๕ เสียงลือดังสนั่น (๑)
๕
เสียงลือดังสนั่น
ปากจิ้มลิ้มเผยอค้าง ดวงตามองชายที่ร่างสูงนิ่งพยายามคิดว่าตัวเองอาจจะตาฝาดหรือเปล่า คนที่นัดมาคือภูมิรพีไม่ผิดแน่ แล้วทำไมทั้งเสียงและหน้าตาถึงเปลี่ยนไปเป็นอีกคนได้ล่ะ
มือบางกำผ้าห่มเอาไว้แน่น ค่อยเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ลำคอแหบแห้งพยายามจะเค้นเสียงแต่สิ่งที่ทำได้คือจ้องเสือไม่วางตา เกือบทรุดลงบนพื้นแล้วกับความจริงที่เกินรับไหว
ผู้ชายที่เธอมีอะไรด้วย...คือไอ้เสือ!
“ทะ ทำไม ทำไมเป็นนาย ต้องไม่ใช่สิ...มันไม่ใช่แบบนี้” ส่ายหน้าไม่ยอมรับความจริง ร่างหนารีบหยิบเสื้อมาสวมแล้วกัดฟันพูดเสียงเข้มอย่างแค้นเคือง เพราะเชื่อว่าคนที่เข้ามาคือมธุริน พร้อมทั้งน้ำเมาที่ดื่มเข้าไปไม่น้อย สติของเขาจึงไม่ครบร้อยทำให้พลาดในเรื่องเล็กน้อยจนได้
ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ทำให้เขามีความสุขหลายรอบ จะเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยพูดดีกันสักครั้งอย่างกนกวดี แทบจะทึ้งหัวตัวเองแต่ก็พยายามทำตัวลีบเมื่อคนข้างนอกจ้องไม่วางตา ขนมากันทั้งหมู่บ้านเลยหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ฉันก็อยากถามว่าทำไมเป็นเธอเหมือนกัน” พึมพำเสียงเบากับตัวเอง หน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วหันไปทางอื่นไม่อยากมองหน้าหญิงสาว เสียงครางหวานหูผุดขึ้นมาในความทรงจำตลอดจนต้องรีบสลัดทิ้ง
แม่วรรณกำมือแน่นมองชายหญิงทั้งคู่แล้วข่มความอับอาย ตอนแรกก็นึกกังวลว่าลูกสาวจะมีอันตราย แต่กลับมาพลอดรักกับผู้ชายในกระท่อมยามค่ำคืน
งามหน้าซะจริงลูกคนนี้
“รีบแต่งตัวแล้วกลับบ้าน” สั่งเสียงเข้มพร้อมปิดประตู
กนกวดีลนลานหยิบเสื้อผ้ามาสวมอย่างรวดเร็ว น้ำตาคลอเบ้าคิดถึงสิ่งที่จะตามมา หล่อนไม่กล้าหันไปมองเสือที่ยืนหลบอยู่อีกมุมด้วยซ้ำ
คนที่เกลียดกลับกลายมาพลาดท่าเสียที เธอพลาดเองที่ไม่ตรวจสอบให้ดีซะก่อนว่าเป็นภูมิรพี ได้กลิ่นเหล้าก็มั่นใจทันทีว่าคือนายอำเภอสุดหล่อ
พอแต่งตัวเสร็จก็รีบออกมาข้างนอก เธออับอายกับสายตาของชาวบ้านที่มองเป็นตาเดียว รีบหลบหน้าแล้วเดินไปสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ขับออกไปทันที พยายามไม่สนใจเสียงพูดคุยของคนกลุ่มใหญ่ซึ่งดังเข้าหูมาไม่ขาด
เช้าวันต่อมาข่าวดังของหมู่บ้านไม่พ้นเรื่องของกนกวดีและเสือเจ้าของร้านซ่อมรถ ร้านค้าที่เปิดขายกาแฟมักมีคนมาอุดหนุนในช่วงเช้า ถือเป็นแหล่งกระจายข่าวชั้นดีโดยไม่ต้องไปแต่ละบ้านให้เมื่อยเลยด้วยซ้ำ
เก้าอี้วางเรียงราย บนโต๊ะมีกาแฟและปาท่องโก๋ แต่กลายเป็นเครื่องดื่มเย็นชืดเพราะทุกคนให้ความสนใจเรื่องของลูกผู้ใหญ่บ้านพิมานกันหมด
“ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านกับลูกชายกำนันได้เสียกันที่กระท่อมเหรอ” ฟังจบก็อุทานเสียงดัง คนที่เหลือจึงตาโตรีบเข้ามาฟังด้วย คนเล่าซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ก็พูดอย่างออกรส มีแต่งเติมบ้างเรื่องจึงไปกันใหญ่ คนฟังพร้อมจะเชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง
“ดูสิ นังกิ่งมันยังไม่ใส่เสื้อผ้าเลย สงสัยมาเอากันตอนฝนตกคนจะได้ไม่รู้ ทำอะไรงามหน้าพ่อแม่จริงๆ” ส่ายหน้าทันทีด้วยความระอา ทุกคนต่างโยนความผิดให้ผู้หญิงโดยไม่คิดเลยว่ามันคือความเต็มใจของคนทั้งสอง ถึงเรื่องจะไม่เป็นอย่างที่กนกวดีและเสือต้องการ
“ฉันก็นึกว่ามันเกลียดกัน ที่ไหนได้มาพลอดรักกลางค่ำกลางคืน ไม่บอกพ่อแม่สักคำจนต้องพากันมาตามหา เจอกอดกับผู้ชายซะงั้น” หัวเราะร่วนพูดถึงเรื่องคนอื่นอย่างสนุกสนาน ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันแล้วพูดเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นซอยไปถึงท้ายซอย
“เดี๋ยวนี้หนุ่มสาวใจง่ายกันซะจริง ยังไม่ทันแต่งงานข้าวสารก็กลายเป็นข้าวสุกแล้ว แบบนี้ใครจะเอานังกิ่งไปทำเมียล่ะ”
คำถามนั้นไม่มีใครตอบได้ รู้เพียงแค่เช้าตรู่หลังวันเกิดเรื่อง บ้านก้องคำรามต่างก็ไปเยือนบ้านพ่อพิมานตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่ด้วยความร้อนใจ
สร้อยบุษบานั่งลงข้างเพื่อนสนิท ห้องรับแขกของบ้านแน่นขนัดไปด้วยคนสองบ้านที่มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านและกำนัน สองสิงห์มองหน้ากันนิ่งแล้วเบือนหนีไปทางอื่น ต่างจากภรรยานั่งข้างกันทันทีด้วยความสนิทสนม
ห้องรับแขกเป็นโซฟาไม้อย่างที่ยายแม้นชอบ ตรงกลางมีสองแม่นั่งด้วยกัน ส่วนโซฟาเดี่ยวพ่อทั้งสองก็นั่งตรงข้าม ลูกชายลูกสาวจึงนั่งอยู่พื้นที่ตรงกลาง กนกวดีก้มหน้าเงียบไม่กล้าพูดอะไร กลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำถูตัวเป็นชั่วโมงแล้วเข้านอนทั้งน้ำตา
ทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นดั่งใจสักนิด...
“เกิดอะไรขึ้นเหรอวรรณ” รีบถามอย่างรวดเร็ว ลูกชายไม่พูดอะไรแต่ตอนเช้าที่ใส่บาตรคนข้างบ้านกลับถามเรื่องเมื่อคืน นางจึงโทรหาเพื่อนสนิทแล้วรีบมาคุยโดยพาสามีมารับรู้ด้วย
“ฉันไปตามหานังกิ่งที่กระท่อมบึงบัว แล้วเจอสองคนนี้กำลังอยู่ในสภาพ...เอาเป็นว่าสองคนนี้ได้เสียกันที่กะท่อม” รวบรัดโดยเร็วไม่อยากพูดถึงเรื่องน่าอับอาย ไม่กล้ามองหน้าคนในหมู่บ้านด้วยซ้ำเมื่อลูกสาวไปทำงามหน้าเอาไว้
“จริงเหรอ!”
“เธอดีใจหรือตกใจ” มุมปากยกยิ้มของเพื่อนที่สนิทกันมานานทำให้ต้องถามย้ำอีกรอบ สร้อยบุษบารีบตอบ
“ดีใจ เอ่อ ตกใจสิ นึกว่าสองคนนี้เกลียดหน้ากันซะอีก เจอกันทีไรเป็นต้องตั้งแง่ใส่กันตลอดเลย” พยายามเก็บอาการดีใจเมื่อเด็กสองคนใจตรงกัน คิดมาตลอดว่าอยากดองกับเพื่อนแต่ไม่ต้องการบังคับจิตใจลูก
ทว่าเรื่องที่เกิดคงไม่อาจนิ่งเฉยได้
“ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เหลือบมองหนุ่มสาวที่นั่งก้มหน้าไม่พูดอะไร กนกวดีตาแดงก่ำตั้งแต่เช้า มองปราดเดียวก็รู้ว่าร้องไห้หนัก
คนที่ควรร้องไห้คือนางมากกว่า ไม่เคยคิดว่าแก่ปูนนี้จะต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเพราะลูกสาวตัวดีพลอดรักกับผู้ชายอยู่กระท่อม
“เอาล่ะ เล่ามาได้แล้วว่าเรื่องมันเป็นยังไง กิ่ง! หยุดร้องไห้ก่อนได้ไหม ร้องเหมือนโลกจะถล่มมาตรงหน้า” ร่างบางสะอื้นไห้แล้วยกมือเช็ดน้ำตาปอยๆ พยายามสั่งตัวเองไม่ให้ร้องแต่ยิ่งมองคนข้างกายที่ไม่ใช่ภูมิรพีก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
แผนพังไม่เป็นท่า!
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะแม่ ฮือ ทำไมครั้งแรกของฉันต้องเป็นนายด้วย ไอ้บ้า ไอ้คนทุเรศ ไอ้คนฉวยโอกาส ใครจะอยากเป็นเมียนายกันฮะ” ได้ทีก็หันมามองเสือแล้วรัวมือทุบไหล่หนาเพื่อระบายความเคียดแค้น ตนต้องตกเป็นประเด็นให้คนทั้งหมู่บ้านพูดถึง ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ
แต่สิ่งที่เจ็บกว่าคือการที่ต้องเป็นเมียของเสือ ค่ำคืนที่แสนมีความสุขของเธอพังย่อยยับหมดแล้ว
“โอ๊ย ฉันก็ไม่ได้อยากได้เธอเป็นเมียเหมือนกันนั่นแหละ กระท่อมมันมืดมองไม่เห็นแล้วเธอก็เอาแต่ครางฉันจะไปรู้ไหมว่าเป็นใคร” พยายามหลบแล้วรวบมือเล็กมาจับทั้งสองข้าง จ้องดวงหน้าหวานนิ่งเห็นเพียงน้ำตาที่ไหลเป็นสาย ทั้งยังมีน้ำมูกจนต้องผลักมือเธอออกให้จัดการตัวเอง
เขาเองก็อยากร้องไห้เหมือนกันนั่นแหละที่เซ็กส์แสนหวานเต็มไปด้วยความสุข อีกฝ่ายดันไม่ใช่มธุริน
คนที่นั่งฟังถึงกับอ้าปากค้าง สร้อยบุษบาอยากจะตีปากลูกชายแต่เพราะอยู่ไกลจึงส่งสายตาปรามอย่างเดียว ส่วนกนกวดีไม่อาจทนให้ชายหนุ่มใส่ร้ายตัวเองได้ รีบตอกกลับรักษาหน้าตาตัวเอง ถึงจะรู้ดีว่าเมื่อคืนหล่อนสมยอมและมีความสุขกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น
แต่ผู้ชายคนนั้นดันไม่ใช่คนใจ!
“ฉันไม่ได้ครางอย่างเดียว ก็บอกว่าอย่าๆๆๆ นายหยุดไหมล่ะ” เช็ดน้ำมูกน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว เอียงข้างเพื่อจะได้หันมามองดวงหน้าคมถนัด ยกมือขึ้นฟาดพร้อมอธิบายการกระทำของตัวเอง ทั้งที่รู้ดีว่าหล่อนเพียงแค่พูดตามอารมณ์ ไม่ได้อยากให้หยุดจริง
ถ้ารู้ว่าเป็นเสือก็คงถีบออกตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพียงแค่หล่อนรู้ช้าเกินไปจนทุกอย่างเกินเลยมาถึงขั้นวิกฤต
“อย่าๆๆ แต่กอดฉันไม่ปล่อย ใครมันจะเชื่อว่าไม่ให้ทำ” พอเจอโต้กลับหล่อนก็เผยอปากค้างพูดไม่ออก
ผู้ใหญ่ทุกคนต่างมองเด็กทั้งสองที่ทะเลาะกันด้วยใบหน้าระอา ไม่คิดต้องมานั่งฟังเรื่องในมุ้งของลูกตัวเอง
