บท
ตั้งค่า

10 ดั่งแสงพระอาทิตย์

“จะว่าไปทำไมคนที่นี่เรียกคุณว่าแสงคะ”

ศศินาถามตอนที่กำลังเดินไปตลาดที่อคิราห์บอกว่าอยากให้ไปเห็น ทั้งที่

บ่ายนี้อุตส่าห์ตั้งตารอดูฟ้าว่าจะมีฝนตกรึเปล่าแต่กลับสดใสไม่มีเค้าว่าฝนจะตกแม้แต่น้อย ทั้งที่เป็นหน้าฝนและตกอยู่ทุกวันแท้ๆ ตอนอยากให้ตกดันไม่ตกซะได้ สุดท้ายศศินาเลยตัดใจลองใช้ชีวิตรอฝนตกอย่างที่อคิราห์ว่าไปก่อน แล้วตอนนี้บ่าวสองคนที่ตามมาก็อยู่ห่างพอสมควรเธอเลยไม่ต้องระวังการพูดนัก

“นั่นเป็นอีกชื่อนึงของข้า อคิราห์แปลว่าแสงอาทิตย์ ท่านพ่อเลยตั้งให้ข้า

อีกชื่อว่าแสง”

“แบบนี้เอง จะว่าไปก็บังเอิญจังที่ชื่อฉันแปลว่าพระจันทร์ พอมาที่นี่ถูกเรียกว่าจันทร์ซะงั้น”

ศศินาพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะนึกได้ถึงความบังเอิญของชื่อเธอด้วยเช่นกัน ทุกคนเอาแต่เรียกอคิราห์ว่าพ่อแสงๆทั้งวัน ส่วนเธอก็ถูกเรียกแม่หญิงจันทร์บ้างแม่จันทร์บ้าง ทั้งไม่ชินทั้งรู้สึกแปลกแต่ก็ต้องยอมตามน้ำไปแบบนั้น แถมยังพูดจาติดๆขัดๆเพราะไม่ชินกับภาษาที่นี่้ด้วย

เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมอคิราห์ถึงลำบากใจตอนที่เธอสั่งให้พูด อีกอย่างการเรียกกันด้วยสถานะพี่น้องก็ยิ่งไม่ชินเข้าไปใหญ่ เธอเลยตกลงกับอคิราห์ว่าจะเรียกกันเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั่น ส่วนตอนที่อยู่ลำพังก็ให้พูดกันแบบเดิม

“เป็นชื่อที่อยู่คนละช่วงเวลาเลยนะ เจ้ากับข้าน่ะ เจ้าเป็นแสงยามค่ำคืนส่วนข้า เป็นแสงสว่างตอนกลางวัน”

อคิราห์บอกพลางหันมายิ้มให้ ศศินาหันหน้าไปมองแม่น้ำข้างทางทันทีเพราะไม่อยากมองรอยยิ้มนั่นนานๆ เดี๋ยวนี้ภูมิต้านทานอคิราห์ของเธอต่ำมาก เตือนตัวเองเท่าไหร่ก็เผลอใจสั่นไปกับรอยยิ้มนั่นทุกที

“จะว่าไป แม่น้ำที่นี่สวยมากเลยนะคะ”

“เจ้าเคยบอกว่าที่เมืองเจ้าก็มีแม่น้ำเหมือนกันไม่ใช่หรือ”

“ใช่ค่ะ แม่น้ำใหญ่และกว้างมากเหมือนกัน”

“น่าเสียดายที่ข้ายังไม่เคยได้เห็นกับตา งั้นข้าจะพาเจ้าดูทุกอย่างที่นี่ให้ครบก่อนเจ้าไปดีหรือไม่ เจ้าจะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียดายแบบข้า”

“เอาเท่าที่คุณไม่ลำบากเถอะ เห็นไม่ครบก็เป็นไรหรอกนี่ก็สวยมากๆแล้ว”

“งั้นก็ตามใจเจ้า แต่ว่า ชุดเจ้าวันนี้งามนักท่านแม่เลือกสีที่เหมาะกับเจ้าดีจริงๆ”

“ใช่ค่ะ ชุดสวยมากสีก็สวยด้วย ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้ใส่ชุดแบบนี้”

ศศินาก้มมองชุดของตัวเองที่ท่านหญิงอรุณสั่งตัดมาให้ เป็นชุดไทยโบราณที่เป็นผ้าซิ่นสีน้ำเงินเข้มปักลวดลายสีทองสวยงามแบบชาวเหนือ ท่อนบนเป็นสไบสีฟ้าอ่อนปักดิ้นเงินเข้ากันดูสวยงามและขับผิวเธอให้สว่างขึ้นมากกว่าเดิม มีเครื่องประดับเป็นกำไลและสร้อยคอทำมาจากเงิน ต่างหูเข้าชุดกัน บ่าวรับใช้ที่เรือนก็ช่วยเกล้าผมปักปิ่นให้ ไม่อยากเชื่อว่าการมีตัวตนของเธอที่นี่จะรวมถึงการที่มีข้าวของทุกอย่างของตัวเองเหมือนเธออยู่มาทั้งชีวิตอีกต่างหาก

ทำเอาศศินารู้สึกเหมือนเป็นลูกท่านหลานเธอสมัยก่อนขึ้นมาจริงๆ แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีศักดิ์เป็นหลานท่านเจ้าเมืองจริงๆก็เถอะ แต่ก็ไม่อยากหลงระเริงมากนักเพราะมันก็แค่โลกในนิยายที่เธอหลุดเข้ามาไม่นานเท่านั้น ถือซะว่าได้ใช้ชีวิตที่เคยอยากลองดูสักครั้งก็แล้วกัน

“พอเห็นเจ้าแต่งตัวแบบนี้ก็แปลกตาดี”

“แล้วดีมั้ยคะ”

“ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่างามมาก”

“เพราะชุดสวยมากเลยทำให้คนเราดูดีขึ้นไงคะ”

ศศินาบอกพลางขำเบาๆกับมุกตลกที่ตัวเองเล่น อคิราห์ยิ้มเอ็นดูก่อนจะหันมาถามด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ทำเอาศศินาหลบตาอีกครั้งเพราะทนประกายระยิบระยับในดวงตาคู่คมนั่นไม่ไหว

“เจ้าว่าเป็นเพราะชุดเลยทำให้เจ้างามหรือ”

“หมายความว่าไงคะ คุณจะบอกว่าไม่ใช่งั้นเหรอ”

ศศินาเงยหน้าถามคนที่ยิ้มกริ่มอย่างเอาเรื่อง ไหนเมื่อกี้เพิ่งชมไปว่าชุดเธอสวยมากแท้ๆ อยู่ดีๆจะเปลี่ยนคำได้ที่ไหน

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ข้าหมายถึงเพราะเจ้า ชุดนี้ถึงงามขึ้นต่างหาก ศศินา…”

ขี้โกงอีกแล้ว เอารอยยิ้มละลายใจนั่นมาทำเธอหวั่นไหวอีกแล้ว อคิราห์ที่ยิ้มไปถึงดวงตามีแสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบใบหน้างดงามนั่นให้ดูชวนฝันยิ่งกว่าเดิม ราวกับความงดงามที่ไม่มีอยู่จริง ราวกับภาพฝันที่ทำได้เพียงแค่มองด้วยตาแต่ไม่อาจแตะต้อง เหมือนกับพระอาทิตย์…

—--

“เจ้าอยากได้สิ่งไหนก็บอกข้า”

อคิราห์บอกเมื่อเดินมาจนถึงตลาดที่ว่า ศศินาพยักหน้ารับโดยไม่คิดจะเงยหน้ามองคนเจ้าเล่ห์ที่ทำเธอเสียอาการอีก ตลอดทางที่เหลือเธอได้แต่ภาวนาให้ถึงไวๆและเอาแต่ก้มหน้าเดินไม่พูดไม่จา แต่เธอก็รู้ว่าอคิราห์แอบมองและขำเธออยู่ แม้แต่ตอนนี้พ่อพระเอกตัวดีก็ยังอมยิ้มอยู่ด้วยซ้ำ

“เจ้าก้มหน้ามองพื้นเช่นนั้นจะเห็นสิ่งใดหรือ เงยหน้าขึ้นดูสิว่าที่นี่เหมือนเมืองเจ้าหรือไม่”

“รู้แล้วน่า”

ศศินาบ่นพึมพำเบาๆ พอเธอทั้งคู่มายืนตรงทางเข้าตลาดก็กลายเป็นเป้าสายตาของผู้คนอีกแล้ว เข้าใจแล้วว่าออร่าตัวเอกอย่างอคิราห์ไม่ว่าในโลกไหนก็เป็นคนที่โดดเด่นตลอดกาลสินะ น่าหมั่นไส้เหลือเกิน

“เจ้าอย่าเดินห่างข้าล่ะ วันนี้คนเยอะนักเดี๋ยวจะหลงเอาได้”

“เจ้าค่ะๆ พี่สาวจะไม่ห่างคุณน้องชายเลยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”

ศศินาประชดใส่ด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเดินนำหน้าอคิราห์ที่ส่ายหัวยิ้มๆกับความช่างประชดประชันของศศินา ร่างสูงรีบตามคนที่ตื่นเต้นตาโตไปติดๆ

“แม่หญิงจันทร์นี่นา วันนี้ไม่อยากลองขนมสักหน่อยหรือเจ้าคะ”

เสียงจากแม่ค้าข้างๆที่เรียกทำเอาศศินาตกใจ ไม่คิดว่าแม้แต่ในตลาดก็จะมีคนรู้จักจนเหมือนคุ้นเคยกับเธอแบบนี้ แต่นาทีนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาสนใจเหตุผลอะไรนอกจากดื่มด่ำกับบรรยากาศนี้ให้เต็มที่ ศศินาหันไปยิ้มก่อนจะกวาดตามองขนมไทยหลายอย่างบนโต๊ะกว้างนั้นอย่างตื่นตาตื่นใจ

เธอชอบขนมไทยมาก โดยเฉพาะขนมไทยโบราณที่หากินได้ยากในโลกของเธอ แต่ที่นี่มีหลายอย่างที่เธออยากกิน ทั้งช่อม่วง บุหลันดั้นเมฆ ขนมน้ำดอกไม้และอีกหลายอย่างเต็มไปหมด มีแต่พวกขนมที่ทำยากและสวยงามจนศศินาแทบเก็บอาการดีใจไว้ไม่ไหว

“พ่อแสง เจ้าซื้อให้พี่ได้หรือไม่”

“ข้าซื้อให้พี่หญิงจันทร์ได้ทุกอย่างขอรับ…”

อคิราห์บอกอย่างเผลอไผล ไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าสวยที่ยิ้มไปถึงดวงตานั่นได้ เพราะศศินาไม่เคยยิ้มเต็มใบหน้าให้เห็นเลยสักครั้ง นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขจนดวงตาเป็นประกายจากอีกคน และมันช่างสวยราวกับพระจันทร์ยามค่ำคืนที่อคิราห์เคยมองไม่มีผิด

“ฮะๆ พวกเจ้านี่ เป็นพี่น้องที่รักใคร่กันดีนัก ไม่เสียแรงที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก”

เสียงของแม่ค้าชื่นชมและหัวเราะอย่างชอบใจ อคิราห์ทำเพียงยิ้มให้และหันไปจับจ้องแต่ศศินาอย่างไม่อาจละสายตาได้ ในขณะที่ศศินากลับกำลังตื่นเต้นและเลือกขนมที่ชอบด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า

“เจ้าอยากได้อะไรอีกหรือไม่”

“งั้นข้าขอของกินเพิ่มอีกได้หรือไม่ พ่อแสง”

“ได้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ แต่แค่ของกินพวกนี้เจ้าใช้บ่าวในเรือนทำให้ก็ได้พี่หญิงจันทร์ เจ้าไม่อยากได้เครื่องประดับหรือ”

อคิราห์ถามพลางมองไปที่ร้านเครื่องประดับที่ไม่ค่อยมีคนเข้าไปมุงเท่าไรนักนอกจากมองดูห่างๆเพราะราคาสูงเกินเอื้อม แต่กับอคิราห์นั้นกลับอยากซื้อให้ศศินาหลายๆชิ้นเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าจะมองดูชิ้นไหนก็ดูเข้ากับศศินาไปเสียหมด

“ไม่ดีกว่า ข้าไม่เอาของแพงขนาดนั้นหรอกขอแค่ของกินก็พอแล้ว”

“น่าเสียดาย ข้าว่ามันเหมาะกับเจ้ามากเลยนะ”

“อะไรของเจ้า ไปดูขนมทางนั้นกันดีกว่า”

ศศินาหลีกเลี่ยงเมื่ออคิราห์พูดอะไรที่ทำให้รู้สึกแปลกๆออกมาอีกแล้ว รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้พ่อพระเอกจะขยันใช้เสน่ห์ของตัวเองมาเล่นงานเธอเหลือเกิน ทั้งที่ตัวเองก็มีนางเอกอยู่แล้วแท้ๆ แค่ยังไม่ได้เจอกันเท่านั้น รอเจอแม่หญิงดุจดาราอะไรนั่นก่อนเถอะรับรองว่าได้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเหมือนในนิยายแน่ๆ

