บทที่ 4
บทที่ 4
พระพายปั่นจักรยานกลับจากรีสอร์ท ด้วยสีหน้าท่าทางอารมณ์ดีแค่คิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อครู่แล้วอมยิ้มอย่างพอใจ
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธเขาเพราะไม่อยากให้นักรบไปส่ง แต่ที่พูดแบบนั้นเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะอยากทำตรงกันข้ามกัน แล้วก็เป็นจริงตามที่คิด เพราะความชอบเอาชนะของอีกฝ่ายด้วยละมัง เลยทำให้นักรบรับปากว่าจะไปส่งเธอที่ในเมือง ตามแผนเป๊ะ!
“หลอกง่ายกว่าที่คิดแหะ” คิดได้แบบนั้นก็ยิ้มและฮัมเพลงไปตลอดทาง คนสวยปั่นจักรยานมาจอดเก็บไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินฮัมเพลงเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดี
แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงไหนก็ต้องชะงักงัน รอยยิ้มหุบฉับเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพี่สาวนอกไส้อย่างภารดีที่กำลังนั่งทำงานฝีมืออยู่ภายในโถงห้องนั่งเล่น
"กลับมาแล้วเหรอคะ" ภารดีเอ่ยทักทางเสียงใสและยิ้มเยือน เธอวางมือจากข้าวของที่กำลังทำอยู่ ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางตื่นเต้นเมื่อเห็นพระพายเดินเข้ามาในบ้าน
"ยังไม่กลับมาจะเห็นเหรอ" พระพายตอบกลับเสียงห้วน หลิ่วตามองคนที่ส่งยิ้มมาให้ (-___-)
"หิวไหมคะ อยากได้อะไรหรือเปล่า" คนเป็นพี่ยังยิ้มหวานไม่ได้สนใจท่าทีเย็นชาของพระพาย แต่กลับถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงและจะเดินไปหาอะไรให้คนตัวเล็กกินเพราะเห็นว่าเพิ่งกลับมาจากข้างนอก
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะออกไปข้างนอก เหมียวไปไหน" พระพายยังตอบกลับเสียงห้วน สีหน้าเรียบตึงเช่นเคย ไร้ความเคารพคนอายุมากกว่าอย่างชัดเจน อีกฝ่ายอายุมากกว่าถึงสองปีแต่พระพายไม่เคยมองว่าเธอเป็นพี่เลยสักนิด สำหรับพระพาย ภารดีกับแม่ ก็แค่กาฝาก ที่เข้ามาเพื่อสูบเลือดสูบเนื้อพ่อเธอเท่านั้นแหละ
อาการตั้งแง่ที่มีทำให้ภารดียิ้มเจื่อนลง เธอรู้ว่าพระพายไม่ชอบหน้าเธอเหตุก็มาจากแม่ของเธอเข้ามาเป็นภรรยาใหม่ของคุณเวช ทั้งขุนพลและพระพายต่างก็ต่อต้านคัดค้านแต่คุณเวชก็ยังยืนกรานจะให้แม่และเธอเข้ามาอยู่ในบ้าน นับแต่นั้น สองพี่น้องก็ไม่ชอบหน้าภารดีเรื่อยมา
ส่วนแม่ของเธอพิสินีน่ะ ไม่ค่อยแคร์อะไรซึ่งต่างจากเธอที่เกรงใจสองพี่น้องมากที่สุด และเธอก็ยอมรับชะตากรรมเพราะทั้งขุนพลพี่ชายและพระพายคนน้อง ต่างก็ไม่ชอบหน้าแถมยังไม่เคยคุยดีๆกับเธอเลยด้วยซ้ำ
"เดี๋ยวไปเรียกให้นะคะ" ภารดีที่แสนจะเจียมตัวรู้ว่าฐานะของตัวเองในบ้านหลังนี้ว่าคือผู้อาศัย เธอเดินค้อมตัวผ่านหน้าพระพายไป ทิศทางคือห้องครัว
พระพายมองตามร่างบางของภารดีไปอย่างไม่วางตา ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเจียมตัวและอยู่แต่ในที่ของตัวเองมาตลอด แต่เพราะพิสินีไม่ใช่แบบนี้
พิสินีตั้งท่าจะเข้ามาแทนที่แม่ของเธอ ซ้ำยังชอบสร้างปัญหาทำให้พี่ชายกับพ่อของเธอผิดใจกัน พระพายเลยพาลโกรธใส่ภารดีไปด้วย แต่ก็ไม่ถึงกับร้ายกาจมากมายแค่มึนตึงใส่กันเวลาเจอหน้ากันเท่านั้น พระพายเองก็ไม่ได้อยากใส่ใจภารดี ต่างคนต่างอยู่น่าจะดีกว่า
"คุณหนูขา เรียกเหมียวเหรอคะ" เสียงเหมียวตะโกนมาก่อนตัวแล้วมาหยุดตรงหน้าพระพาย ยิ้มแฉ่งอย่างเอาใจคุณหนูของตัวเอง
"ให้จัดห้องรับแขกไว้เรียบร้อยหรือยัง"
"เรียบร้อยแล้วค่ะ ทั้งสองห้องสะอาดเอี่ยม" เมียวโบกไม้โบกมือประกอบท่าทาง ยิ้มแฉ่งตามสไตล์สาวชาวบ้านวัยสิบแปดปี
"ดีมาก แบบนี้ต้องมีรางวัล"
พระพายยิ้มออกมาแล้วทำท่าล้วงกระเป๋ากางเกงควักกระเป๋าสตางค์ใบเล็กออกมากางแล้วหยิบธนบัตรใบสีเทาให้
"หูย ขอบคุณค่าคุณหนู" เหมียวมองธนบัตรที่ยื่นมือไปรับมาด้วยสายตาแพรวพราว ยกมือไหว้สองสามครั้งก่อนจะวิ่งออกไปเพราะพระพายโบกมือไล่ พ้นจากสาวใช้ ร่างอรชรก็เดินนวยนาดขึ้นชั้นสองเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก
ภารดีที่กลับเข้ามาพร้อมน้ำเย็นๆได้แต่ยืนมองอีกคนเดินไปโดยไม่ได้สนใจเธอที่ไปเตรียมน้ำมาให้ หญิงสาวเพียงแค่ถอนใจเบาๆแล้ววางมันลงที่โต๊ะตรงหน้าก่อนพาตัวเองกลับไปที่เดิมทำงานฝีมือของตัวเองต่อไป เธอแค่หวัง ว่าสักวัน พระพายจะยอมพูดคุยดีๆกับเธอบ้าง แค่ไม่ต้องแสดงท่าทีรังเกียจกันเช่นทุกวัน เธอก็จะขอบคุณมากแล้ว