บทที่ 2
“ออกไปก่อน ให้คุณผู้หญิงคุยกับคุณมาเอง” คุณธนาให้สาวใช้ออกจากห้องไปทั้งหมด ส่วนตัวเขาเดินมาข้างภรรยาเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น
“หนูมา ใครทำอะไรหนูบอกแม่สิ” คุณวีณาโอบร่างของมาลินีไว้
“คุณแม่” เสียงสะอื้นออกจากลำคอของสะใภ้ โผเข้าหาแม่สามีที่พึ่งสุดท้าย
“มีอะไรหนูมา บอกแม่มาลูกใครทำอะไรแม่จะจัดการให้”
คราบน้ำตาบนใบหน้าสวยหวานของสะใภ้ทำให้คุณวีณาตกใจเหลือเกิน ดวงตาแดงก่ำบอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนัก ทำให้คุณธนาอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าลูกชายตัวดีทำอะไรให้มาลินีต้องเสียใจหรือเปล่า
“พี่หนึ่งค่ะ พี่หนึ่ง...” มาลินีปล่อยโฮ
“ใจเย็นๆ ก่อนหนูมา ตาหนึ่งทำไม มีอะไรลูก”
“พี่หนึ่งมีคนอื่นนอกจากมาค่ะ” มาลินีสะอึกสะอื้น
“หนูคิดมากไปหรือเปล่าลูก ตาหนึ่งกลับบ้านผิดเวลาคงไม่ใช่เพราะเรื่องผู้หญิงหรอกอาจจะเป็นเรื่องงานก็ได้’' แม่สามีปลอบประโลมหลังจากที่ฟังศรีสะใภ้ระบายความอัดอั้นในใจ
“ไม่จริงหรอกค่ะ คุณแม่ พี่หนึ่งกำลังคิดจะนอกใจมา พอมาจับได้ก็เอาเรื่องงานมาอ้าง แต่จริงๆ แล้วพี่หนึ่งไปกับแม่นั่นต่างหาก”
“แม่นั่น ใครกัน” คุณธนาถามขึ้นมาบ้าง
ชายวัยกลางคนรู้จักลูกชายดี ถึงแม้ธวัชชัยจะเป็นคนขี้เล่นช่างเจรจา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรนอกลู่นอกทางแบบนั้น เรื่องนี้คงต้องฟังทั้งสองคน
“ก็แม่แป้งร่ำเลขาคนสวยหน้าห้องไงคะ ทำตัวเหมือนเป็นภรรยาพี่หนึ่ง ชอบโทร.มาตอนดึกหรือไม่ก็ส่งแมสเสจมาหา แล้วพี่หนึ่งก็ต้องโทร.กลับไปทุกครั้ง นี่ก็ออกไปแต่เช้าอีก พอมาถามก็บอกว่าไปกลับลูกค้า มาจะไม่ไหวแล้วนะคะคุณแม่”
“แม่ว่าหนูมาทำใจให้สบายก่อนดีไหม ไปอาบน้ำแต่งตัวทานข้าวเถอะ เรื่องนี้เดี๋ยวพ่อกับแม่จะถามตาหนึ่งก่อน” คุณวีณาไม่ปักใจว่าสิ่งที่สะใภ้ระแวงเป็นเรื่องจริงนอกจากจะถามเจ้าตัวให้รู้เรื่องก่อน
“คุณว่าลูกเราจะเป็นอย่างที่หนูมาพูดไหมคะ” คุณวีณาเอ่ยขึ้นขณะเดินกลับมาเพียงลำพัง
“ผมว่าไม่น่า ตาหนึ่งไม่ใช่คนเหลวไหลแบบนี้” คุณธนาเสียงเครียด
“แล้วอะไรทำให้หนูมาเชื่อแบบนั้นล่ะคะ”
“อาจเป็นเพราะลูกเราไม่ค่อยมีเวลาให้หนูมาเหมือนก่อน ก็เลยอาจจะทำให้หนูมาคิดมากก็ได้”
“งั้นเราต้องเตือนตาหนึ่งแล้วล่ะคะ ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้สักวันหนูมาต้องทนไม่ได้แน่ๆ และครอบครัวก็จะมีปัญหาตามมา” คุณวีณาคิดหาทางกันไว้ดีกว่าแก้
“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจดังขึ้นมาจากผู้เป็นสามี
“คุณเป็นอะไรไปคะ”
“ผมกลุ้มใจเรื่องลูกเรา”
“เรื่องตาหนึ่งกับหนูมาเหรอคะ”
“เรื่องตาหนึ่งกับหนูมาไม่เท่าไรพอจะคุยกันได้ แต่เรื่องเจ้าสองกับผู้หญิงที่ชื่อปลายฟ้านั่นก็อีกคน ตกลงเจ้าสองจะเอายังไงแน่ จะเอาคนนี้ใช่ไหม ผมจะได้ทำใจหรือจะควงกันเล่นๆ แล้วสักพักก็แยกทางไป”
“เรื่องนี้ต้องให้ตาสองจัดการเองแล้วล่ะคะ ผู้หญิงที่ชื่อปลายฟ้าอาจจะเป็นคู่กับลูกเราก็ได้ ถ้าลูกรักใครคุณเคยบอกว่าคุณก็จะรักคนนั้นด้วยไม่ใช่เหรอคะ” คุณวีณาทบทวนความจำ
“ใช่ ผมพูดแบบนั้น แต่เสียดายถ้าเจ้าสองจะลงเอยกับปลายฟ้าจริงๆ คนดีอย่างลูกเราน่าจะได้คนดีกว่านี้มาเป็นคู่ชีวิต”
“ชีวิตใครเขาก็อยากลิขิตชีวิตเขาเองนะคะ เราคงไปกำกับเองไม่ได้ทุกอย่างอยู่ที่พรหมลิขิต” คุณวีณาปลอบใจสามี
