บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

ดวงดาวสีฟ้า

ใครบางคนใครบอกไว้ มันเป็นอาถรรพ์ ถ้าวันไหนก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้าง เป็นฤกษ์ไม่ดี วันนั้นจะซวยทั้งวัน

ฉันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่คิดจะเกิดกับตัวเร็วขนาดนี้ ทันทีที่ก้าวขึ้นจากบันไดเลื่อนมายังชานชาลารถไฟฟ้าสายประจำ หมู่มวลมหาประชาชนต่างเบียดเสียดยืนรอรถ เสียงเจ้รัดเกล้าประกาศบอกรถไฟฟ้าเสียดังขึ้นในทันใด

อารมณ์เร่งร้อนอยู่แล้ว ยิ่งทวีความเดือดเข้าไปใหญ่ ให้ได้อย่างนี้สิ ซวยจริง ๆ ยิ่งรีบ ๆ อยู่ด้วย

ในประกาศเสียงเย็นเจี๊ยบบอกรถไฟฟ้าล่าช้าไปสิบนาที บวกกันหลายสถานีก็เกือบชั่วโมงแล้ว

ฉันถอนหายใจ ใส่หูฟังเพลงในมือถืออย่างเซ็งจิต ไลน์กลุ่มออฟฟิศดังเตือนรัว ๆ หลายคนตกเป็นผู้ประสบภัยเหมือนกัน โอดครวญส่งสติ๊กเกอร์ร้องไห้

หัวหน้าบอกให้รีบมา ส่วนคนที่ถึงออฟฟิศแล้วให้ทำงานล่วงหน้ากันไปก่อน

รถไฟฟ้ามาพร้อมกับผู้โดยสารในโบกี้เบียดเสียด ฉันรีบแทรกเข้าไป ทำตัวลีบเล็กที่สุด จนหายใจรดต้นคอสาวแว่นนางหนึ่ง

ทนอัดกันไปจนถึงปลายทาง รีบวิ่งปรู๊ดเข้าบริษัท คนมาสายยืนออรอลิฟต์ ด้วยความซวยยังไม่จบด้วยมีลิฟต์หลายตัวเสีย

“มารอลิฟต์ตัวนี้ดีกว่าพี่”

เจมส์น้องนักศึกษาฝึกงานร้องชวน ลิฟต์ตัวนั้นเป็นลิฟต์มาจากชั้นจอดรถใต้ดิน ไม่ค่อยมีคนใช้ เพราะมันจะหยุดแค่ชั้นเจ็ดที่เป็นชั้นออฟฟิศฝ่ายบุคคล

ฉันทำงานอยู่ชั้นแปด ต้องขึ้นบันไดไปอีก ในสถานการณ์แบบนี้ ต้องยอมเปลืองแรงไต่บันไดเสียแล้วล่ะ

“ทำไมเจมส์สายด้วยล่ะ ปรกติขี่มอเตอร์ไซด์มาไม่ใช่เหรอ”

บทสนทนาเล็ก ๆ เกิดขึ้นระหว่างรอ ฉันกับเจมส์คุ้นกันอยู่บ้าง เพราะเขาเป็นคนรู้จักของรุ่นน้องเบบี้อีกที ถือเป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยฉันเหมือนกัน

“ก็อีเหลืองยางแตกอ่ะพี่ ผมเลยจูงไปสถานีตำรวจ ฝากไว้ที่นั่นแล้วนั่งวินฯมา”

หนุ่มฝึกงานส่ายศีรษะระอาน้อย ๆ กับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

“สายเลยทีนี้”

“สายนิดสายหน่อย พี่วรคงเซ็นฝึกงานให้ผ่านอยู่แล้วน่า อย่ากังวลไปเลย” ฉันปลอบไปตามประสา

“พี่อายกินอะไรมาหรือยัง ผมมีแซนด์วิชนะ เดี๋ยวสักเก้าโมงครึ่งผมต้องไปแผนกรับเอกสาร จะแวบไปซื้อกาแฟให้ ยังไม่ได้ดื่มใช่ไหม”

เขาเปิดกระเป๋าเป้ หยิบแซนด์วิชหมูหย็องมายองเนสโบราณให้ เราคุ้นกันดี เพราะตอนเช้าฉันมักรอขึ้นลิฟต์พร้อมถือแก้วคาปูชิโน่เย็นจากคาเฟ่หน้าบริษัท

“ขอบใจนะ”

นาทีนี้ไม่มีคำว่าเกรงใจ ฉันรับพร้อมล้วงธนบัตรใบละร้อยจากกระโปรงเตรียมส่งให้เป็นค่าของกิน ยิ้มให้รุ่นน้องผู้มีน้ำใจ

“ติ๊ง”

ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี เราหันสายตาไปมองตามสัญชาตญาณ

ใบหน้าเปื้อนยิ้มของฉันค้างเมื่อสบกับดวงดาวสีฟ้าคู่หนึ่ง

ก้อนเนื้อในอกบีบรัดแรงจนเจ็บแปลบ เลือดที่สูบฉีดทั่วร่างกายเย็นจับขั้วเป็นน้ำแข็ง

รู้เหมือนตัวเองยังอยู่ที่นั่น ในความฝันแสนน่าสะพรึงกลัว ร่างกายถูกพันธนาการด้วยเชือกมัดแน่นหนาบนเสาสูง

เปลวไฟร้อนลามเลีย และเขาผู้ยืนมองฉันถูกเผาอยู่บนเวที

ภาพใบหน้าเขาแจ่มชัด ไร้ความขมุกขมัว ผมสีทอง ดวงตาสีฟ้ากระจ่าง จมูกโด่ง ริมฝีปากอิ่มหนาพอดี คางบุ๋มลงเล็กน้อย

เขาไม่ได้อยู่ในชุดคลุม แต่สวมสูทดำสนิท ยืนท่ามกลางผู้คนในสูทดำเหมือนกันที่รายล้อมอยู่

“พี่อาย”

เจมส์เรียกสติ ฉันสะดุ้งกะพริบตาปริบ ๆ หลุดจากความฝัน ก้อนในอกยังกระตุกรัวแรง ซีอีโอบริษัทยืนข้างผู้ชายคนนั้น มองมาพร้อมขมวดคิ้วตำหนิ ฉันคิดในใจว่าซวยอีกแล้ว

“ลิฟต์เสียไม่ใช่เหรอ รีบเข้ามาสิ”

ซีอีโอเอ่ยอย่างสุภาพ แต่เป็นอันรู้กันในทีว่านี่คือคำสั่ง

“ขอบคุณครับ”

เจมส์รีบตอบรับในทันใด อาศัยความใจกล้าหน้าด้านแบบเด็ก ๆ เข้าลิฟต์ คิดแง่ดีคงไม่โดนซีอีโอดุ ฉันจึงต้องรีบก้มหน้าหงุดเข้าไปด้วย

ในกล่องสี่เหลี่ยมเงียบงันไร้เสียงพูดคุย มีเพียงเลขบอกแต่ละชั้นที่เปลี่ยนไปมาบนจอ กระทั่งเสียงดังติ๊ง ๆ ดังขึ้นเมื่อถึงชั้นเจ็ด

ฉันกับเจมส์รีบขอตัวออกไปอย่างไว เดินเข้าออฟฟิศไม่เหลียวหลัง

ระหว่างเปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ สมองเต็มไปด้วยคำถาม เมื่อกี้ฉันเห็นเขาจริง ๆ ใช่ไหม ผู้ชายที่มีชื่อในความฝันว่าสเวน

แสดงว่าที่แล้วมานั่นอาจไม่ใช่ความฝัน บางทีอาจเป็นชาติที่แล้ว นี่เขาจองเวรฉันข้ามภพข้ามชาติเลยหรือ

เอ...ไม่ใช่สิ ฉันตายต่อหน้าเขา ต้องเป็นฉันต่างหากที่ต้องจองเวร

แต่เขาทำเหมือนไม่รู้จักฉัน

มองผ่านเลยเหมือนมองก้อนหิน

“หึ”

หัวเราะในลำคอ สายตาที่มองเย็นชา ว่างเปล่าเหมือนตอนยืนดูฉันตายเปี๊ยบ

ฮึ๊ย...กรรมของเจ้าของกุหลาบม่วงอะไรกัน กรรมของฉันละสิไม่ว่า ผู้ชายคนนั้นหลอกลวงฉันนะ ถึงจะเป็นตัวเองในความฝัน หรือชาติที่แล้วก็เถอะ

ฉันเป็นผู้ถูกกระทำ แล้วทำไมโชคชะตายังวนให้โคจรมาเจอกันอีก

แต่คราวนี้ฉันไม่ยอมตายหรอก ในโลกแห่งเสรีนิยมปีสองพันยี่สิบสี่ ใครอยากจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น แม่มด หมอผี ซุปตาร์ ซูเปอร์ไซย่า

ไม่มีใครโดนจับเผาไฟทั้งนั้น

ฉันพ่นลมหายใจทั้ง ๆ ยังกังวลลึก ๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกกระมัง เขาก็อยู่ส่วนเขา ฉันก็อยู่ส่วนฉัน

ตีเนียนนิ่ง ๆ ไป เดี๋ยวอาจดีเอง

ดูท่าคนรู้เรื่องในความฝันคงเป็นฉันคนเดียว ไม่งั้นอีกฝ่ายคงไม่นิ่งอย่างนี้

ปรกติคนระลึกชาติมาเจอกันต้องตื่นเต้นดีใจ ตาส่งแววไหวพึ่บพั่บแบบในหนังสิ

นี่อะไรนิ่งเป็นปลาตาย ถึงหน้าตาหล่อมากก็เถอะ

ฉันในฝันหลงเขาเพราะหล่อแน่ ๆ

เฮ้อ! ไว้อาลัยให้ตัวเองในชาติที่แล้วหนึ่งนาที

สัญญาต่อหน้าสติ๊กเกอร์แปะคอมพิวเตอร์รูปแจ๊คสัน หวัง ไม่เอาอีกแล้วหนุ่มยุโรปใจดำ ชาตินี้ขอนิยมคนขาวตี๋ดีกว่า จะได้คู่ควรกับสาวหมวยอย่างตัวเอง
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel