บทที่ 6
“แต่ลูกก็ไม่เหมือนเมื่อตอนที่จีบกับหนูปลายฟ้าใหม่ๆ นะคะคุณ บางทีตาสองอาจจะเห็นเป็นเพื่อนจริงๆ อย่างที่คุณแม่พูดก็ได้” คุณวีณาวิเคราะห์ตามแม่สามี
“เอาอย่างนี้แล้วกัน แม่ว่าเรื่องนี้พอมีทางออก ถ้าอยากรู้ว่าตาสองคิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า แม่มีวิธี”
“อะไรนะครับ คุณย่าจะให้ผมแต่งงาน”
ธาดางงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหลือเกิน ทำไมทุกคนดูห่วงกับเรื่องเขากับปลายฟ้ามากขนาดนี้ ผู้หญิงที่ตนต้องการคุณย่าจะไปหามาจากไหนกัน แล้วเจ้าหล่อนจะยอมมาแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนได้อย่างไร
“ใช่ ผู้หญิงอย่างที่สองต้องการย่าหาให้ได้และรับรองว่าดีกว่าที่สองคิดไว้เยอะเลย” คุณย่ากำลังคิดถึงใครบางคนที่น่าจะรับมือกับหลานชายตัวแสบได้
“คุณย่าครับ ผมแค่พูดเล่นๆ คุณย่าไม่ต้องเอาจริงก็ได้ เรื่องผมกับปลายฟ้าไม่มีอะไรจริงๆ ผมยืนยันได้” ธาดารู้สึกว่าเรื่องปลายฟ้ากำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเดือดร้อนคนอื่นไปด้วยแล้ว
“ถ้าสองบอกว่าไม่คิดอะไร งั้นสองก็ยิ่งต้องแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ ที่ย่าหามาให้ได้โดยไม่ต้องปฎิเสธได้ซิ”
“สองเชื่อย่าเถอะ ผู้หญิงคนนี้ย่ารับรองว่าถ้าสองได้แต่งงานกับเธอ สองจะต้องขอบคุณย่าที่หาคนดีมาให้หลานได้ครองคู่ ผู้หญิงที่จะอยู่กับสองได้ตลอดชีวิตต้องเป็นคนนี้เท่านั้น”
ธาดาไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้อีก นอกจากนิ่งฟังผู้ใหญ่พูดกันต่อไป ในหัวสมองของเขาคิดในตอนนี้ว่าเวลาแค่ครึ่งวันคุณย่าจะไปหาผู้หญิงที่พูดพล่อยๆ ได้จากที่ไหน
ผู้หญิงที่ธาดาคิดว่าไม่มีอยู่จริงในโลกนั่งอยู่ต่อหน้าคุณย่าแล้ว สาวิตรีกำลังเก็บข้างของจะกลับบ้านที่อยุธยา หลังจากที่รู้ว่าคุณย่าจะอยู่ต่อไม่มีกำหนดและสั่งงานทางโทรศัพท์ให้ฉวีทำงานต่อไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมหญิงชราทุกอาทิตย์
“คุณย่าดูแลสุขภาพด้วยนะคะ แล้วข้าวจะให้ป้าหวีตำน้ำพริกของโปรดคุณย่ามาฝากค่ะ” หลานสาวนอกไส้พูดอย่างรู้ใจ
“หนูข้าว ย่ามีเรื่องจะขอร้องให้หนูช่วยหน่อย หนูพอจะช่วยย่าได้ไหม” คุณย่าตัดสินใจพูดในสิ่งที่คิดทบทวนดีแล้วกับสาวิตรี
“เรื่องอะไรคะ ถ้าเรื่องป้าหวีกับปลาหมึกไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวข้าวจะคอยหมั่นไปดูแลแทนคุณย่าค่ะ” หญิงสาวคิดว่าคุณย่าห่วงคนสนิทที่อยู่ที่สวน
