ตอนที่2. จำไม่ได้
“พี่ใหญ่” หงเซ่อหันไปทางมู่ลี่หยางอย่างร้อนรน “อย่าถามอะไรพี่สาวเลย ท่าทางนางเจ็บปวดมาก”
มู่ลี่หยางพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเห็นพ้องกับน้องสาว ประคองให้หญิงสาวแปลกหน้าลงนอน
“เจ้าพักผ่อนก่อน อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย”
ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเขาจนชายหนุ่มหายใจลำบาก นางไม่เหมือนหญิงสาวชาวบ้านเลยสักนิด แววตาหยิ่งทะนงและแม้อยู่ในเสื้อผ้ามอซอแต่กลับไม่อาจปกปิดความงามของนางได้เลย
“ไม่ต้องห่วงนะ ที่ผ่านมาข้าเป็นคนดูแลพี่สาวเอง”
หงเซ่อลูบผมหญิงสาวเบาๆ ท่าทางของนางเหมือนมารดาที่ปลอบโยนลูก แต่นางคงลืมไปว่าตนเองอายุเพียงสิบสองขวบเท่านั้น อาจเพราะนางต้องดูแลเด็กๆ ในบ้านอีกหลายคน จึงทำตัวเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้
“ที่นี่เป็นบ้านของท่านหมอมู่จางหมิ่น นี่พี่ชายข้าชื่อมู่ลี่ หยาง ส่วนข้ามู่หงเซ่อ ในบ้านยังมีเด็กๆอีกหลายคน แต่พี่สาวไม่ต้องกลัวนะ พวกเราเป็นเด็กกำพร้าที่ท่านหมอมู่เก็บมาเลี้ยง คนในบ้านนี้จึงแซ่มู่กันหมด เพราะฉะนั้นพี่สาวพักผ่อนให้สบายใจเถิด” หงเซ่อยิ้มจนดวงตาหยีเล็ก
“พี่สาวชื่ออะไร”
“ชื่อ?”
“ใช่!ชื่อที่คนอื่นเรียกเจ้านะ” ทั้งที่บอกว่าจะไม่ถาม แต่เด็กหญิงก็อดไม่ได้
“ชื่อ?” นางนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “ไม่-รู้”
“หา!”
มู่หงเซ่อหันไปทางพี่ใหญ่ เขายืนนิ่งมองด้วยความรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างหงเซ่อนึกได้รีบยกมือขึ้นปิดปาก นางเผลอส่งเสียงดังเกินไป คนป่วยเองก็ตกใจไม่น้อย พี่ชายใช้สายตามองอย่างปรามน้องสาว
“ค่อยๆคิดไม่ต้องรีบร้อน”
เสียงทุ้มเอ่ยให้กำลังใจ ยิ่งเห็นนาง ยกมือกุมศีรษะไปมาร่างบางดิ้นทุรนทุรายได้ความเจ็บปวดเหมือนถูกโบยตีด้วยแส้ที่มองไม่เห็นชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามากดไหล่สองข้างให้นอนแนบบนฟูกนอน เขาออกจะประหลาดใจที่รู้สึกถึงเรียวแรงที่มากมายกว่าที่คิดไว้ นางพยายามขืนตัวให้หลุดพ้นจากการควบคุมของอีกฝ่าย หญิงสาวตกใจจนกระโดดหนีไปยืนอีกมุมหนึ่งของห้องหญิงสาวสะบัดศีรษะไปมาจนเส้นผมยาวสยายสะบัดไปมา ชายหนุ่มรวบมือสองข้างของหญิงสาวไว้ด้านหลังก่อนใช้วงแขนรัดเธอไว้ริมฝีปากเขากระซิบคำปลอบโยนที่ริมหูจนอีกฝ่ายสงบลง เขารู้สึกได้ถึงชีพจรที่เริ่มเต้นสม่ำเสมออีกครั้ง
“ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าปลอดภัยแล้ว ไม่เป็นไร”
“พี่ลี่หย่างเกิดอะไรขึ้น นางถูกผีเข้าหรือ?”
“เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล” มู่ลี่หยางดุน้องสาว “เจ้าไปดูสิว่าพ่อบุญธรรมกลับมาหรือยัง”
“ได้ ข้าจะไปรอหน้าบ้าน” เด็กหญิงกระโดดขึ้นทันที นางรีบสาวเท้าเดินออกมาถึงหน้าประตูแล้วหันกลับมา
“พี่ใหญ่แน่ใจนะว่าไม่ต้องตามนักพรตมาไล่ผี”.
...
เสียงคนสนทนาอยู่ไม่ไกลเกินที่คนที่นอนอยู่บนฟูกได้ยิน เพียงแต่หญิงสาวเลือกไม่ใส่ใจกับประโยคเหล่านั้น ทำได้ลืมตามองมุมหนึ่งของห้อง แมงมุมกำลังชักไยอย่างขยันขันแข็ง หน้าต่างบานนั้นอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะเจาะ รับแสงอาทิตย์ที่สาดเข้ามาทำให้ห้องได้กลิ่นหอมของแสงแดด แต่นางกลับรู้สึกหงุดหงิด แม้จำอะไรไม่ได้แต่รู้ว่าตนเองไม่ชอบแสงสว่างมากเกินไป
“เจ้าเป็นคนพานางมา เจ้าตัดสินใจเอาแล้วกัน” มู่จางหมิ่นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“นางเป็นสตรี” มู่ลี่หยางเอ่ยอย่างจนใจ
“หงเซ่อก็เป็นสตรี” พ่อบุญธรรมหัวเราะเบาๆ มู่จางหมิ่นมองลูกชายตัวโตแล้วยื่นมือไปแตะไหล่ “เจ้าเป็นพี่ใหญ่ เรื่องดูแลน้องๆ เป็นเรื่องของเจ้า”
“ขอรับ ท่านพ่อ” มู่ลี่หย่างทำได้แค่รับคำ ถึงอย่างไรเขาไม่สามารถทอดทิ้งนางในสภาพนี้ได้ “นางจะเป็นเช่นนี้อีกนานไหมขอรับ”
“ความจำเสื่อม... อาจจะชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ ทางที่ดีรีบตามหาญาติพี่น้องของนางดีกว่า”
มู่ลี่หยางอ้ำอึ้งไป มิใช่เขาไม่อยากตามหาญาติของนาง แต่สภาพที่เขาเจอนางน่าเวทนานักเหมือนถูกคนเอามาทิ้งเสียมากกว่า
“เจ้าคิดว่านางถูกนำไปบูชาเจียงซิงบนภูเขาสินะ”
“พ่อบุญธรรม...”
“นอกเจ้าเจ้าแล้วจะมีใครกล้าขึ้นเขาในช่วงนี้”
“ข้าแค่ไปหาสมุนไพร” เขาอับจนถ้อยคำ