บท
ตั้งค่า

9 กลายเป็นพี่หญิงจันทร์คนงาม

“แล้วนั่น…เจ้ากำลังทำอะไรรึแม่หญิงจันทร์”

“คะ?...”

ศศินาที่กำลังพยายามยัดหัวตัวเองเข้าไปตรงซอกข้างเตียงชะงัก ก่อนจะหันมาส่งเสียงรับคำทักทายอย่างงุนงงปนตกใจสุดขีด ว่าแต่…แม่หญิงจันทร์คือใครนะ

“ท่านแม่ ว่าอย่างไรนะขอรับ”

อคิราห์เองก็หันมามองหน้าแม่ตัวเองอย่างแปลกใจเช่นกัน ทำไมท่านแม่ถึงได้ทำเหมือนว่ารู้จักแม่หญิงศศินาไปได้

“พวกเจ้าเป็นอะไรกันไปหมด ท่าทางแบบนี้พากันทำผิดมาใช่หรือไม่”

ท่านหญิงอรุณที่เป็นภรรยาเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมืองและเป็นแม่ของอคิราห์ กำลังใช้สายตาจับผิดจ้องที่สองคนสลับไปมาอย่างเอาเรื่อง ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังงุนงงกับสถานการณ์สุดขีด

“หรือว่า เมื่อคืนพวกเจ้าแอบพากันไปหมู่บ้านชายแดนมาอีกแล้วพ่อแสง แม่จันทร์”

“เปล่านะขอรับ แต่ แต่ท่านแม่เรียกแม่หญิงว่าอย่างไรนะขอรับ”

“ก็แม่หญิงจันทร์น่ะสิจะให้แม่เรียกว่าอย่างไรอีกรึ เจ้านี่ก็แปลกคนเสียจริง แล้วนั่นเจ้าจะมุดเข้าไปทำสิ่งใดกันแม่จันทร์ เจ้าทำอะไรตกไปตรงนั้นงั้นหรือ”

ท่านหญิงอรุณขมวดคิ้วถามศศินาด้วยความสงสัย ศศินารีบลุกขึ้นยืนตัวตรงแล้วยิ้มแข็งทื่อออกมา จนอคิราห์ยังแอบขำกับท่าทางที่เพิ่งเคยเห็นนั่น

“มะ ไม่ค่ะ เอ๊ย เจ้าค่ะ คือ คือว่า”

“เฮ้อ เอาเถอะๆไม่มีอะไรก็ออกจากเรือนไปกินข้าวกินปลากันเสีย อย่าให้ข้ารู้ว่าพวกเจ้าแอบไปซื้อของแปลกๆจากต่างเมืองมากอีกล่ะ จะได้ลงโทษเสียให้เข็ดทั้งพี่ทั้งน้องเลยเชียว”

“ท่านแม่ว่าอย่างไรนะขอรับ ทั้งพี่ทั้งน้องงั้นหรือ”

“ก็ใช่น่ะสิ ทั้งเจ้าทั้งพี่สาวเจ้านั่นแหละดีหรือไม่”

“พี่สาวข้างั้นหรือขอรับ…”

คราวนี้อคิราห์ยิ่งเบิกตาโตเข้าไปใหญ่ ขณะที่ศศินาเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน ในนิยายอคิราห์เป็นลูกชายคนโตและมีน้องชายคนนึงไม่ผิดแน่ แต่พี่สาวนี่โผล่มาได้ยังไงก่อน แถมเธอที่ถูกเรียกว่าแม่หญิงจันทร์อะไรนี่อีก ในนิยายไม่เคยมีตัวละครนี้เลยด้วยซ้ำ

“นี่เจ้าดื่มเหล้าจนเพี้ยนไปแล้วใช่หรือไม่ แม่หญิงจันทร์ก็คือพี่สาวที่โตมากับเจ้าตั้งแต่เด็กๆ ถึงจะไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกันแต่เจ้าเป็นคนบอกแม่เองไม่ใช่หรือว่ารักพี่เจ้าเหมือนพี่แท้ๆ ขนาดพ่อแสนเป็นน้องชายแท้ๆของเจ้า เจ้าก็ยังหวงไม่ให้เล่นกับพี่สาวเจ้าเลยไม่ใช่หรือ”

“โตมาด้วยกันหรือขอรับ…”

“อย่าว่าแต่โตมาด้วยกันเลย พวกเจ้าน่ะจนป่านนี้ยังพากันซนเหมือนเด็กไม่มีผิด ตอนนี้ก็รวมหัวกันแกล้งแม่อีกแล้วใช่หรือไม่ เฮ้อ แม่ล่ะปวดหัวกับพวกเจ้านัก รีบออกมาเถอะวันนี้มีตลาดที่พวกเจ้าต้องไปทุกครั้งไม่ใช่หรือ”

