ตอนที่ 3
กุหลาบดอกนั้น 2
“ก็มันขายไม่ออก จะเก็บเอาไว้ทำไม ถึงขาดทุนแต่มันก็เป็นเงิน กำขี้ดีกว่ากำตด อั้วต้องกำเงินไว้ก่อน”
เจ้าของร้านส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ ซ้อนทับกับหน้าอากงในตลาดเวลามองไก่ก่อนวันไหว้ตรุษจีน ฉันมองแป๊ะสลับกุหลาบม่วง
“ไม่ต้องห่วง ลื้อได้ของดี”
“ของดีแต่แป๊ะเอามาขายเนี่ยนะ”
คิ้วฉันขมวด ส่งความไม่เชื่อใจให้เห็น แป๊ะหัวเราะร่วน
“ของแต่ละอย่างมันเหมาะจะอยู่กับแต่ละคน เอาล่ะมันเป็นของลื้อแล้ว”
โถแก้วถูกยัดใส่มือฉัน น่าแปลกที่น้ำหนักมันเบามาก ที่คิดว่าทำจากปูนปั้นทาสีหรือกระเบื้องน่าจะไม่ใช่ เบาขนาดนี้ กลีบเข้มหนาสีม่วงสดชัด น่าจะทำจากผ้ากำมะหยี่
อีกมือฉันหยิบธนบัตรจากกระเป๋ายื่นให้เหมือนต้องมนตร์
“สินค้าร้านอั้วซื้อแล้ว ไม่รับคืนทุกกรณีนาอีหนู”
แป๊ะรีบเก็บธนบัตรใบละห้าร้อยบาทลงเก๊ะ
“โหย...หนูโดนหลอกขายหรือเปล่าเนี่ย คืนของก็ไม่ได้”
ฉันอยู่ในสภาพมือหนึ่งโอบโถกุหลาบในอ้อมกอด อีกมือถือถุงใบใหญ่ที่ใส่ชา ดูเหมือนของแถมจะคุ้มกว่าของซื้อเสียอีก
“บอกแล้ว ลื้อได้ของดี”
แป๊ะรุนหลังฉันออกจากร้าน เปิดประตูออกมา ลมสดชื่นหลังฝนตกลอยปะทะหน้า เสียงความวุ่นวายจอแจของเยาวราชแว่วกระทบหู
“จำเอาไว้ เจ้าของกุหลาบนี่รักมันมาก”
ฉันหันกลับมา ประตูร้านงับลง ไฟในร้านกลับปิดเงียบ ลองผลักประตูไม่เขยื้อน คิดได้อย่างเดียว
ถูกหลอกซื้อของซะแล้วอ่ะ
คืนแรกเพื่อความปลอดภัยจากสิ่งไม่มีตัวตน ฉันถึงอัญเชิญเอาจี้พระไปวางข้างโถกุหลาบ ก่อนทึ้งผมในความโง่ตัวเอง แป๊ะบอกเป็นของฝรั่ง บางทีผีติดมาอาจไม่เก็ตกับพระไทย
ฉันลงทุนไปซื้อไอติมสองแท่งมาจากเซเว่น ยอมกิน เสี่ยงเพิ่มไขมันร่างกาย เพื่อเอาไม้มาขัดทำไม้กางเขน ทุ่มเทไหมล่ะ ยอมอ้วนเลยนะ
สงสัยไม้กางเขนได้ผล ตั้งแต่ได้กุหลาบมาไม่ฝันอะไรเลย ข้าวของในคอนโดฯก็ปรกติ ไม่มีเจออะไรล้มระเนระนาด
แต่ของจริงเริ่มเกิดขึ้นในคืนพระจันทร์เต็มดวง ฉันเริ่มฝันถึงเมืองยุโรปโบราณที่ไหนสักที่ ในฝันฉันอาศัยอยู่กระท่อมในป่าทึบ ผู้คนรังเกียจและหวาดกลัว
ฉันอยู่เพียงลำพังกับสวนสมุนไพร หม้อต้มยา ชั้นวางของที่มีพืชพรรณแห้ง ๆ และแมวดำชอบเดินพันแข้งพันขาอีกตัว
ทีแรกคิดว่าตัวเองฝันซ้อนกับเกมผจญภัยยุโรปยุคกลางที่เล่น ประเภทอัศวิน เจ้าหญิง เจ้าชาย พ่อมด
เดาจากสภาพกระท่อม อาชีพฉันในฝันคือแม่มด ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ มีผู้ชายเข้ามา ฉันในฝันเรียกเขา
“สเวน”
ไม่ต้องแนะนำอาชีพ รู้ได้จากการแต่งกาย ท่าทางและบรรยากาศกดดัน แต่ดูพึ่งพาได้ ไหนยังจะใส่เกราะ เขาเป็นอัศวินแน่
ฉันไม่เห็นหน้าเขา เหมือนใครเอาสีดำละเลงเละเทะบนกระดาษปิดบังใบหน้า มีเพียงดวงตาสีฟ้าทอประกายที่ทำให้ใจเต้นแรง
“เจ้า...”