“ไม่ใช่ลูก เรื่องนั้นย่าไม่ห่วง ถ้าย่าจะห่วง ย่าห่วงคนอื่นมากกว่า”
“ใครเหรอคะ” เท่าที่รู้จักคุณย่าก็ห่วงทุกคนที่อยู่ใกล้ท่านนั่นแหละ
“หลานชายย่าคนเล็กยังไม่ได้แต่งงาน นี่ก็เห็นว่าแฟนเก่าเขากลับมา” คุณย่าเปรย
“ย่าอยากให้เจ้าสองได้คนดีมาเป็นคู่ชีวิต แต่ติดที่ไม่รู้เขาจะยอมหรือเปล่า” คุณย่ามองหน้ามาที่สาวิตรี
“คุณย่ามองลูกสาวบ้านไหนไว้เหรอคะ เดี๋ยวข้าวไปสืบให้ก็ได้” สาวิตรีอาสา
“อุ๊ย ไม่ไกลเลยจ้ะ หนูข้าวก็รู้จักดี” คุณย่าแย้มออกมาเล็กน้อย
“ใครคะ”
สาวิตรีแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อไปกล่าวคำลากลับบ้านกับคุณธนาและคุณวีณา สองสามีภรรยาบอกให้หญิงสาวนั่งลงแล้วทาบทามตามที่คุณย่าสั่งไว้
“หนูข้าวจ้ะ จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันอยากจะให้หนูมาอยู่กับคุณย่าที่นี่” คุณวีณาถามอย่างอ่อนโยน
“ข้าวจะมาเยี่ยมคุณย่าทุกอาทิตย์อยู่แล้วค่ะ”
“คือเราไม่ได้อยากให้หนูมาเยี่ยม แต่อยากให้หนูมาอยู่บ้านหลังนี้เลยหนูจะว่าไง” คุณธนาเอ่ยตรงๆ
“มาอยู่ที่นี่เหรอคะ” สาวิตรีทวนคำอย่างประหลาดใจ
“ใช่จ้ะมาอยู่ที่นี่ ในฐานะสะใภ้คนเล็กของบ้านเรา หนูจะว่าไงจ้ะ ถ้าฉันจะขอหนูให้แต่งงานกับลูกชายฉัน” คุณวีณาพูดตามบทที่คุณย่าสอน
สาวิตรีเหมือนมีอะไรมาฟาดที่ศีรษะ มึนพูดอะไรไม่ออก นอกจากทำตาปริบๆ เหมือนกับว่าเรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่เป็นการเข้าใจผิด
“คือฉันชอบนิสัยใจคอความคิดของหนู ก็เลยอยากจะทาบทามหนูมาเป็นสะใภ้ หนูจะว่าไงจ้ะ” คุณวีณาพูดจากใจจริง
นางถูกชะตากับสาวิตรีตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เมื่อคุณย่ายื่นข้อเสนอว่าจะให้แต่งงานกับธาดาจึงไม่ปฎิเสธ และยิ่งดีใจถ้าได้คนดีที่แม่สามีการันตีมาเป็นสะใภ้
“ฉันเองก็ถูกชะตาหนู ยิ่งรู้ว่าหนูเป็นลูกไอ้ชุมด้วยแล้ว ฉันแน่ใจว่าหนูเป็นคนดีแน่ๆ เพราะฉะนั้นหนูอย่าปฎิเสธการขอร้องจากฉันเลยนะ” คุณธนาเกลี้ยกล่อมอีกแรง
สาวิตรีหันหน้าไปคุณย่า หวังจะให้หญิงชราเป็นที่พึ่งในยามสถานการณ์คับขันเช่นนี้ แต่แล้วหญิงสาวก็ได้ยินประโยคที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินจากปาก
“ย่าจะดีใจมาก และนอนตายตาหลับถ้าหนูข้าวยอมแต่งงานกับเจ้าสอง”
“คุณย่า” หญิงสาวตะลึง
เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ถึงได้มีเรื่องราวประหลาดแบบนี้ คุณย่ากับทุกคนกำลังเล่นตลกอะไรกันหรือนี่
สาวิตรีถึงบ้างอ้อ เมื่อได้ฟังสาเหตุทั้งหมดจากปากของคุณธนา การแต่งงานครั้งนี้เพื่อต้องการแยกผู้หญิงที่ชื่อปลายฟ้าเท่านั้น แต่ก็ไม่เห็นว่าจะจำเป็นต้องมีเธอไปร่วมงานนี้ด้วย
“เจ้าสองระบุมาว่าผู้หญิงที่จะแต่งงานด้วยว่าต้องมีความรู้เท่ากัน ไม่เคยมีแฟนมีเวลาให้และสามารถอยู่ด้วยได้ตลอดเวลา ที่สำคัญต้องเข้าใจเวลาที่ตาสองอยากอยู่เงียบๆ ย่าเลยคิดว่าคุณสมบัติเหล่านี้อยู่ในตัวหนูข้าวอยู่แล้ว ถ้าหนูข้าวกับเจ้าสองลงเอยกันได้จริงๆ ย่าก็หมดห่วง พ่อชุมก็คงหมดห่วง”
หญิงชราไม่เคยก้าวก่ายใครเรื่องความรักมาก่อน เพราะถือคติมาตลอดว่าปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ปลูกอู่ตามใจผู้นอน แต่ครั้งนี้เห็นทีจะไม่ได้เพราะธาดากำลังทำให้นางกลุ้มใจเหลือเกิน
งานนี้มีสาวิตรีเท่านั้นที่จะช่วยได้ และคงไม่มีใครดีไปกว่าเด็กที่เห็นมาแต่เล็กแต่น้อยรู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี คุณย่ามั่นใจว่าความคิดของตนไม่ผิดแน่
ธาดาเป็นหลานในไส้ที่นางรักและห่วงใย สาวิตรีเป็นเด็กข้างบ้านที่สนิทสนมจนกลายเป็นคนในครอบครัว ถ้าคนที่รักกับคนที่ชอบลงเอยด้วยกันจริงๆ แล้ว คุณย่าคงจะนอนตายตาหลับแน่ๆ เพราะสิ่งที่เป็นห่วงในหัวใจของหญิงชราเวลานี้คือ คนดีที่จะก้าวเข้ามาในชีวิตของทั้งสอง ถ้าเป็นอย่างที่ต้องการก็สบายใจได้ว่าทุกอย่างจะลงเอยด้วยดีแน่
“แต่คุณย่าคะ หลานชายคุณย่าอาจจะรักผู้หญิงคนนั้นมากจนไม่เผื่อใจรักคนอื่นเลยก็ได้นะคะ ถ้าข้าวแทรกเข้าไปทำยังไงก็ไม่สำเร็จหรอกค่ะ” สาวิตรีปฎิเสธอย่างนุ่มนวล เรื่องของหัวใจใครจะห้ามให้รักหรือไม่รักได้
“แต่ย่าเชื่อว่า คนดีอย่างหนูต้องทำให้เจ้าสองรักได้โดยไม่ยากแน่” คุณย่ายืนยันในความคิดของตน
“แต่หนู...” สาวิตรีกำลังจะอ้าปากพูด
“พ่อชุมฝากหนูไว้ ย่าก็ต้องหาคนดีมาให้หนูแต่งงานด้วยอยู่แล้ว เชื่อย่าเถอะ เดี๋ยวย่าจะไปพูดกับแม่ของหนูเอง” คุณย่ามัดมือชกไม่ให้หญิงสาวมีโอกาสปฎิเสธได้อีก หนำซ้ำยังเอ่ยอีก
“ถ้าหนูข้าวรักย่าจริงอย่างที่พูด ก็ช่วยย่าเรื่องนี้หน่อยเถอะ ย่ามองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ และย่าเชื่อว่าถ้าเจ้าสองมันได้รู้จักหนูมันต้องตกหลุมรักหนูข้าวของย่าแน่ๆ”