ท่านหญิงอรุณส่ายหัวอย่างอ่อนใจก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้อง ไม่ทันที่จะถึงประตูดีก็หันกลับมามองศศินาให้เธอเกร็งอีกหน

“แม่หญิงจันทร์ ชุดใหม่ที่ข้าสั่งตัดให้เจ้ามาถึงเรือนแล้วนะ ข้าให้บ่าวนำไปไว้ที่ห้องเจ้าแล้ว วันนี้ก็ใส่ไปตลาดกับน้องเจ้าเสียเลยสิคงจะงามน่าดู”

“จะ เจ้าค่ะ…”

ศศินารับคำอยากจะถามเหลือเกินว่าห้องที่ว่านั่นอยู่ไหน แต่เหมือนอคิราห์จะสงสัยแทนไปก่อนแล้ว

“ห้องแม่หญิง เอ่อ พี่สาวข้า…อยู่ตรงไหนหรือขอรับ”

“เจ้าจะไม่เลิกเล่นบทความจำเสื่อมกับแม่หรือพ่อแสง ถ้าเจ้าหาไม่เจอก็ไปเปิดดูทุกห้องในเรือนเสียเถอะ แม่ไปล่ะรำคาญพวกเจ้าเสียจริง”

ท่านหญิงอรุณใช้พัดที่ถือมาชี้หน้าอคิราห์อย่างคาดโทษ ใบหน้าที่ยังคงงดงามแม้จะอายุไม่น้อยนั้นเจือความใจดีและยิ้มแย้มอยู่เสมอ หากแต่ตอนนี้กำลังมองค้อนอคิราห์เพราะคิดว่าลูกหยอกเย้าไม่เลิก

พอคนเป็นแม่เดินพ้นจากประตูไป ทั้งอคิราห์และศศินาก็หันมามองหน้ากันแล้วพูดพร้อมกันทันที

“นี่มันเรื่องอะไรกัน”

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”

เมื่อต่างคนต่างถามย่อมต้องไม่มีใครตอบได้เพราะสงสัยในเรื่องเดียวกันอยู่ อคิราห์ทิ้งตัวลงที่เตียง ขณะที่ศศินาเกาะขอบหน้าต่างยืนเหมือนคนจะหมดแรง ทั้งคู่ถอนหายใจออกมาพลางใช้หัวคิดอย่างหนัก แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่มีคำตอบเพราะนี่มันคือเรื่องที่ไม่คาดฝันอย่างแท้จริง

ศศินาที่หลุดเข้ามาในโลกนิยายพร้อมอคิราห์ก็ว่าแย่แล้ว ยังต้องมาเป็นหนึ่งในตัวละครที่นี่อีก ถ้าหากเธอกลับไปไม่ได้จริงๆขึ้นมาจะทำยังไง

“เจ้าอย่างเพิ่งกลัวไปเลยแม่หญิง ข้าไปแล้วกลับมาได้เจ้าเองก็ต้องทำได้เช่นเดียวกัน”

“แต่มันแปลกมากที่ฉันกลายเป็นพี่สาวของคุณแบบนี้ ทั้งที่ตอนอ่านหนังสือนั่นคุณมีแค่น้องชาย แถมตัวละครชื่อจันทร์ที่แม่คุณเรียกก็ไม่มีเคยมีในหนังสือมาก่อนด้วย”

“เรื่องนั้นข้าก็แปลกใจเช่นกัน แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือที่เจ้าไม่ต้องหลบซ่อนตัว ในเมื่อทุกคนรู้จักเจ้าแล้ว งั้นจนกว่าจะกลับไปได้เจ้าก็ลองใช้ชีวิตที่นี่ดูเป็นอย่างไร เจ้าดูแลข้าที่โลกนั้นเป็นอย่างดี ข้าเองก็จะดูแลเจ้าให้ดีเช่นกันแม่หญิง”

ศศินามองสบตาคมของอคิราห์ด้วยใจที่สั่นไหว ใบหน้าไร้ที่ติที่เจือความอบอุ่นกับคำพูดที่จริงจังนั่นทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก และเพราะอีกคนชอบพูดอะไรที่ซื่อตรงเกินไปแบบนี้มันเลยยากที่เธอจะควบคุมหัวใจตัวเอง ถึงยังไงอคิราห์ก็เป็นพระเอกนิยายที่เธอเคยเพ้อฝันถึงในตอนที่อ่านเลยนะ ไม่หวั่นไหวก็แปลกแล้ว แต่ความเป็นจริงคงทำได้แค่เว้นระยะของเราไว้ถึงจะดีที่สุด

“แต่คุณต้องเรียกฉันว่าพี่ไม่ใช่เหรอคะ ฉันแก่กว่าคุณนะ”