เขาเรียกฉันแบบนี้ เลยไม่รู้จักชื่อตัวเองเสียที แต่เห็นเงาตัวเองในกระจกทองแดงขัดมัน หน้าขาวตาเรียวหมวยเหมือนเดิมเลย
โธ่เอ๊ย! ฝันธีมยุโรปทั้งทีขอหน้าฝรั่ง ๆ บ้างสิ สมองนี่ช่างกระไรจะชาตินิยมต่อเผ่าพันธุ์จีนอะไรหนักหนา
สเวนขอให้ทำดอกกุหลาบสีม่วงให้ เขาบอกจะเอาไปให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ในฝันฉันปวดหัวใจมาก
เขาไม่ได้รักฉัน เหมือนหลอกใช้มากกว่า จากนั้นฉันก็ถูกจับ โดนตราหน้าเป็นแม่มด ถูกเผา โดยสเวนกับผู้หญิงคนนั้นยืนดูเฉย
ฝันร้ายเต็มขั้นเลยล่ะ
เช้าวันนั้นฉันตื่นมาด้วยเหงื่อท่วม รีบลูบแขนขาดู เพื่อให้แน่ใจว่ามันยังอยู่ ไม่ได้สูญสลายจากการถูกเผา
กุหลาบม่วงในโถล้อแสงไฟเรืองรอง ทีแรกคิดแง่ดี ฉันอาจคิดมากไป หมกมุ่นกับเกมจนฝัน
เมื่อคืนพระจันทร์เต็มดวงกลับมาอีกครั้งยังฝันแบบเดิม ตื่นมาพร้อมน้ำตาไหลชุ่มหมอน
ความเจ็บจากการถูกทรยศนั้นเจ็บ แต่การเขาไม่รักนั้นเจ็บกว่า
กุหลาบในโถมีอาถรรพ์จริง ๆ ด้วย
ฉันหิ้วมันไปเยาวราช ตั้งใจเป็นตายยังไงต้องยัดเยียดคืนอาแปะ ร้านยังปิดเงียบ ถามคนแถวนั้นบอกร้านปิดมาหลายปี
แป๊ะตายไปแล้ว ลูกหลานจะขายร้านต่อ รอคนเสนอราคาแพงที่สุด
เข่าฉันอ่อนแทบทรุดกับความจริง โดนผีหลอกขายของอาถรรพ์เข้าเสียแล้ว เบบี้เพื่อนตายจึงเป็นที่พึ่งสุดท้าย เพื่อนพาหิ้วของร้อนไปหาซินแสผู้สนิทกับครอบครัว
“มันเป็นกรรมเก่า”
“ในฝันหนูไม่ได้ฆ่าใครนะคะ”
ฉันค้านทันทีเมื่อซินแสวิเคราะห์
“ไม่ใช่กรรมของลื้อ แต่เป็นของเจ้าของดอกกุหลาบ” ผู้ชรามองฉันสลับกุหลาบ
“ลื้อให้ใคร มันก็เป็นของคนนั้น”
“อ้าว! ในฝันอายเล่าว่าโดนสั่งฆ่านี่คะ เผาทั้งเป็น ผู้ชายยืนบื้อ ไม่ช่วยอะไรเลย”
เบบี้กอดอกหน้าบึ้ง ช่วยแค้นแทนฉัน
“แถมผู้ชายยังเอากุหลาบนี่ไปให้หญิงอื่นอีก”
“เรื่องนั้นอั้วบอกไม่ได้ จะฝืนลิขิตสวรรค์ พวกลื้อรู้แต่ว่าเป็นกรรมเก่าของเจ้าของกุหลาบก็พอ”
ซินแสส่ายหน้า
“เฮอะ แปลกดีว่ะ ในฝันแกเป็นยุโรป แต่ไหงกุหลาบอยู่ในร้านคนจีน แถมเรายังมาหาซินแสไล่ผีอีก”
เบบี้บ่นความไม่เข้ากัน ไปคนละทิศละทางนี้
“ในฝันฉันเห็นตัวเองหน้าหมวยเหมือนเดิมแบบนี้แหละแก” ข้อนี้ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“ในโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญหรอก การพานพบคือโชคชะตา”
หูฉันผึ่ง คุ้น ๆ ประโยคนี้เหมือนแป๊ะพูดเลย แอบกระซิบถามเบบี้ เพื่อนยืนยันซินแสคนนี้เห็นมาตั้งแต่เกิด
“อั๊วะจะให้ของช่วยผ่อนหนักเป็นเบา”
มือเหี่ยวย่นยื่นของบางอย่างให้
“แต่ลื้อหลีกเลี่ยงชะตาไม่พ้น คราวนี้ก็สุดแท้แต่ลื้อจะเลือกแล้วนะ”
ซินแสกล่าวปริศนา ฉันจะอยากจับตัวมาเขย่าให้คายที่อมพะนำออกมา แต่คนแก่รู้ทัน ให้ของแล้วรีบขอตัวกลับทันที
ฉันจึงได้แต่เอาตัวช่วยมาวางข้างโถกุหลาบ สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน ยิ่งคืนพระจันทร์เต็มดวงยิ่งสวดหลายบท
พักหลัง ๆ ชักไม่ได้ผล ฝันลามปามมานอกเหนือจากคืนพระจันทร์เต็มดวง เบียดบังเวลานอนให้เป็นเรื่องกลุ้มใหญ่ในชีวิต