างไม่สบอารมณ์
“ดูท่าทางดารินจะชอบมึงเขาขั้น มึงไม่สนใจเธอจริงดิ?” โชกุนถามเพื่อน ชายอีกครั้ง ทั้งฐานะและรูปร่างหน้าตาของดารินจัดว่าเข้าขั้นเพอร์เฟค
“ถ้ากูสนใจคงเอาไปนานแล้ว” เหมันต์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าแล้วเดินออกมา
“แล้วมึงจะไปไหน?”
“มีนัดกับริสา”
บนรถ…
“วันนี้เราจะไปทำโครงงานที่ไหนกันเหรอ?” ริสาถามคนที่นั่งข้างๆ หลังจากที่เขาเป็นฝ่ายนัดเธอให้มาเจอกันตอนเลิกเรียน
“ที่บ้านฉัน”
“บะ…บ้านนาย?”
“หรือจะให้ไปบ้านเธอแทน?”
“แล้วทำไมต้องไปทำที่บ้านด้วยล่ะ ทำที่อื่นไม่ได้เหรอ?”
“ที่อื่นคนเยอะวุ่นวาย ฉันต้องการสถานที่เงียบๆ จะได้มีสมาธิในการทำงาน”
“เอ่อ…เป็นแบบนี้นี่เอง” ริสาพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ โดยไม่ได้บอกปฏิเสธหรือขัดขืนเขาแต่อย่างใด
“อย่าลืมโทรบอกทางบ้านด้วยล่ะ ว่าวันนี้กลับค่ำ เดี๋ยวฉันเป็นคนไปส่งเอง”
“อืม”
บ้านวรตระกูล…
“มากันแล้วเหรอลูก แม่เตรียมของว่างเสร็จพอดีเลย” เสียงหวานของคุณ
นายชบาเอ่ยทักทายลูกชายที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อริสาค่ะ เป็นเพื่อนกับเหมันต์” เด็กสาวยกมือไหว้แม่ของเหมันต์ด้วยความนอบน้อม ทำเอาคนที่ได้เห็นถึงกลับรู้สึกเอ็นดู
“เหมันต์บอกแม่ไว้แล้ว ว่าจะพาหนูริสามาทำโครงงานที่บ้าน เชิญตามสบายนะจ๊ะ”
“…..” ริสายิ้มกว้างด้วยความดีใจที่แม่ของเหมันต์ต้อนรับเธอเป็นอย่างดี
“ไปนั่งที่ศาลาริมน้ำหลังบ้านกันดีกว่า ตรงนั้นเย็นดี เธอน่าจะชอบ”
“ดีเลย งั้นไปกัน”
ริสาเดินตามหลังเหมันต์ออกมา พลางวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณเพื่อสำรวจ
เธอรู้สึกอนาจใจเมื่อมองเห็นกรงหมาของเหมันต์ ที่มีขนาดใหญ่กว่าบ้านของเธอซะอีก
“บ้านนายหลังใหญ่สุดๆ ไปเลย แถมบรรยากาศก็ดีมากๆ” ดวงตากลมโตทอดสายตามองไปยังแม่น้ำที่อยู่หลังบ้าน สายลมเย็นๆ ค่อยๆ พัดผ่านเข้ามาปะทะร่างกายจนรู้สึกหนาว
“ถ้าเธอชอบจะมาเที่ยวบ่อยๆ ก็ได้นะ”
“คงไม่ดีมั้ง ฉันเกรงใจ”
“…..” ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มบางๆ อย่างเอ็นดู
“ขนมมาเสริฟ์แล้วค่ะคุณหนู”
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”
“มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย ฉันขอชิมสักหน่อยได้ไหม?” ริสามองขนมหวานมากมายที่เพิ่งถูกนำมาเสริฟ์ด้วยสายตาแวววาว
“เชิญตามสบาย”
“…..” เด็กสาวหยิบขนมใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ท่ามกลางสายตาของเหมันต์ที่จ้องมองอยู่แบบนั้น
“จะให้คำตอบฉันได้หรือยัง มัวแต่กินอยู่นั่นแหละ”
“คำตอบอะไรของนาย?” ริสาถามกลับแต่ไม่ได้หยุดกินแต่อย่างใด
“ก็เรื่องที่ฉันขอเธอเป็นแฟน สรุปว่าเธอจะว่ายังไง?”
“เอ่อ…”
“ตกลงว่าจะเป็นแฟนกับฉันไหม ฉันรอคำตอบอยู่”
“นายชอบฉันจริงๆ ใช่ไหม?” เด็กสาวทวนถามอีกครั้งด้วยความอยากรู้ พร้อมกับมองเข้าไปยังแววตาของคนตรงหน้าเพื่อจับผิด
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงต่ำเข้าหาริสาที่นั่งอยู่ ก่อนที่เหมันต์จะทำในสิ่งที่ทำให้หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น
ริมฝีปากหนากดจูบลงที่พวกแก้มของเด็กสาวอย่างแรงแทนคำตอบ
“รู้คำตอบหรือยัง ถ้ายังไม่รู้คราวนี้จะได้จูบปากแทน”
“กะ…ก็ได้ ฉันตกลงจะคบกับนาย”
“ให้คิดดีๆ อีกทีแล้วค่อยตอบ”
“ตกลง ฉันจะเป็นแฟนกับนาย”
“…..”