“หรือไม่ก็เราลิขิตเอง”
เรื่องนี้ยังไม่อับจนหนทาง ยังมีทางที่จะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีได้ เพียงแต่...จำเป็นต้องมีตัวช่วยเสียแล้ว
เสียงตึงตังวิ่งขึ้นบันไดบ้านแว่วมาแต่ไกล ทำให้คนที่นั่งอยู่ที่นอกชานต้องหันมามองด้วยความสงสัย
“อะไรของเอ็งวะ ไอ้หมึก วิ่งซะบันได้บ้านแทบพัง”
“แม่ คุณมา” เด็กหนุ่มร่างท้วมที่ชื่อปลาหมึกพูดไปหอบไป
“คุณอะไรใครมาวะ พูดให้รู้เรื่องซิไอ้หมึก” ฉวี มารดาของเด็กชายถามด้วยความสงสัย มองสังขารลูกชายที่กำลังหอบด้วยความเหนื่อยเนื่องจากเสียแรงวิ่งมาส่งข่าว
“ใครมารึ แม่หวี” คุณย่าถม หญิงชราวัยเจ็ดสิบปีเดินออกมาถาม
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณย่า หวียังไม่ได้ลงไปดูเลย ไอ้หมึกมันวิ่งซะกระไดแทบหัก ถามอะไรก็พูดสั้นๆ แค่ว่าคุณมาค่ะ” ฉวีรายงานคุณย่าที่นั่งลงบนแคร่ไม้สักตัวโปรด
“คุณอะไรของเอ็ง เจ้าหมึก ไหนพูดให้ย่ารู้เรื่องซิ” คุณย่าหันไปถามชายร่างท้วมที่เริ่มจะหายใจหายคอเป็นปกติแล้ว
ยังไม่ทันที่เจ้าหมึกจะอธิบายอะไรทั้งสิ้น คุณ ที่เด็กหนุ่มพยายามอธิบายก็เดินยิ้มหน้าบานขึ้นเรือนตามมาติดๆ ฉวีถึงบางอ้อว่า คุณมา ของลูกชายหมายถึงอะไร
“เจ้าธนากับเมียหรอกรึที่มา” คุณย่าทักบุตรชายและสะใภ้ที่ตรงมาคุกเข่าาก้มลงกราบอย่างสวยงาม
“คุณแม่สบายดีนะคะ” สะใภ้คนโปรดเอ่ยถามเป็นคำแรก
“ก็ยังไหวอยู่ แล้วนี่ลมอะไรหอบมาถึงนี่กันได้ แล้วมากันแค่นี้เรอะ คนอื่นไปไหนกันหมด” คุณย่าเหลียวมองหาเผื่อว่าจะมีใครตามขึ้นมาสมทบ
“เจ้าหนึ่งไปกับลูกค้าส่วนหนูมาก็ไปที่บริษัท นายสองยังไม่ตื่นครับเพิ่งกลับมาเมื่อสายนี่เอง” คุณธนารายงาน
“เดี๋ยวนี้เจ้าสองมันเปลี่ยนเวลาหลับเวลานอนแล้วเหรอ” คุณย่าถามด้วยความสงสัย
“ไม่ได้เปลี่ยนหรอกค่ะ คุณแม่ แต่ว่า...” คุณวีณาหันไปสบตากับสามี
“คุณแม่ครับ ผมมีเรื่องจะมาขอให้คุณแม่ช่วย”
ทางออกที่คุณธนาคิดว่าดีที่สุดสำหรับการแก้ปัญหาให้กับบุตรชายทั้งสองในเวลานี้ก็คือ ควรจะหาใครสักคนที่เข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาของธวัชชัยกับมาลินี และควรจะหาใครอีกสักคนมาช่วยแก้ปัญหาเรื่องของธาดากับผู้หญิงที่ชื่อปลายฟ้า โดยเฉพาะเรื่องของธาดานั้น จำเป็นต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุดขืนปล่อยไว้นานกว่านี้บางทีอาจจะสายเกินไป
“จะไปทำอะไรกับไอ้เรื่องรักชอบของลูกได้ ลองถ้ามันรักแล้วก็ว่าของมันดีที่สุด คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราไปบอกว่าไม่ดี มันก็ว่าของมันดี แล้วจะบังคับน้ำใจของลูกได้ยังไง ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ปลูกอู่มันต้องตามใจผู้นอน แกทำใจซะเถอะ”
“ผมก็เข้าใจนะครับคุณแม่ แต่ผมก็อยากให้เจ้าสองมันมีคนดีมาเป็นคู่ชีวิต ไม่ใช่แบบนี้” คุณธนาค้านความคิดของมารดา
“เราจะไปบังคับให้รักหรือไม่รักไม่ได้หรอก ตอนที่แกจะแต่งงานกับแม่วีณามีใครมาบังคับไหม ถ้าแม่ห้ามจะมีใครฟังไหม ลองถ้าความรักมันบังตา อะไรมันก็ลืมหมดทุกอย่างนั่นแหละ” คุณย่าเปรียบเทียบ
“แต่คุณแม่ครับ แล้วคุณแม่จะทนเห็นหลานชายมีเมียแก่กว่าแถมยังเคยทิ้งเจ้าสองไปแต่งงาน แล้วพอไม่ประสบความสำเร็จก็กลับมาหาเจ้าสองอีกครั้ง คุณแม่อยากได้หลานสะใภ้แบบนี้เหรอครับ” คุณธนาพยายามหาตัวช่วย