“นั่นมันจะเป็นไปได้อย่างไรแม่หญิง เจ้าน่ะไม่ใช่ว่าอ่อนกว่าข้าหลายปีหรอกหรือ”

อคิราห์เถียงอย่างไม่อยากยอมรับ ร่างสูงกอดอกเบือนหน้าไปอีกทางราวกับเด็กหัวรั้นจนศศินาขำออกมาเบาๆ นี่เป็นโอกาสให้เธอได้แกล้งบ้างแล้วสินะ

“คุณน่ะอายุยี่สิบสามไม่ใช่เหรอคะ”

“ก็ใช่ แล้วมันทำไมรึ”

“ฉันน่ะอายุยี่สิบหกแล้วนะ ยังไงคุณก็ต้องเรียกพี่ถึงจะถูก”

“แต่ข้าไม่ชินเสียเลย ไยเจ้าไม่บอกข้าแต่แรกเล่า”

“เรื่องนั้นมันสำคัญที่ไหน ฉันก็แค่หาวิธีให้คุณกลับจะมามัวถามอายุกันเพื่ออะไรในเมื่อเราก็เป็นคนแปลกหน้ากันอยู่ดี”

“แต่ตอนนี้เราไม่ใช่คนแปลกหน้าแล้วจริงหรือไม่ ข้าจะเรียกเจ้าว่าพี่ก็ได้”

รอยยิ้มนั่นไม่ว่าจะมองสักกี่ครั้งศศินาก็ไม่ชินเอาซะเลย พ่อพระเอกนี่จะรู้มั้ยว่าหากใช้รอยยิ้มกับสายตาแบบนี้ไปมองใครอาจทำให้เค้าตกหลุมรักได้ง่ายๆ แม้แต่เธอเองก็ยังทำใจลำบากขึ้นทุกทีแล้วเหมือนกัน

“ก็ดี แม่คุณจะได้ไม่ว่าอีก ว่าแต่ฉันต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องไหนนะคุณพอจะรู้มั้ย”

“ตอนนี้เรารีบไปกินข้าวกันก่อนเถิด ไว้ข้าจะพาเดินดูเรือนอีกรอบก่อนไปตลาด จะว่าไปก็ดีเหมือนกันคราวนี้ข้าจะได้พาเจ้าชมตลาดของเมืองข้าบ้าง เจ้าน่าจะต้องถูกใจมากเป็นแน่”

“ดีค่ะ งั้นเรารีบไปกันเถอะ”

“หึ แต่เจ้าอย่าลืมว่าเจ้าต้องพูดให้เหมือนคนที่เมืองนี้ล่ะ”

อคิราห์ยิ้มเอ็นดูกับท่าทางตื่นเต้นของศศินา อย่างน้อยก็ดีกว่าตอนที่อีกคนทำหน้าเศร้า เพราะอคิราห์เองก็อยากให้ศศินาได้เห็นบ้านเมืองของตัวเองด้วยเช่นกัน

“งั้นคุณก็อย่าลืมเรียกฉันว่าพี่ต่อหน้าคนอื่นด้วยล่ะ”

“ข้าไม่ลืมหรอก พี่หญิงจันทร์”

ขี้โกง นี่มันขี้โกงชัดๆ พ่อพระเอกนี่เอายิ้มละลายใจนั่นมาทำให้ใจพี่สาวอย่างเธอสั่นไหวอีกแล้ว อันตรายเหลือเกิน

“ไยเจ้าไม่รีบออกมาเล่า หรือต้องให้ข้าจูงมือเดินหรือไม่พี่หญิงจันทร์คนงาม”

“ปะ ไปแล้วเนี่ย หยุดแกล้งสักทีเถอะ!”

“หึๆ”

—--

“งั้นก็หมายความว่า ที่คุณกลับมาก็เป็นเวลาต่อจากเดิมพอดีไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยนี่นา ใช่มั้ยคะ”

ศศินาตั้งข้อสังเกตเพราะจากที่ทุกคนในเรือนต่างทำตัวปกติเหมือนอคิราห์ไม่ได้หายไปไหน นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกพอๆกับที่ศศินากลายเป็นคนที่ทุกคนรู้จักเช่นกัน

“น่าอัศจรรย์นัก หากไม่เจอเรื่องนี้กับตัวข้าไม่มีทางเชื่อแน่”

“ก็ดีแล้วค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องหาเหตุผลมาอ้างไม่ต้องคิดเรื่องโกหก แต่คุณว่าถ้าฉันกลับไปที่นู่นเวลาก็จะต่อเนื่องเหมือนกันมั้ยคะ”