“ขืนเจ้ากินขนมหมดนี่ล่ะก็ เย็นนี้เจ้ากินข้าวไม่ลงแน่พี่หญิงจันทร์”

อคิราห์บ่นเมื่อตอนนี้ศศินาถือแต่ขนมอยู่เต็มมือ ยังไม่รวมที่อคิราห์ถือไว้ให้อีกต่างหาก ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นอะไรกับแค่ขนมธรรมดาพวกนี้ สงสัยกลับเรือนไปต้องบอกบ่าวให้ทำวันละหลายๆอย่างเสียแล้ว

“ไม่ใช่ปัญหาหรอก ข้าวก็ส่วนข้าว ขนมก็ส่วนขนมมันไม่เหมือนกันพ่อแสง”

“ข้าไม่เห็นเข้าใจที่เจ้าพูด จะขนมหรือข้าวไม่ใช่ว่าอิ่มเหมือนกันหรือ”

“มันอิ่มแต่มันกินได้อีก เจ้าไม่เข้าใจหรอก ว่าแต่เรากลับกันเลยมั้ยข้าอยากกินขนมแล้ว”

“ไม่ต้องรีบหรอก ข้าจะพาเจ้าไปนั่งกินบนเรือดีหรือไม่”

อคิราห์บอกก่อนจะพาศศินาเดินออกจากตลาดแล้วตรงไปทางท่าน้ำ ศศินาตาโตก่อนจะถามออกมาด้วยความตื่นเต้น ถ้าได้นั่งเรือดูแม่น้ำที่นี่ตอนเย็นๆแบบนี้ล่ะก็ มันต้องเป็นวิวหลักล้านแน่ๆ

“เรืองั้นหรือ”

“ใช่ ข้าจะพาเจ้าไปพายเรือเล่นก่อนกลับเรือน”

“ดีจัง ข้าอยากดูแม่น้ำที่นี่มากงั้นเราไปกันเลยเถอะ”

“ได้สิ แต่เจ้ารอตรงนี้สักเดี๋ยวนะแม่หญิง เดี๋ยวข้ากลับมา”

“เจ้าจะไปไหนหรือ”

“ในตลาด ข้าลืมซื้อของบางอย่าง”

อคิราห์หันมาตอบก่อนจะกวักมือเรียกบ่าวผู้ชายสองคนที่เดินตามอยู่ไกลๆให้มาดูแลศศินา

“ไอ้คราม ไอ้พร้าว พวกเอ็งดูแลพี่หญิงจันทร์ดีๆเดี๋ยวข้ามา”

“ขอรับนายน้อย”

บ่าวสองคนก้มหน้ารับคำแล้วเดินมายืนอยู่ข้างหลังศศินาคนละฝั่ง เธอทำเพียงยิ้มให้แล้วมองตามอคิราห์ที่เดินกลับไปในตลาดอย่างสงสัย ตอนเดินก็ไม่เห็นจะอยากได้อะไรทำไมออกมาแล้วถึงเพิ่งอยากซื้อกันนะ แปลกคนจริงๆ

ศศินาทอดสายตาไปที่แม่น้ำข้างหน้า แสงอาทิตย์ที่เริ่มอ่อนลงทุกทีกระทบผิวน้ำดูสวยงามและทำให้ใจสงบลงอย่างประหลาด ทั้งที่เธอไม่เคยมาที่นี่ ทั้งที่มีเรื่องกวนใจมากมาย แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกมีความสุขมากๆจนเผลอยิ้มออกมาหลายครั้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แค่เจอขนมที่ชอบ แค่ได้มองวิวสวยๆ แค่ได้เห็นชีวิตเรียบง่ายของผู้คน กลับรู้สึกอิ่มใจจนยิ้มออกมาง่ายๆแบบนี้แล้ว เสียดายที่ตอนอยู่โลกนู้นกลับทำได้ยากเหลือเกิน

“พวกเอ็งรออยู่นี่ เดี๋ยวข้ากับพี่จะรีบกลับมา”

อคิราห์ที่เดินกลับมาถึงหันไปสั่งบ่าวสองคนที่ยืนอยู่ ทำเอาครามและพร้าวที่กำลังจะลงไปพายเรือให้นายน้อยอย่างอคิราห์ถึงกับชะงักแล้วถอยกลับมายืนแทบไม่ทัน

“ขอรับนายน้อย”

“เราไปกันเถอะพี่หญิงจันทร์”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel