๔ พลอดรัก (๓)
เธอไม่อายที่จะเปล่งเสียงครางดังก้อง เขาเองก็ชอบฟังเช่นเดียวกัน สองกายประสานเป็นหนึ่ง สร้างความสุขให้แก่หัวใจที่โหยหาความรัก ความแคบของแคร่ไม่เป็นปัญหาต่อความต้องการสักนิด
สุดปลายทางอยู่เพียงแค่เอื้อมมือ เขาเลือกเปล่งเสียงครั้งสุดท้ายพร้อมปล่อยน้ำสีขุ่นเข้าช่องทางอุ่นนุ่มเต็มรัก ลืมเสียสนิทว่าต้องสวมถุงยางอนามัยทั้งที่เตรียมมาอย่างดี
หอบหายใจถี่แล้วซบลงบนแผ่นหลังบางที่เปลือยเปล่า คิดถึงอาการเหนื่อยที่เต็มไปด้วยความสุข พร้อมทั้งคิดว่ามันคงไม่จบเพียงแค่รอบเดียว
เมื่อเขายังสนุกกับร่างกายของครูสาวที่นวลเนียนไปทุกสัดส่วน...
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ร่างสูงออกจากบ้านมายังกระท่อมก่อนเวลานัดด้วยความตื่นเต้น เขาไม่รู้ว่าเหตุใดครูสาวแสนสวยที่มีกริยาเรียบร้อยจึงนัดตนมาที่นี่ โทรไปหาแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับสาย ทว่ากลับมีข้อความมาบอกให้เจอกันที่นี่
เขาจึงรีบบึ่งมาคอยท่า พร้อมแต่งตัวอย่างดี อาบน้ำถูสบู่หลายรอบเพื่อกลิ่นกายจะได้หอม หวังเพียงหญิงสาวตอบรับความรักที่ตนมีให้อย่างจริงใจ
“ดื่มสักหน่อย เรียกความมั่นใจเว้ยไอ้เสือ” จัดแต่งทำความสะอาดกระท่อมเรียบร้อย เห็นว่ายังไม่ถึงเวลานัดก็หยิบเหล้าขาวที่เตรียมมายกดื่มเพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง ค่อนข้างตื่นเต้นกว่าปกติแม้พอจะดูออกว่าเธอก็ชอบเขาเช่นเดียวกัน
ไม่คิดว่าตัวเองจะยกจนครองสติไม่อยู่ พอมีคนเข้ามาก็เริ่มรุกหาแล้วเธอก็ไม่มีท่าทีขัดขวาง ทุกอย่างจึงเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น...
แม่วรรณเดินเป็นหนูติดจั่นเมื่อฝนที่กระหน่ำลงมาไม่หยุดเกือบชั่วโมงหยุดลงแล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าลูกสาวของนางจะกลับบ้าน นึกกังวลว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับกนกวดีหรือเปล่า ปกติอีกฝ่ายไม่ใช่คนจะกลับบ้านดึก
ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นกังวลมากกว่าเดิม มีเพียงพ่อผู้ใหญ่ที่นั่งดูบอลสบายใจเฉิบ ไม่ค่อยห่วงลูกสาวเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายเอาตัวรอดได้
“ฝนก็หยุดนานแล้ว ทำไมนังกิ่งยังไม่กลับบ้านอีก มันไปอยู่ไหนของมันนะ โทรตามลูกหน่อยสิพ่อ” เร่งเร้าคนเป็นสามี มือกุมกันเอาไว้แน่นแล้วชะเง้อไปทางรั้วบ้านที่ไม่มีใครผ่านมาสักคน ใกล้เที่ยงคืนใจก็ยิ่งเป็นกังวลมากกว่าเดิม
“จ้ะ ได้จ้ะ”
“ไม่รับเลยแม่” พ่อพิมานโทรหาอีกรอบก็ไม่มีคนรับสาย สองสามีภรรยามองหน้ากันเริ่มเห็นท่าไม่ดีซะแล้ว
ทว่ามีเสียงเรียกดังจากหน้าบ้าน จึงต้องรีบเดินออกไปหาคิดว่าลูกบ้านมีเรื่องให้ช่วยหรือเปล่า ด้วยตำแหน่งที่ดำรงต้องคอยตัดสินปัญหาให้คนในหมู่บ้านเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็ตามจนกลายเป็นความเคยชิน
“พ่อผู้ใหญ่ ป้าวรรณ ป้าวรรณจ๊ะ”
“มีอะไร มาร้องเรียกกลางค่ำกลางคืน เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” มณีวรรณหาผ้ามาคลุมไหล่แล้วเดินออกมาข้างนอกกับสามี แสงสว่างจากไฟตามถนนทำให้เห็นว่าคนตรงหน้าเป็นสาวรุ่นราวคราวเดียวกับลูกของพวกตน
“กิ่งจ้ะ เหมือนกิ่งจะหายตัวไป” สิ่งที่กังวลเหมือนจะเป็นจริง ข่าวที่อีกฝ่ายนำมาบอกสร้างความตระหนกให้สองผัวเมียเป็นอย่างมาก
“ว่าไงนะ!”
“คือหนูไปเที่ยวงานวัดแล้วเห็นกิ่งไปคนเดียว คิดว่าจะชวนมากินเล่นด้วยกันแต่พอหันมาอีกทีก็ไม่เห็นแล้วจ้ะ” สีหน้ากังวลขณะบอกกับแม่วรรณ ยิ่งทำให้คนฟังล้มทั้งยืน รีบหันมองสามีของตนแล้วกุมมือกันเอาไว้แน่น
“แล้วกิ่งมันจะไปไหนได้ล่ะพ่อ” ถามเสียงเครือ ดวงตาปริ่มน้ำคล้ายจะร้องไห้
“มีคนบอกว่าเห็นกิ่งไปกระท่อมบึงบัว” แต่แล้วคนที่เพิ่งบอกว่ากนกวดีหายไป ก็พูดข่าวใหม่สร้างความฉงนให้ชายหญิงวัยกลางคืน
ไหนตอนแรกบอกว่าลูกสาวเธอหายตัวไป...เหตุใดจึงรู้ที่อยู่ได้ล่ะ
“กระท่อมบึงบัวเหรอ” แต่เวลานั้นก็ไม่มีใครสงสัย เลือกจะเชื่อทันทีเพราะตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้วแต่ลูกสาวตัวดียังไม่กลับบ้าน เกรงจะเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับอีกฝ่าย
“จ้ะ...ฉันว่าเรารีบไปดูดีกว่า กิ่งยิ่งเมาอยู่ด้วย ฉันไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่เลย” รีบเร่งคนทั้งสองให้คล้อยตาม พ่อพิมานจึงเข้าไปขับรถยนต์ออกมาทันที ส่วนคนเป็นเมียก็ยืนรออยู่นอกบ้าน เปิดประตูขึ้นรถแล้วเร่งสามีเสียงดัง
“รีบ รีบไปสิ!” ใจสั่นไปหมดเกรงว่าลูกสาวจะเกิดอันตรายขึ้น ดวงตาจ้องมองทางที่มีเสาไฟฟ้าให้แสงสว่าง ภาวนาอย่าให้กนกวดีเป็นอะไรเลย
ภายในกระท่อมที่คนทั้งสองกำลังนอนกอดกันกลม ร่างแบบบางเกยอยู่บนตัวเขา แนบใบหน้าลงที่แผงอกล้ำ แคร่ที่เล็กจึงต้องแบ่งปันพื้นที่ให้ได้พักผ่อนกันทั้งสองคน เธอเต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้นอนกับภูมิรพี
ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดก็หุบยิ้มไม่อยู่ ไม่น่าเชื่อว่าครั้งแรกของหล่อนจะอยู่ในกระท่อมท่ามกลางสายฝนกับคนที่รัก...
โรแมนติกจังเลย
“วันนี้ชอบไหม” เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยถาม หล่อนชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อรู้สึกว่าแตกต่างจากเสียงของนายอำเภอที่เคยได้ยินทุกครั้ง แต่ไม่ได้ใส่ใจเพราะอย่างไรก็ต้องเป็นเขาอยู่แล้ว จะเป็นคนอื่นไปได้อย่างไรกันล่ะ
“ชอบค่ะ” ตอบเสียงหวานอย่างเขินอาย หล่อนดัดเสียงให้เล็กเพื่อเอาใจสามีของตัวเอง
อีกไม่นานหล่อนจะได้ขึ้นเป็นคุณนายแล้ว แค่คิดก็ดีใจจนเนื้อเต้น เลือกจะเลื่อนมือมายังแผงอกกว้างที่เปล่าเปลือย หล่อนเองก็ยังไม่สวมเสื้อผ้า มีเพียงผ้าห่มคลุมกายเอาไว้เท่านั้น
“แล้วที่บอกว่ามีอะไรจะคุยกับพี่ อยากคุยเรื่องอะไรเหรอ” มือหนาลูบศีรษะมนอย่างอ่อนโยน สรรพนามแปลกใหม่สร้างความฉงนปนดีใจให้คนฟังจนรีบเม้มปากแน่น เกรงว่าจะเผลอเปล่งเสียงดีใจออกนอกหน้ามากเกินไป
‘พี่ คุณอั๋นแทนตัวเองว่าพี่!’
“เรา เราก็รู้จักกันมาสักพักแล้ว น่าจะพัฒนาความสัมพันธ์ให้มากกว่าคนรู้จักหรือเปล่าคะ” ลูบอกเขาเหมือนเป็นการยั่วยวน เธอคาดหวังในสิ่งที่เขาจะพูดเป็นประโยคต่อไป อมยิ้มตลอดเวลาอย่างมีความสุข
ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่นยามได้ยินเสียงของคนที่นอนอยู่บนร่าง แต่ก็ไม่ได้คิดสงสัยอะไร อาจเป็นเพราะครูสาวไม่สบายเพราะละอองฝนหรือเปล่า เสียงจึงแหลมเล็กอย่างนั้น
“เป็นแฟนพี่นะ” พูดคำเดียวแต่สร้างความตระหนกให้หล่อน แล้วมีหรือที่กนกวดีจะปล่อยโอกาสให้หลุดมือเธอรีบตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
“แฟน! เป็น เป็นค่ะ เราเป็นแฟนกันแล้วนะคะ จากนี้ช่วยรับผิดชอบกริ้งด้วยนะ” ไม่คิดว่าความฝันจะเป็นจริงรวดเร็วขนาดนี้ ยิ้มกริ่มมีความสุขต่างจากร่างสูงที่เริ่มตะขิดตะขวงใจแล้ว เขาดันร่างแบบบางให้ลุกนั่ง แล้วพยายามเพ่งมองหล่อนภายใต้ความมืดมิด
ฝนหยุดตก...พระจันทร์เริ่มกลับมาส่องแสงนวลอีกครั้ง
“กริ้ง...กริ้งเหรอ”
“ค่ะ ทำไมเหรอคะ” พยักหน้าโดยที่ตนเองยังคงไม่รู้เรื่องอะไร เสือเห็นถึงความผิดปกติจึงรีบคว้าเสื้อที่วางทิ้งบนพื้นมาสวมอย่างรวดเร็ว มือสั่นเทายามคิดว่าคนที่กกกอดไม่ใช่หญิงสาวที่ตนกำลังตามจีบ แต่เป็นเพื่อนร่วมห้องซึ่งเป็นคู่อริมาโดยตลอด
“เดี๋ยวนะ!” เธอนิ่งเงียบตอนเขาตะโกนเสียงดัง เริ่มหยิบชั้นในมาสวมบ้าง หรือนายอำเภอจะฟันแล้วทิ้งไม่รับผิดชอบ
ไม่สิ...เมื่อกี้ยังขอเป็นแฟนอยู่เลย
เธอยังไม่ทันได้คิดฟุ้งซ่าน ก็มีเสียงเรียกดังมาจากข้างนอก ร่างบางยกยิ้มมุมปากทันทีด้วยความดีใจ ภูมิรพีหนีหล่อนไม่พ้นหรอก อย่างไรก็ต้องรับผิดชอบกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแน่นอน
“กิ่ง กิ่งอยู่ไหน!” เสียงแม่วรรณดังชัดเจน
“แม่เหรอ แม่มา”
“มันอะไรกันวะเนี่ย!” เสือตะโกนเสียงดังแล้วกำลังจะใส่กางเกง แต่เป็นร่างบางที่หยิบผ้าห่มมามัดอกทำเป็นชุดคลุมกายเอาไว้ ถลาเข้าไปกอดแขนหนาอย่างรวดเร็ว ต้องการให้คนที่ตามหาเข้ามาพบภาพชวนคิด
เพื่อเขาจะได้รับผิดชอบ...
“จะไปไหนคะ อย่าเพิ่งไปสิ”
“ยัยบ้าเอ๊ย เธอลองแหกตาดูสิว่าฉันเป็นใคร” ตะคอกเสียงดังเมื่อรู้แล้วว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่มธุริน แต่เป็นคนที่ตัวเองไม่ชอบ
ขณะที่กนกวดีได้ยินเสียงตะโกนของชายหนุ่มก็เบิกตากว้าง แสงข้างในไม่พอให้มองเห็นหน้า แต่หล่อนก็เริ่มจะได้ว่าเป็นใคร
“สะ เสียง ทำไมเสียง...”
ไม่จริงหรอก...มันต้องไม่ใช่อย่างนั้นสิ คนที่นัดเธอมาคือภูมิรพีแล้วคนที่นอนด้วยจะกลายเป็นเสือได้อย่างไร คิดอย่างสับสนโดยไม่ทันได้สวมใส่เสื้อผ้า ประตูก็เปิดออกกว้างพร้อมพ่อพิมานและแม่มณีวรรณ นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านอีกนับสิบที่ช่วยกันตามหากนกนวดี
“กิ่ง! ว้าย!” แสงไฟฉายสาดเขามาในกระท่อม ทำให้คนทั้งสองรีบเหลียวมองหน้ากันเพื่อเช็คว่าคนที่นอนด้วยเป็นใคร
“ไอ้เสือ!!” ร่างบางตะโกนเสียงดัง แทบสิ้นสติเมื่อคนที่นอนด้วยคือคู่อริตลอดกาล!
