บทย่อ
ชีวิตของพลอยไพลินเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ครอบครัวของเธอล้มละลาย กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว แต่ในวันที่แย่ที่สุดวันที่ไม่เหลืออะไรแม้แต่ญาติพี่น้อง ก็ยังมีกิตติภพคอยอยู่เคียงข้าง แม้ว่าครอบครัวของเขาจะพยายามกีดกัน ไม่ให้เขามายุ่งวุ่นวายกับเธอก็ตาม แม้ว่าพลอยไพลินจะไม่มีเงินทอง ไม่มีหน้ามีตาในสังคมเหมือนเมื่อก่อน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่นิดเดียว กิตติภพตัดสินใจเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพลอยไพลิน ก้าวข้ามความเป็นเพื่อนและพัฒนาความสัมพันธ์ใหม่ไปด้วยกัน แต่เส้นทางนี้ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีหนามคอยทิ่มแทงอยู่ทุกห้วงเวลา ความรักที่คิดว่ามีมากพอ มันจะมากพอไหมให้จับมือกันต่อไป ///////////////////// “พ่อกับแม่เป็นอะไรครับ พลอยเขาทำอะไรผิด ทำไมจู่ๆถึงได้มีท่าทางแบบนั้น” โชคชัยลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนเดินตรงเข้ามาหาลูกชาย “แกไม่รู้หรือไงว่าเกิดอะไรขึ้นในครอบครัวของพลอยไพลิน” “ผมรู้ครับ” “ถ้ารู้แล้วทำไมแกถึงยังคบกับผู้หญิงคนนั้น แกไม่กลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะนำเรื่องเดือดร้อนมาให้แกหรือไง” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เรื่องของครอบครัวพลอยไพลินมันจะเกี่ยวข้องกับเขาได้อย่างไร พ่อกับแม่คิดมากเกินไปแล้ว “ผมไม่กลัว แล้วผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเดือดร้อนกับเรื่องนี้” “ผู้หญิงคนนั้นจะกลายเป็นภาระของแก แกก็รู้ว่าตอนนี้ครอบครัวนั้นไม่มีเงินแล้ว แกไม่กลัวว่าจะโดนปอกลอกหรือไง”
1 คำสัญญา
ตอนที่ 1
คำสัญญา
ด้วยเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน หลังจากเรียนจบมัธยมปลายทำให้กิตติภพและพลอยไพลินไม่ได้เจอกันอีกเลย แม้ว่าทั้งสองจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากในช่วงสมัยเรียนก็ตาม แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่รัดตัวทำให้ทั้งคู่ไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานานหลายเดือน
พลอยไพลิน ปัจจุบันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง และเนื่องจากว่าเหลืออีกแค่ปีเดียวเธอก็จะเรียนจบแล้ว ทำให้ช่วงนี้เรียนหนัก และต้องทำอะไรหลายๆอย่าง จนแทบไม่ได้กระดิกตัวไปไหนหรือติดต่อกับใครเลยนอกจากเพื่อนในคณะเท่านั้น
แต่เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันหยุด หญิงสาวจึงใช้เวลาว่างจัดห้องนอนของตัวเอง ทำให้เธอนั้นได้เจอกับกล่องใบหนึ่งที่ซุกซ่อนอยู่ใต้เตียงและนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอโผล่มาอยู่ที่ร้านกาแฟในเวลานี้
“รอนานไหมพลอย”
หัวใจหญิงสาวเต้นรัวเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู มันไม่ใช่ความรู้สึกเขินอาย แต่เป็นความรู้สึกตื่นเต้นระคนดีใจ เธอกับกิตติภพไม่ได้เจอกันมานานหลายเดือน แถมช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากสำหรับคนที่เคยสนิทกัน
“ก็นานอยู่นะ ห้านาที”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เพื่อนสาวของเขาคนนี้ยังคงขี้เล่นไม่เปลี่ยน
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวมื้อนี้ผมเป็นคนเลี้ยงเอง”
กิตติภพมักจะแทนตัวแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่สมัยมัธยมต้นเขาก็ชอบแทนตัวเองว่าผมมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าพลอยไพลินจะเคยห้าม แต่ ชายหนุ่มก็ไม่เคยฟัง เขามักจะพูดจาเป็นทางการกับเธออยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นแม้คำพูดจะดูห่างเหินแต่ทั้งสองก็สนิทสนม และมีมิตรภาพที่ยั่งยืน
“ถ้าอย่างนั้นไม่เกรงใจนะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก พลอยดูผอมไปนะ”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองสำรวจหญิงสาว ช่วงมัธยมต้นเธอค่อนข้างอวบ เมื่อขึ้นมัธยมปลายก็เริ่มรักสวยรักงามออกกำลังกายจนหุ่นดี แต่ในตอนนี้เขารู้สึกว่าหญิงสาวดูซูบเกินไป เหมือนคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
“ช่วงนี้เรียนหนัก มีปัญหาหลายอย่างให้ต้องจัดการ”
พลอยไพลินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แต่แววตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
“มีอะไรให้ช่วยไหม”
“ไม่เป็นไรหรอก ได้ยินว่ากิตก็เรียนหนักเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
ชายหนุ่มพยักหน้า ปัจจุบันเขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ด้วยความที่เรียนเก่งเขาจึงตัดสินใจที่จะแยกไปเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐแทนเอกชน
“ทำไมจู่ๆพลอยถึงโทรหาผม”
ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ หลังขาดการติดต่อกันมานานหลายเดือน เขาก็ไม่กล้าโทรไปรบกวนหญิงสาว เพราะช่วงนี้ได้ยินข่าวเกี่ยวกับบริษัทครอบครัวของเธออยู่บ่อยๆ เขาคิดว่าเธอน่าจะเครียด บวกกับช่วงนี้เธอเรียนหนักด้วยถึงไม่อยากรบกวน ได้แต่รอคอยให้เธอโทรมาหา
ในที่สุดการรอคอยของเขาก็สิ้นสุดลง เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นช่วงบ่ายของเมื่อวาน
“พอดีว่าเมื่อวานเป็นวันหยุด ก็เลยจัดห้อง แล้วบังเอิญไปเจอรูปถ่ายนี้ ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า พลอยเป็นคนมีเพื่อน แต่ดูเหมือนว่าพลอยจะไม่ได้โทรหาเพื่อนเลย”
หญิงสาวพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เธอรู้สึกผิดที่ไม่ได้ติดต่อหากิตติภพเลย ทั้งๆที่เธอกับเขาเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างน้อยๆเธอก็ควรจะโทรไปถามไถ่สารทุกข์สุขดิบบ้าง
“ไม่เป็นไรหรอกพลอย ผมเข้าใจ ว่าแต่พลอยสวยขึ้นนะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วย”
“พูดแบบนี้คงไม่ได้ตกหลุมรักพลอยใช่ไหม อย่าลืมสัญญาของเรานะกิต สัญญาที่เราเคยให้กันไว้ตอนมัธยมต้น”
ชายหนุ่มนึกย้อนถึงเรื่องราวในอดีต ในตอนนั้นเขากับหญิงสาวสนิทสนมกันมาก สนิทสนมกันตั้งแต่ช่วงมัธยมต้นแล้ว แต่ในตอนนั้นจู่ๆพลอยไพลินก็ตระหนักถึงเรื่องความแตกต่างทางเพศ เธอจึงตัดสินใจจับเข่าคุยกับเพื่อนสนิทอย่างกิตติภพ
เธอกับเขาเคยให้สัญญากันว่าจะไม่ล้ำเส้นคำว่าเพื่อน เธอสั่งห้ามเขาเด็ดขาดไม่ให้มาจีบเธอ เพราะเธออยากให้มิตรภาพยืนยาวและคงอยู่ตลอดไป ไม่อยากให้ความสัมพันธ์อื่นๆมาทำลายมิตรภาพอันดีระหว่างเธอกับเขา
ซึ่งในตอนนั้นกิตติภพก็รับปากว่าจะไม่จีบเด็ดขาด แต่ในเวลานี้ชายหนุ่มกลับไม่อยากทำตามสัญญานั้นแล้ว ถึงเขาจะบอกเธอไปแบบนั้น แต่ไม่ได้แปลว่าเขาอยากทำในสิ่งที่เธอพูด
“ก็ยังจำได้”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบาลง เขาฝืนยิ้มก่อนตักอาหารให้เพื่อนสนิท
“กินนี่สิ ของโปรดพลอยไม่ใช่เหรอ”
“จำได้ด้วย แบบนี้สิเขาเรียกว่าเพื่อนแท้”
ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนสักหน่อย
ชายหนุ่มพึมพำในใจ แต่เขาก็ไม่กล้าพอที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองให้หญิงสาวรับรู้ เขากลัวว่าถ้าเขาพูดความในใจของตัวเองออกไป จะทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับพลอยไพลินไม่เหมือนเดิม
“ผมได้ยินข่าวเกี่ยวกับบริษัทของพลอย เห็นว่าช่วงนี้มีปัญหา”
หญิงสาวหน้าหม่นลง ความจริงเธอไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้สักเท่าไหร่เพราะกลัวว่าจะทำให้บรรยากาศแย่ลง
“ใช่ แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง มันเป็นเรื่องภายใน ไม่ใช่ว่าพลอยไม่ไว้ใจกิตนะ แต่พลอยไม่อยากเอาปัญหาของตัวเองไปเล่าให้ใครฟัง”
“ผมพอจะช่วยอะไรได้ไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกกิต เห็นคุณพ่อบอกว่าเรื่องนี้น่าจะหาทางแก้ได้อยู่ พลอยเชื่อว่าคนเก่งๆอย่างคุณพ่อจะต้องพาบริษัทให้รอดพ้นวิกฤตไปได้แน่นอน”
หญิงสาวเชื่อมั่นในตัวผู้เป็นพ่อ พ่อของเธอบริหารบริษัทนี้มานานกว่า 20 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย สำหรับเรื่องแค่นี้เธอเชื่อว่าพ่อจะต้องรับมือได้อย่างแน่นอน
“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยบอกได้เลยนะ ผมยินดี”
“ขอบใจนะ กิตกินอันนี้สิ อันนี้ของโปรดกิตใช่ไหม พลอยจำได้”
ชายหนุ่มพยักหน้า หลังจากที่ทั้งสองกินอาหารเสร็จก็นั่งพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเรียน แต่หญิงสาวเห็นว่าคุยเรื่องนี้ทีไรเธอรู้สึกเครียด จึงชวนเพื่อนไปเดินเล่นย่อยอาหาร
“ปกติมาเดินห้างนี้บ่อยไหม”
หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่ม เธอไม่ได้เจอกับเขาหลายเดือนไม่รู้ว่าตอนนี้ชีวิตของเขาเป็นยังไงบ้าง แต่ดูจากตาเปล่าเขาก็สุขสบายดี แถมเธอได้ยินว่าเขาถูกวางตัวให้เป็นผู้บริหารคนต่อไปล่วงหน้า
ถ้ากิตติภพเรียนจบเมื่อไหร่ก็คงจะได้ดิบได้ดี อีกอย่างได้ยินว่าตอนนี้บริษัทของเขากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ในขณะที่บริษัทของเธออยู่ในช่วงขาลง แต่หน้าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกอิจฉาเพื่อนเลยสักนิด แถมยังรู้สึกยินดีกับครอบครัวเขาจากใจจริง
“ไม่ค่อยได้ไปไหน ปกติเรียนเสร็จก็กลับคอนโด”
“ไม่ได้อยู่บ้านเหรอ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า เขาชอบอยู่คอนโดมากกว่าเพราะเป็นส่วนตัว อีกอย่างที่บ้านของเขาอยู่กันหลายคน เป็นครอบครัวใหญ่ เขารู้สึกไม่เป็นส่วนตัวจึงตัดสินใจแยกออกมาอยู่เพียงลำพัง

