ไมเกรนจะขึ้น
ร่างเล็กดันหลังพร้อมรักให้ขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ที่ตนโบกให้จนสำเร็จ แต่กว่าจะบังคับให้ขึ้นได้ก็แทบปาดเหงื่อ เพราะไอ้บ้านั่นหัวสูงลิบ ยืนยันว่าจะไม่นั่ง แต่ก็นั่นแหละ ไม่เกินความสามารถของเธอ สุดท้ายเขาก็ต้องยอม
เมื่อจัดการกับตัวปัญหาจนเสร็จ เธอนั่งรอให้รถลากมาลากรถของเธอไปเข้าอู่ กว่าจะจัดการเสร็จก็กินเวลาไปเกือบเที่ยง แถมได้ข้อสรุปว่าอะไหล่รถที่เธอขับนั้นต้องรอเป็นเดือนเลยกว่าจะมาถึง เนื่องจากรถของเธอมันค่อนข้างที่จะเก่า และไม่ค่อยมีใครนิยมขับกันแล้ว ไม่สิ ไม่มีคนใช้กันแล้วด้วยซ้ำ อะไหล่ก็เลยหายาก
ครืด ครืด!!
‘คุณอาแพรนวล’
ในขณะที่เธอกำลังซื้อน้ำดับร้อนอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นทันที จึงรีบล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนด้านหลังขึ้นมากดรับ
“ค่ะคุณอา”
[หนูซิม...เป็นไงบ้างจ้ะ...ราบรื่นดีไหม] ราบรื่นกับผีน่ะสิ ซิมปอร์เอ่ยกับตัวเองในใจ
“เอ่อ...คุณอาคะ...ซิมขอยกเลิกได้ไหมคะ...คือ...” เธอกล่าวด้วยความลำบากใจ ไม่ค่อยกล้าที่จะพูดมันเท่าไหร่
[ทำไมล่ะจ๊ะ...หรือว่าเงินที่อาให้ไปไม่พอ...งั้นหนูซิมต้องการเท่าไหร่บอกอาได้เลยนะ...แต่ขอเถอะจ้ะ...แค่กๆๆๆ] นี่ไง เสียงไอมาแล้ว ซิมปอร์คิด
“ไม่ใช่เรื่องเงินหรอกค่ะคุณอา...”
[หนูซิม...อย่ายกเลิกเลยนะจ๊ะ...อาขอร้อง...ถือว่าทำบุญกับคนใกล้ตายเถอะนะ] แล้วแพรนวลก็ใช้ความเป็นความตายหยิบยกขึ้นมา แบบนี้เธอจะกล้าปฏิเสธได้ยังไงล่ะเนี่ย
“ค่ะคุณอา...ทำก็ทำค่ะ...”
[แม่พระมาโปรด...ขอบใจหนูซิมมากๆ เลยนะจ๊ะ...งั้นเดี๋ยวอาจะโอนเข้าบัญชีให้หนูอีกสักแสนดีไหม...เผื่อเป็นค่าเสียขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องคอยปวดหัวกับไอ้เจ้าลูกชายของอา] พูดร่ายยาวเสร็จสรรพ จากนั้นก็กดวางไป พร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทที่เด้งเข้าบัญชีเธอ
“ฮือ...ซิมนะซิม...ยัยบ้าเอ๊ย...ไม่น่าหลงเข้ามาเลย...วิวาห์ฉันเข้าใจความอึดอัดใจของแกแล้ว...ขอโทษที่เคยบ่นแก...” ว่าแล้วก็เท้าความไปถึงเพื่อนรัก ที่เมื่อก่อนไม่ว่าจะทำอะไร วิวาห์ก็จะไม่ค่อยปฏิเสธ จนเธอแอบหงุดหงิดเพื่อนรักอยู่บ่อยๆ พอมาวันนี้เจอกับตัว ถึงรู้ว่าเพื่อนรักของเธอเก่งและอดทนแค่ไหน และไม่ใช่ว่าแพรนวลเป็นคนไม่ดีนะ เป็นคนดีแหละ แต่แค่ชอบมัดมือชกจนยากที่จะกล้าปฏิเสธ
ครืด ครืด ครืด!!
เสร็จจากแม่ก็ยังมีลูก เมื่อสมองกำลังแบกรับความเครียด อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์จากพร้อมรักก็ดังขึ้นในเวลาต่อมา ทำเอาร่างบางถึงกลับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ตามด้วยกล่าวขึ้นกับตัวเองว่า
“อะไรกันนักหนาวะเนี่ย!!” ปากบ่นแต่มือกดรับไปแล้วเรียบร้อย สงสัยเวรกรรมของวิวาห์ตอนนี้จะย้ายมาอยู่ที่เธอซะแล้วล่ะมั้ง เมื่อก่อนด่ามันไว้เยอะ สุดท้ายก็ต้องมาเกี่ยวพันด้วยจนได้
[ซิม...มาจ่ายเงินค่าบุฟเฟ่ให้หน่อยดิ]
“ว่าไงนะ?”
[เดี๋ยวส่งโลเคชั่นไปให้นะ ฉันสั่งเผื่อเธอแล้วด้วย...รีบมานะจุ๊ฟๆ]
“จุ๊ฟๆ บ้าอะไร โอ๊ย...ปวดหัว...ไมเกรนฉันจะขึ้นไหมวะเนี่ย!!” เธอรีบตัดสายแล้วบ่นกับตัวเอง พร้อมกับยกมือขึ้นเสยผมด้วยความหัวเสีย ก่อนที่จะรีบโบกแท็กซี่ไปตามที่พร้อมรักส่งมา
“ซิม!!” เด็กเลวนั่นโบกไม้โบกมือเรียกเธออยู่ที่มุมร้าน แหม เลือกนั่งโซนวีไอพีซะด้วย งานนี้คงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกับไอ้เด็กเลวตัวดีนี่สักทีล่ะมั้ง จะได้เลิกทำตัวเหลวไหลแล้วก็หันมาตั้งใจเรียนสักที
“ไอ้พร้อม...แกทำบ้าอะไรของแก แล้วฉันให้เงินมาทำไมไม่จ่ายเอง” เธอเดินดุ่มๆ ไปนั่งฝั่งตรงข้ามเขา พร้อมกับบ่นด้วยความหงุดหงิด แต่มีหรือที่คนกวนประสาทอย่างพร้อมรักจะแคร์ คีบนั่นคีบนี่เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยไร้ความสะทกสะท้าน
“น้องๆ ขอเบียร์เย็นๆ ด้วย” เอาเข้าไป นอกจะจะไม่สนใจคำด่าทอของเธอที่พ่นออกมาแล้ว ยังตีมึนเรียกพนักงาน แล้วสั่งของมาเพิ่มอีก
“แล้วสั่งมาเนี่ยกินหมดหรือไง รู้ไหมว่าถ้ากินไม่หมดโดนปรับนะ”
“แล้วเธอจะบ่นทำไมเนี่ย...เธอก็จ่ายสิ...แม่ให้มาดูแลฉันนะเว้ย...ทำงานให้คุ้มเงินหน่อยสิ”
“แต่ฉันไม่ได้มีหน้าที่มาจ่ายตังค์ค่าอาหารให้แก...งั้นก็จ่ายเอง...”
“อย่าใจร้ายได้ปะ...แค่ไม่กี่พันเอง...”
“งั้นก็กินเข้าไปให้หมด แล้วต่อไปนี้ฉันจะบอกคุณอาว่าแกร้างผลาญเงินฉันแค่ไหน”
“ขี้ฟ้องว่ะ...”
