ตอนที่ 13 : เด็กกำพร้า
เด็กกำพร้า
หลังจากที่เดินมาถึงตัวเขาแล้ว ข้าก็กล่าวกับเขาว่า
"หันมาได้แล้วเจ้า ข้าใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว"
เขาทำเสียง ฟู่~ ก่อนจะหันกลับมา โอ้วว~ คนในโลกนี้หน้าตาหล่อเหมือนกันหมดเลยไหมเนี่ย ดูสิ หน้าเรียวสวย คิ้วดกดำ ดวงตาโฉบเฉี่ยวสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากสีชมพู ร่างกายมีแต่มัดกล้าม ตัวก็สูงกว่าข้าอีก ผิวก็ขาวอย่างกับหิมะ ถ้าไม่ติดที่ใส่เสื้อผ้าอาภรขาดๆ คนเขาต้องนึกว่าเป็นคุณชายที่ไหนแน่ๆเลย
"อ้อ แล้วข้าก็ไม่ใช่แม่นางเสียหน่อย ข้าเป็นบุรุษ"
"หะ!!!แม่นาง เอ้ย เจ้าเป็นบุรุษหรือนี่" เขาใช้สายตาสำรวจข้าทั้งตัวก่อนจะกล่าว
"ใช่ ข้าเป็นบุรุษ แล้วเจ้าน่ะเป็นใคร... ทำไมต้องมาแอบดูข้าด้วย?"ข้ากล่าวตอบ
"ข้าเป็นคนที่อาศัยอยู่ที่นี่แค่มาอาบน้ำ แต่ข้าเห็นเข้าอาบอยู่จึงไม่ได้เข้าไปรบกวน กะว่าจะรอให้เจ้าอาบเสร็จก่อนค่อยมาอาบ" เขาตอบ แล้วข้าก็ถามต่อ
"เจ้าอยู่ที่นี่หรือ ในหุบเขานี่นะ?"
"ใช่" ตอบพร้อมพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อยืนยัน
"เจ้าอยู่ได้อย่างไร มันออกจะอันตราย" ข้าถามเขา ด้วยความสงสัย ใครจะไปกล้าอยู่ในป่าที่อันตรายนี้คนเดียวกันล่ะ? แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ก็คงมีแต่ชาวบ้านแถวนี้ที่อาศัยอยู่ บ้านเมืองแถวนี้ไม่เจริญเท่าใดนักกลัวแต่ว่าจะมีอันตรายรายรอบจนอยู่กันไม่ได้สิมากกว่า จนได้ฟังประโยคต่อมา
"ข้าก็อยู่มาตั้งแต่เกิดนั่นแหล่ะ"
"หะ! ตั้งแต่เกิด เช่นนั้นเจ้าคงอยู่กับท่านพ่อท่านแม่สินะ ดีแล้วล่ะ ดีๆ" ข้าเองก็นึกว่าเขาอยู่คนเดียวมาตลอดเชียว เช่นนี้ก็โล่งใจหน่อย
"เปล่าหรอก...ข้าอยู่คนเดียว พ่อแม่ข้าเสียตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ"
ข้าพยักหน้างึกงัก น่าสงสารเสียจริง ต้องอยู่ลำพังเดียวดายในสถานที่แบบนี้เขาอยู่มาได้อย่างไรกันนะ ทั้งที่ไม่มีท่านพ่อและท่านแม่คอยดูแล... แววตาของข้าอ่อนลงเพราะเห็นสีหน้าของเขาหมองลง ข้าไม่น่าถามออกไปแบบนั้นเลย
"ข้าขอโทษที่ถามนะ ...งั้นเจ้าไปอาบน้ำเถอะ ข้าจะไปหาที่นอนแล้วนี่มันก็ค่ำแล้วด้วย"
"อ่ะ... ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่รังเกียจไปนอนบ้านข้าก็ได้นะ แถวนี้ตกดึกชอบมีพวกสัตว์อสูรอันตรายเดินไปทั่ว" เขาตอบ ทำเอาข้าหูผึ่ง เพราะไม่ได้นอนที่ดีๆมาหลายวัน เห็นทีต้องรบกวนสหายคนใหม่เสียแล้ว
"เจ้าว่าอะไรนะ จะให้ข้าไปนอนบ้านเจ้าหรือ ข้าเกรงใจเจ้าจริงๆ"
"ไม่เป็นไร บ้านข้ามีข้าอยู่คนเดียว อีกห้องก็เป็นของท่านพ่อท่านแม่ที่เสียไปแล้ว" เขาตอบข้า เชิญชวนแบบนี้ไม่ไปก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
"เอ่อ เอาอย่างนั้นก็ได้ วันนี้คงต้องขอรบกวนเจ้าแล้ว"
ข้ายกมือคำนับเขาหนึ่งทีก่อนจะไปนั่งรอเขาอาบน้ำที่ใต้ต้นไม้ ข้ามองท้องฟ้าอยู่นานจาผล็อยหลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในบ้านของบุรุษปริศนาเสียแล้ว
"อือ ที่นี่ที่ไหน" ข้าพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับขยี้ตาเล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่น
"ตื่นแล้วหรือ มากินข้าวก่อนสิ ที่นี่บ้านของข้าเอง" เขานั้นตอบข้า
"อ๊ะ...จริงสิ ข้ายังไม่รู้จักชื่อท่านเลย ข้าชุนอี้ฟาน อายุสิบห้า มาจากเมืองชางแคว้นหาน ยินดีที่ได้รู้จัก" ข้าทักทายกลับไป
"ข้าชื่ออันหยางอี้ อายุสิบเจ็ด"
หยางอี้ตอบข้า
"อื้อ... เจ้าเป็นคนอุ้มข้ามาหรือ ขอบคุณนะ" ข้ากล่าวพร้อมยิ้มอ่อน
"ไม่เป็นไร ข้าเองก็ขอโทษด้วยที่ล่วงเกินเจ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าเสียก่อน"
"อ่า ไม่เป็นไร ว่าแต่เจ้ารู้จักทางไปหมู่บ้านหรือเปล่า อ้อ ต่อไปเรียกข้าอี้ฟานก็ได้ ข้าก็จะเรียกเจ้าว่าหยางอี้เหมือนกัน"
"อ่าได้ อี้ฟานข้าอยู่ที่นี่มาตลอดไม่เคยออกไปข้างนอกหรอก ข้าไม่รู้ว่าเมืองอยู่ที่ไหน" หยางอี้ตอบข้า
"อ้าวอย่างนั้นท่านก็เบื่อแย่นะสิ อยู่แต่ในบ้าน" ข้าตอบเสียงอ่อย
"ก็ไม่เท่าไหร่ ว่างๆข้าก็จะออกไปล่าสัตว์อสูรมากินบ้างน่ะ บางทีก็ทำการเกษตรบ้าง เลยไม่รู้สึกเบื่อ" หยางอี้ตอบข้า ข้าคิดสักพักก็นึกอะไรดีๆออก
"ออกไปกับข้าไหมล่ะ"
"ออกไป? ออกไปไหน" หยางอี้ถามข้าอย่าง งงๆ
"ก็ออกไปข้างนอกอย่างไรเล่า" ข้าลุกขึ้นยืนประจันหน้าของหยางอี้ ใจพลันตัดสินใจแล้วว่าจะชวนเขาไปด้วย
"แต่ว่า..." ข้าผายมือออกไปตรงหน้าหยางอี้ก่อนจะกล่าวกับเขาว่า
"ไปกับข้าไง ...นะ" ข้ายิ้มกว้างให้หยางอี้ แต่ทว่าหยางอี้ทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย
"คงไม่ได้หรอก ขอบคุณสำหรับน้ำใจของเจ้ามาก"
"อา...เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร กินข้าวกันเถอะ" ข้ากล่าวอย่างร่าเริงก่อนที่จะนั่งลงกินข้าว ความเป็นจริงแล้วข้าเพิ่งพบหน้าเขาไม่ควรชวนแบบนั้นเลยจากนั้นก็อยู่สนทรากับเขาอีกครู่หนึ่ง ไม่นานข้าก็ขอตัวเข้านอนเพื่อฝึกควบคุมอีกเหมือนเดิม พอข้าเข้ามาถึงข้างในจิตของตนเองแล้ว ข้าก็เริ่มฝึกต่อจนตอนนี้ข้าควบคุมพลังชั้น9ได้สี่ส่วนสิบแล้ว
ในเวลาไม่ถึงเดือน ก็ต้องถือว่าดีล่ะนะ พอควบคุมได้แล้วข้าก็ยังไม่เคยลองใช้มันสักที ไมย์บอกว่าให้ข้าควบคุมให้ได้แปดส่วนในสิบส่วนแล้วท่านพ่อจะได้ปลดพลังทูตสวรรค์อีกขั้นซึ่งก็คือขั้น8 ข้าเพิ่งจะรู้จากท่านพ่อว่าลำดับชั้นของเหล่าเทพสวรรค์เหล่านี้ไว้ 3 ชั้น (เอก, โท, ตรี) แต่ละชั้นก็มีอีก 3 ขึ้นที่ทำหน้าที่ต่างๆกัน
ดังนั้นจึงถือว่าทูตสวรรค์มีลำดับชั้นถึง 9 ลำดับ
ชั้นตรีมี3ระดับซึ่งก็คือ
-ระดับ9 แองเจิล นางฟ้า / เทวดารับใช้หรือทหารคอยดูแลปกป้องมนุษย์ในโลกมนุษย์ [2 ปีก]
-ระดับ8 อาคานเจล หัวหน้าของแองเจิลคอยควบคุมดูแลและรักษา [2 ปีก]
-ระดับ7 พรินซิพาลิส ขุนนางขนาดเล็กที่คอนสั่งการอาคานเจลอีกที [2 ปีก]
ชั้นโท3ระดับ
-ระดับ6 พาเวิสร์ เป็นแม่ทัพสวรรค์พวกที่คอยต่อสู้กับปีศาจ [2 ปีก]
-ระดับ5เวอร์ทรูคอยตัดสินความดีและความชั่วของดวงวิญญาณที่ตายแล้ว [4 ปีก]
-ระดับ4 โดมิเนท ขุนนางตำแหน่งใหญ่คอยมอบหมายงานและสั่งการตามประสงค์ของพระเจ้า [4 ปีก]
ชั้นเอก3ระดับ
-ระดับ3 โทรเนส ผู้ที่เป็นองครักษ์ของพระเจ้าที่คอยคุ้มกันด้านหน้าให้พระองค์ [4 ปีก]
-ระดับ2เครูบิมกองกำลังที่ขึ้นตรงต่อพระเจ้าพวกนี้จะไม่ทำอันใดเลยนอกจากพระเจ้าจะสั่ง [4 ปีก]
-ระดับ1 เซราฟิมอง ครักษ์เงาคอยตามรับใช้พระเจ้าตลอดเวลายกเว้นเวลาที่พระองค์ไม่ต้องการให้ตาม [6 ปีก]
"ท่านพ่อ ท่านมีพลังทูตสวรรค์ขั้นไหนกันขอรับ" ข้าเอ่ยถาม
"ข้ามีพลังชั้น 1 เซราฟิม" ท่านพ่อตอบข้า คำตอบนั้นทำให้ข้าตาโต
"มากขนาดนั้นเลยหรือท่านพ่อ"
"ใช่แล้ว แต่เจ้าจะต้องฝึกอย่างหนัก เพราะตัวเจ้าจะต้องรองรับพลังแบบข้าให้ได้ ทว่าเจ้าในร่างกายนี้คงไม่สามารถรับพลังระดับสูงกว่าอาคานเจลได้" ข้าพยักหน้าก่อนจะลงไปนั่งฝึกต่ออย่างน้อยท่านพ่อก็บอกว่าพลังของเทพสวรรค์นั้นทรงพลังกว่าเผ่าอื่น แม้จะเป็นระดับแองเจิลก็ทำให้คนบนโลกนี้หวาดกลัวได้ เวลาค่อยๆผ่านไปจนถึงเช้าตรู่ของวันต่อมา ข้าตื่นขึ้นมาทานข้าวพร้อมกับหยางอี้ ข้าตกลงกับเขาว่าจะออกเดินทางในวันนี้
"จริงสิ...หยางอี้ ท่านใช้เวทย์เป็นหรือไม่?" ระหว่างนั้นก็ได้ถามขึ้นมาเพราะคนๆนี้อยู่ในป่าที่อันตรายเช่นนี้เขาคงไม่ได้แต่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆหรอก น่าจะเป็นผู้มีพลังเวทย์ด้วย
"เป็นสิ ท่านพ่อท่านแม่ข้าสอนไว้ แต่ก็ได้แค่พื้นๆเท่านั้น"ข้าพยักหน้าแล้วถามต่อ
"แล้วท่านรู้ระดับพลังเวทย์และธาตุของตัวเองหรือยัง?"
"ข้ามีระดับผู้ใช้เวทย์สีเทาขั้นห้า มีธาตุแสงบริสุทธิ์" หยางอี้ตอบข้า โอ้ไม่เลวเลย
"เยี่ยมเลย มิน่าเจ้าถึงอยู่ที่นี่ได้ เช่นนั้นข้าก็หายห่วงแล้วล่ะ"
"รีบกินเถอะ ข้าจะไปส่งเจ้าเอง" ข้าเข้าใจว่าข้ากับเขาไม่ได้คุ้นเคยกัน แต่เขากลับเป็นคนดีมากคนหนึ่งที่เคยพบ
"เช่นนั้นข้าก็หวังว่าจะได้พบเจ้าอีกนะ" ร่ำลาหยางอี้เสร็จก็ออกเดินทางต่อ
ข้ากล่าวแล้วยิ้มกว้าง หลังจากทานเสร็จข้าก็ออกเดินทาง หลังจากที่มาถึงสุดเขตที่หยางอี้บอกไว้แล้วข้าก็เลยเลือกที่จะเดินไปตามริมแม่น้ำแทน เพราะข้าคิดว่ามันจะต้องมีหมู่บ้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำแน่นอน
ระหว่างเดินทางข้าก็นึกถึงท่านพ่อท่านแม่และทุกคน โดยเฉพาะท่านพี่ไป๋หยาง หากเขามาด้วยจะดีแค่ไหนกันนะ... สองคนเดินเคียงคู่อยู่ข้างกัน แค่คิดก็มีความสุขแล้ว... เดินมาไม่นานก็พบหมู่บ้านพอดี ที่หมู่บ้านนี้จากที่ข้าดูแล้วคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นักประมาณยี่สิบกว่าครัวเรือนได้ แต่ที่แปลกคือบ้านช่องดูเหมือนโดนทำลายบ้างในบางจุดเห็นแล้วเหมือนเกิดเรื่องอะไรมาไม่นาน พอข้าเดินมาถึงร้านน้ำชาแห่งหนึ่งก็เข้าไปนั่งพักเพราะมีร้านนี้เปิดเพียงร้านเดียว
"เถ้าแก่ ขอขนมกับชาสักชุดได้หรือไม่"
"ได้ๆ มาแล้วๆ" น้ำชาและขนมถูกยกมาให้ แม้ร้านนี้ไม่ใช่ร้านหรูอะไรแค่ร้านข้างทางเล็กๆมีโต๊ะนั่งเพียงสองโต๊ะ แต่ขนมอร่อยไม่เบาทีเดียว
"เถ้าแก่ ข้าขอถามอะไรหน่อยได้หรือไม่... ที่นี่เพิ่งมีการต่อสู้กันหรือ" หลังจากที่ถาม เฒ่าแก่คนนั้นแววตาสั่นไหวเหมือนหวาดระแวงจนข้าต้องเอ่ยต่อ "อย่าได้ตกใจไปๆ ข้าเพียงเห็นร่องรอยการต่อสู้น่ะจึงได้ถาม"
"ไอหยา...พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เจ้าเป็นคนนอกอย่าไปอยากรู้อยากเห็นนักเลยเลย" เขาทำสีหน้าลำบากใจอีกครั้งก่อนจะมีเสียงของร้องตะโกนโหวกเหวกดังขึ้น
"หัวหน้าหมู่บ้านๆ แย่แล้วๆ" มีคนผู้หนึ่งรีบวิ่งมา ดูท่าว่าเฒ่าแก่คนนี้คงเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่ว่าเป็นแน่
"ให้ทุกคนมารวมกันที่บ้านข้า" ข้าได้ยินที่พวกเขากระซิบกันก่อนจะโดนไล่ไปด้วยความรีบเร่ง "ไปๆเจ้าไปได้แล้วพ่อหนุ่ม อย่ารั้งอยู่ที่นี่เลยเดี๋ยวจะเดือดร้อน ไปๆ"
หลังจากข้าโดนไล่ออกมา ข้าก็รีบออกมาจากหมู่บ้านเพื่อสังเกตุการณ์ต่อ จากที่ข้าออกมาแล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงชาวบ้านที่ไปรวมกันที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านถูกล้อมไปด้วยกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ข้านั่งอยู่ตรงนั้นและจับใจความได้ว่า กลุ่มคนพวกนี้มาเพื่อรับส่วยจากหมู่บ้านนี้เป็นการคุ้มครอง ซึ่งมันคงเป็นเรื่องปกติของหมู่บ้านที่ห่างไกลเช่นนี้ ผ่านไปไม่นานนักก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อข้าได้พบหยางอี้อีกครั้ง ทำไมเขามาอยู่ที่นี่!!
“หัวหน้า ข้าไปเจอเจ้าคนนี้อยู่ท้ายหมู่บ้าน” เสียงลูกน้องของพวกโจรเก็บส่วยพูด หัวหน้าพวกมันพยักหน้าแล้วให้คนนำหยางอี้ไปนั่งกับชาวบ้าน จากนั้นหัวหน้ามันกระซิบลูกน้องให้พูดอะไรบางอย่าง สักพักหัวหน้าชาวบ้านก็พูดขึ้น
“นายท่านพวกข้าไม่มีของมีค่าแล้วจริงๆ เข้าใจพวกข้าด้วยเถอะนายท่าน”
“แล้วอย่างไร ข้าบอกให้เอามาก็ต้องเอามา ไม่เช่นนั้นพวกเข้าจะโดนแบบนี้” จากนั้นก็มีพวกโจรคนหนึ่งจับชาวบ้านคนหนึ่งมาแล้วเริ่มรุมซ้อม
“เดี๋ยวก่อน! ปล่อยเขาไป” ฉับพลันหยางอี้เดินออกมาจากกลุ่มคน จากนั้นหัวหน้าโจรก็กระซิบกระซาบให้ลูกน้องฟัง สักพักก็มีคนมารายล้อมหยางอี้ไว้ แล้วเริ่มรุกเข้าไปทำร้าย แต่หยางอี้ต้านไว้ได้ จนมีลูกน้องมันจับชาวบ้านมาเป็นตัวประกัน ข้าจึงตัดสินใจออกตัวเข้าช่วยเหลือ ฉับพลันข้าให้พลังของความไวเข้าประชิดตัวพวกโจรจนมันล้มลงเหลือเพียงดาบจ่อที่คอหัวหน้าพวกมัน ดวงตาของมันตื่นตระหนกมาก จนสงสัยว่านี้ใช่หัวหน้าหรือไม่
“ปละ...ปล่อยข้าไปเถอะข้าเพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นนายท่าน” มันดูหวาดกลัวข้าเป็นอย่างมาก ที่แท้ก็พวกปลายแถว
“กลับไปบอกเจ้านายของเจ้าเสีย ว่าอย่ากลับมาอีก” ข้าส่งเสียงเหี้ยมบอกออกไปเพื่อขู่เพราะปิดหน้าอยู่ด้วย
“ขอรับๆ ขะ...ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้” จากนั้นก็ปล่อยผู้เหลือรอดไป ก่อนหันกลับมาหาหยางอี้
”เจ้าเป็นบ้าหรืออย่างไร เจ้าไม่กลัวชาวบ้านเขาโดนลูกหลงหรืออย่างไร!”
