บทที่ 1
หน้าบ้านบริบาลภิรักษ์
เสียงพระสงฆ์ให้พรในยามเช้าชายหญิงวัยกลางคนยกมือประนมขึ้นด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ลูกศิษย์วัดรีบรับของที่ถวายมาถือไว้แล้วเดินตามหลังพระสงฆ์อย่างว่องไว สาวใช้เก็บข้าวของเข้าบ้านเหมือนเคย
“ได้ตื่นมาใส่บาตรก็ดีเหมือนกันนะคุณ”
ธนา บริบาลภิรักษ์อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทส่งออกข้าวไทยทำอันดับหนึ่งของประเทศ จูงมือหญิงวัยกลางคนที่ยังมีความงามไม่สร่างเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่อย่างมีความสุข
“คุณไม่ค่อยได้มีเวลาแบบนี้มานานแล้ว ต่อไปจะปลุกทุกเช้าดีไหมคะ”
“ก็ดีนะ เราสองคนไม่ค่อยได้มีเวลาแบบนี้นานแล้ว ต่อไปผมจะให้เวลาคุณมากๆ ชดเชยกับช่วงเวลาที่หายไปเกือบครึ่งชีวิต”
“ขอบคุณค่ะ ที่คิดถึงกัน” วีณา บริบาลภิรักษ์ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ร่วมฟันฝ่าความลำบากจนมีวันนี้มาด้วยกันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ชีวิตที่ผ่านมาในบทบาทของภรรยานักธุรกิจที่บริษัทกำลังเติบโต แม้จะขาดช่วงเวลาที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาไปบ้าง แต่สามีคนนี้ก็ไม่เคยนอกลู่นอกทาง หรือทำให้เธอต้องหวาดระแวงในความรักที่มีให้กันแม้แต่น้อย
แม้ในวันที่พร้อมทุกสิ่งทั้งชื่อเสียง เงินทอง หน้าตาในสังคม ความรักความเอื้ออาทรที่มีให้แก่กันก็ไม่เคยลดน้อยลงแม้แต่น้อย เมื่อช้างเท้าหน้าเดินนำด้วยความมุ่งมั่น ควาญช้างจึงไม่ต้องเหนื่อยหรือหวาดระแวงใด การดูแลทุกอย่างในบ้านจึงเรียบร้อยเป็นอย่างดี เมื่อหลังบ้านพร้อมหน้าบ้านจึงมีเวลาลุยงานได้เต็มที่ ถือเป็นความสำเร็จที่งดงามเลยทีเดียว
อาณาเขตที่ดินห้าไร่ คุณธนาและภรรยาอยู่ที่ตึกกลางของพื้นที่ แวดล้อมไปด้วยบ้านหลังใหญ่อีกสองหลังที่ขนาบซ้ายขวา ซึ่งปลูกสร้างที่หลังตามความเปลี่ยนไปในช่วงอายุของบุตรทั้งสอง
ด้านขวาเป็นตึกคล้ายกับตึกกลางเพียงแต่ดูทันสมัยและใหม่กว่าเพราะเพิ่งจะปลูก ธวัชชัยบุตรชายคนโตของครอบครัวแต่งงานกับมาลินี และรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทข้าวไทยทำ แทนคุณธนาที่เกษียณตัวเองออกมาพักผ่อนในบั้นปลาย
ด้านซ้ายเป็นบ้านขนาดกะทัดรัดรูปทรงทันสมัย และมีต้นไม้ครึ้มปกคลุมพื้นที่ตามความชอบของเจ้าของบ้าน ธาดาบุตรชายคนเล็กของครอบครัวเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น ชายหนุ่มยังโสดไม่มีครอบครัวและยังไม่มีวี่แววว่าจะพาหญิงใดเข้าบ้านมาให้ทุกคนรู้จัก
“นั่นตาหนึ่งจะไปไหน” เสียงคุณวีณาเปรย เมื่อบุตรชายคนโตกำลังจะขับรถผ่านถึงหน้าตึกใหญ่
“ไปไหนแต่เช้าเจ้าหนึ่ง” คุณธนาถามอย่างอารมณ์ดี
ตั้งแต่ธวัชชัยรับหน้าที่ดูแลบริษัทแทนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เจ้าลูกชายคนเก่งที่ทุ่มเทฝีมือทำงานอย่างเต็มที่ กิจการของบริษัทเจริญขึ้นในรอบไตรมาสที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด
“ผมนัดลูกค้ามาจากญี่ปุ่นไว้ที่สนามกอล์ฟใกล้บริษัทน่ะครับ ว่าจะไปออกรอบเป็นเพื่อนเขาเสียหน่อย เมื่อวานเพิ่งออร์เดอร์ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของเรา” ธวัชชัยชะลอรถคุยกับบิดามารดา
“ให้มันได้อย่างนี้สิเจ้าหนึ่ง เห็นไหม เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ” สีหน้าและน้ำเสียงคุณธนาพอใจกับข่าวที่ลูกชายบอกมาล่าสุด
“แล้วไม่ชวนหนูมาไปด้วยล่ะลูก หนูมาก็ชอบกอลฟ์เหมือนกันไม่ใช่เหรอ” คุณวีณาจำได้ว่าลูกสะใภ้เป็นคนทันสมัย
มาลินีเป็นนักเรียนนอกไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศและพบรักกับธวัชชัยที่นั่น ทั้งสองคบหาดูใจกันนานจนบุตรชายเรียนจบและกลับมาทำงานที่เมืองไทย หญิงสาวกลับมาจากต่างประเทศและมาเปิดกิจการส่งออกจิวเวอร์รี่เล็กๆ ตามความชอบส่วนตัว ทั้งคู่เพิ่งจะแต่งงานกันไม่ถึงสองปีและยังไม่มีโซ่ทองคล้องใจให้
“ไม่ดีกว่าครับ มาคงไม่ชอบถ้าผมต้องคอยดูแลลูกค้า ไว้ผมพาไปเองดีกว่า” ลูกชายคนโตขอตัวไปตามนัดเกรงว่าลูกค้าจะรอ
รถธวัชชัยไปไม่นาน เสียงรถอีกคันก็แล่นเข้ามาใกล้จนคุณวีณาต้องหันไปมองหาว่าใครมาแต่เช้า
“นั่นตาสองนี่คะ” คุณวีณาจำได้ว่ารถของบุตรชายคนเล็ก
“ไปไหนมาแต่เช้า” คุณธนาเปรยอีกคน
“ไปหรือกลับคะ ตาสองไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้” คุณวีณารู้นิสัยลูกชายคนเล็กดีกว่าใคร
ธาดาไม่เหมือนกับธวัชชัยทั้งหน้าตาและนิสัยใจคอ สองคนพี่น้องห่างกันแค่สองปีแต่กลับต่างกันคนละขั้ว ธวัชชัยสูงโปร่งคล้ายคุณธนารูปร่างหน้าตาผิวพรรณได้ความขาวของเธอไป หนำซ้ำยังได้นิสัยช่างพูดช่างเอาใจเป็นมิตรกับทุกคนได้เหมือนพ่อไม่มีผิดเพี้ยน
ในขณะที่ธาดาสูงกว่าพี่ชายเล็กน้อยผิวพรรณหน้าตาคล้ายไปทางคุณย่าถม แม่สามีของเธอมากกว่า นิสัยใจคอของบุตรชายคนเล็กต่างจากธวัชชัยสิ้นเชิง
ธาดาไม่ชอบสังคม สามารถอยู่คนเดียวเพียงลำพังกับกองหนังสือหรือกีตาร์โปร่งตัวโปรด บางทีก็เกมคอมพิวเตอร์ที่ติดอย่างเอาเป็นเอาตายจนใฝ่ฝันอยากเป็นนักโปรแกรมเมอร์เพื่อสร้างสิ่งต่างๆ ที่ชอบ และสุดท้ายก็ทำได้สำเร็จ
ปัจจุบันธาดารับผิดชอบงานด้านไอทีของบริษัทดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี เขาไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวันอย่างพี่ชาย ไม่จำเป็นต้องพบหน้าใครเลือกทำงานกับคอมพิวเตอร์มากกว่าคน นอกจากนี้มีเวลาว่างยังเปิดบริษัทรับงานด้านคอมพิวเตอร์ ให้กับลูกค้ารายเล็กรายน้อยเพื่อทำตามความฝันของตัวเองอีกด้วย
“ไปไหนมาลูก” คุณวีณาร้องถาม
“นี่เพิ่งไป หรือเพิ่งมาเจ้าสอง” บิดาซักอีกคน
“เพิ่งไปและเพิ่งมาครับ” ลูกชายคนเล็กยิ้มหวานแล้วรีบพูดต่อว่า
“ผมออกไปตอนตีสามเพิ่งกลับมาตอนเกือบแปดโมงครับ ยังไม่ได้นอนเลย ขอตัวไปงีบเอาแรงก่อนสักหน่อยนะครับ”
“ไปไหนมาเจ้าสอง ดึกๆ ดื่นๆ ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน” คุณธนาถามด้วยความสงสัย
ปกติธาดาเป็นคนไม่ชอบไปไหนมาไหนถ้าไม่จำเป็น ลูกคนนี้มีโลกส่วนตัวสูงและติดบ้านเป็นที่สุด
“ปลายฟ้าเพิ่งเครื่องลงก็เลยโทร.มาให้ไปรับน่ะครับ ผมไปนอนก่อนนะครับ ไม่ไหวแล้ว” ธาดาหาวฟอดใหญ่
“นี่มันอะไรกัน ปลายฟ้า ก็ไหนว่าเลิกกันจนเจ้าสองจะเป็นจะตายแล้วทำไม” คุณธนารีบหันมาหาศรีภรรยาที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งตอนนี้มีท่าทางวิตกเมื่อได้ยินชื่อนี้จากปากบุตรชายอีกครั้ง
“คุณท่านคะ ไปดูคุณมาหน่อยเถอะค่ะ เป็นอะไรก็ไม่รู้เคาะเท่าไรก็เงียบอยู่ในห้องก็ไม่ตอบ” สาวใช้วิ่งหน้าตาตื่นมาที่ตึกใหญ่
“หนูมาไม่สบายหรือเปล่าคุณ” คุณธนาหันมาถามภรรยา
“ไปดูหน่อยก็ดีค่ะ พักนี้สังเกตว่าหน้าตาหนูมาไม่สดใสเท่าไร ไม่สบายเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้” คุณวีณารีบลุกขึ้นไปดูสะใภ้ พลอยทำให้คุณธนาต้องละอาหารเช้าแสนอร่อยเดินตามไปติดๆ
เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นติดกันหลายหน คุณวีณาใจไม่ค่อยดีเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากด้านใน จึงสั่งให้แม่บ้านไขกุญแจสำรองเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ผลที่ตามมาก็คือ
“หนูมา ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะลูก” คุณวีณาตรงเข้าไปโอบกอดร่างของศรีสะใภ้ที่นั่งชันเข่าซบหน้าพร้อมกับเสียงสะอื้น ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังมีเรื่องเสียใจบางอย่าง