“มื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายที่แกจะกินฟุ่มเฟือย ต่อไปนี้ฉันจะควบคุมการเงินของแกทุกบาททุกสตางค์”
“โอ๊ยจะบ้าตาย...นี่ฉันมีแม่คนที่สองหรือไงวะ...โคตรน่าเบื่อเลย...หนีออกจากบ้านเพราะแม่บ่นยังมาเจอเธอบ่นอีก ใจดีกับคนอกหักแบบฉันหน่อยไม่ได้หรือไง”
“แล้วไปเรียนมีการบ้านหรือเปล่า ไหนเอามาดูซิ”
“วันแรกใครเขามีการบ้าน”
“ถ้าโกหก...จ่ายค่าอาหารเอง...ดีเหมือนกันร้านนี้กำลังต้องการพนักงานล้างจานพอดี” ว่าแล้วเธอก็ตวัดสายตาไปที่ป้ายรับสมัครพนักงานชั่วคราวแล้วดูจากแววตาของซิมปอร์แล้ว เธอดูท่าจะเอาจริง ซึ่งแน่นอนว่าพร้อมรักเองก็คงไม่กล้าหืม แอบคาดโทษเธอไว้ในใจอยู่เหมือนกันว่าถ้าออกจากร้านไปได้เจอเขาพยศจนหนักใจกว่านี้แน่ๆ
“มีวิชาบูรฯที่เธอลงให้นั่นแหละ แล้วดูเลือกลงวิชาช่วยจริงหรือเปล่าเนี้ย...เรียนวันแรกก็ปวดหัวเลย”
“บ่นทำไม ก็แกบอกให้ฉันลงให้ ถ้างั้นทำไมไม่ลงเอง มัวแต่กินเหล้าอยู่นั่นแหละ ถามหน่อยเฮิร์ทแล้วมันได้อะไรขึ้นมาไม่ทราบ ทำตัวเองทั้งนั้น”
จึ่ก!!
เหมือนถูกมีดคมๆ กรีดลงกลางใจ เมื่อซิมปอร์ตอกย้ำเรื่องราวที่เขาทำพลาด โดยที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย
“ถ้าไม่เลิกพูดเรื่องของฉัน...ฉันจะจูบเธอให้ปากแตกกลางร้านนี่เลย” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น หวังขู่ให้เธอสงบปากสงบคำลง ไม่อยากให้เธอต้องมาพูดถึงเรื่องนี้อีก รู้แหละว่าทำพลาดอย่างมหันต์ แล้วนั่นก็นับเป็นบทเรียนของเขาที่ต่อจากนี้ถ้าเจอคนที่ดีแบบวิวาห์ ก็คงไม่คิดที่จะทำมันพลาดอีก
ทั้งคู่นั่งกินอาหารที่พร้อมรักเป็นคนสั่งมาเงียบๆ จนเสร็จซิมปอร์ก็ลุกไปจ่ายตังค์ จากนั้นก็โบกแท็กซี่กลับคอนโด
“ไหนการบ้าน...เอามาดูดิ” เธอกล่าวขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องของพร้อมรัก ห้องรกๆ ที่มีแต่อะไรก็ไม่รู้วางระเกะระกะเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเสื้อ กางเกงที่วางพาดไม่เป็นที่ กระป๋องเบียร์ที่นอนเรียงกันบ้างก็ล้มกลิ้งอยู่เต็มพื้นไปหมด บวกกับพวกจานชามที่กินแล้วก็ไม่รู้จักล้าง เห็นแล้วก็ไมเกรนแทบขึ้น รับไม่ได้อย่างแรง
“ไม่ต้องยุ่งเดี๋ยวฉันทำของฉันเอง...ส่วนเธอนู้น...ไปทำความสะอาดห้องให้หน่อย...เห็นไหมว่ามันรก” พร้อมรักกล่าว ทำเอาซิมปอร์ถึงกับหน้าเหวอ
“เดี๋ยวนะ!! แกเป็นคนทำรกเอง ทำไมฉันต้องเป็นคนทำด้วย” ร่างเล็กถามขึ้นด้วยความหัวเสีย