“เจ้าอย่าเพิ่งคิดอะไรเลย ถ้ามันเกิดเพราะสิ่งเดียวกันข้าว่ามันก็คงเหมือนกันทุกอย่างนั่นแหละ”

อคิราห์บอกคล้ายๆจะปลอบใจด้วยนิดหน่อย สีหน้ากังวลยามพูดถึงเรื่องนี้ยังคงทำให้อคิราห์เป็นทุกข์ไปด้วยเสมอ ตอนนี้ทั้งคู่กำลังเดินรอบๆเรือนไทยโบราณหลังใหญ่ของท่านเจ้าเมืองศิงขร หรือก็คือพ่อของอคิราห์ที่ศศินายังไม่มีโอกาสได้เจอเพราะท่านออกไปราชการต่างเมืองหลายวันยังไม่กลับมา

“เจ้าดูสิว่าเรือนข้าน่าอยู่มากหรือไม่”

“แน่สิคะ ฉันยังไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้มาอยู่ในสถานที่แบบนี้จริงๆ จะในนิยายหรือในละครก็ทำออกมาได้ไม่เท่าของจริงเลย มันสวยแล้วก็น่าอยู่มากๆ”

ศศินาชมออกมาจากใจ เธอเดินตามอคิราห์ที่พาชมไปรอบๆพลางอธิบายว่าส่วนไหนคือเรือนสำหรับทำอะไร ก็ยิ่งได้รู้ว่าในนิยายที่อ่านยังบรรยายภาพออกมาไม่หมดด้วยซ้ำ มันเป็นเรือนไทยหลังใหญ่ที่กว้างมากๆและมีถึงสามเรือนติดกันโดยมีชานตรงกลางเป็นตัวเชื่อมระหว่างสามหลังเข้าด้วยกัน หลังคาทรงสูงมีลวดลายแบบเรือนไทยที่เคยเห็นตามรูปภาพ ออกมาด้านหน้าเป็นระเบียงและมีบันไดลงมาด้านล่างเรือนทั้งสองฝั่ง ใต้ถุนนั้นยกสูงและใช้เป็นพื้นที่ใช้สอยบางส่วน

เรือนด้านขวาเป็นเรือนของท่านเจ้าเมืองและภรรยา ตรงกลางเป็นห้องพระและใช้ด้านหน้าเรือนไว้รับรองแขกที่มาพบ ส่วนเรือนด้านซ้ายแบ่งเป็นสามห้อง มีของอคิราห์ อนาคินน้องชายของอคิราห์ที่อยู่ระหว่างเล่าเรียนในต่างเมือง และอีกห้องเป็นของศศินาหรือแม่หญิงจันทร์ในโลกนี้

แยกออกไปไม่ห่างนักมีเรือนสำหรับรับรองแขกที่มาเยือน สำหรับไว้ทำครัว และเรือนพักของบ่าวไพร่ที่ท่านเจ้าเมืองจ้างมาไว้ทำงานให้ ส่วนรอบๆก็จัดเป็นสวนดอกไม้รอบบ้านเสริมความงามให้เรือนดูน่าอยู่มากขึ้น ห่างออกไปก็เป็นส่วนของสวนและพืชผักที่ปลูกเอาไว้ตามฤดูกาล ทุกอย่างที่ศศินาเห็นมันดูอุดมสมบูรณ์แถมอากาศก็ยังเย็นสบายสมกับเป็นหัวเมืองทางเหนือ อย่าว่าแต่น่าอยู่เลย เธออยากอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำแต่มันคงไม่ถูกต้อง เธอไม่ควรมาโผล่ในนิยายที่เธอไม่เคยมีตัวตนแบบนี้

“หากเจ้าว่าน่าอยู่มาก ไยไม่อยู่เสียเลยเล่า”

“ที่นี่ไม่ใช่บ้านฉันซะหน่อย ฉันก็มีบ้านให้ต้องกลับนะคุณ”

“เจ้ากลับไปก็อยู่คนเดียวไม่ใช่หรือ อยู่นี่เจ้าจะมีครอบครัว มีข้านะ”

“พอลืมตัวคุยด้วยก็ลืมเรียกพี่สาวแล้วเหรอคะ คุณน้องอคิราห์”

ศศินาเฉไฉเปลี่ยนเรื่องมองค้อนอคิราห์แล้วรีบเดินหนีไปข้างหน้า ทิ้งให้คนที่ถูกเรียกคุณน้องอคิราห์ยืนอึ้งใบหูแดงก่ำอยู่ตรงนั้น ร่างสูงเม้มปากแน่นหันซ้ายขวาก่อนกระแอมออกมาเบาๆแล้วเดินตามศศินาไป ถึงจะตีหน้าเคร่งขรึมเพียงใดก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าได้อีกแล้ว

“ร้ายเหลือเกินนะแม่หญิง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel