บทที่3
บทที่ 3
หลงจางถอนหายใจยาวขณะมองดูลูกสาวที่ยังคงนิ่งเงียบหลังจากที่เขาบอกเรื่องที่เพิ่งไปคุยที่แก๊งพยัคฆ์ออกไป
“ป๊าจะให้หนูแต่งกับเฮียจางหยงจริง ๆ น่ะเหรอ” คำพูดนั้นยังดังก้องอยู่ในใจของจินเฟิ่ง แม้เธอจะพยายามควบคุมสีหน้าให้สงบอย่างไร แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความสับสนทั้งรู้สึกต่อต้านแต่ลึก ๆ ก็แอบดีใจ
“ใช่มีแค่อาหยงที่เหมาะสมทุกอย่างและจะช่วยหนูแก้ปัญหาที่มีได้” หลงจางย้ำด้วยน้ำเสียงที่บอกชัดว่าต้องทำ “ป๊าไม่ได้อยากเร่งรัดหนูเรื่องนี้ แต่หนูต้องเข้าใจว่าในสถานการณ์แบบนี้เราไม่มีเวลามากนัก อะไรที่ทำได้ก็ต้องรีบทำ”
“ป๊าแต่หนูแข็งแกร่งพอที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งได้ หนูไม่ต้องการให้ใครมาคอยปกป้อง หนูทำทุกอย่างเองได้” เสียงของจินเฟิ่งสั่นไหวเธอเข้าใจดีถึงความกังวลของพ่อแต่เธอก็มั่นใจในตัวของเธอเองไม่ต่างกัน
หลงจางสบตาลูกสาวนิ่ง ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มลงเหมือนพยายามจะอธิบายให้ลูกสาวของเขาเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของการกระทำนี้
“ป๊าไม่เคยสงสัยในความสามารถของหนูแม้แต่นิด แต่หนูก็รู้ว่าความสามารถอย่างเดียวไม่เพียงพอ ผู้อาวุโสในแก๊งยังไม่ยอมรับหนู หนูจะสู้กับสายตาและคำพูดเหล่านั้นไปตลอดได้หรือไง ขนาดป๊าเองเมื่อก่อนก็ยังได้ลุงไป่หูช่วยเหลือถึงได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนี้อย่างมั่นคง หากเราไม่มีคนคอยดูหลังให้ เราจะก้าวเดินไปข้างหน้าลำบากนะ”
คำพูดของบิดาทำให้จินเฟิ่งนิ่งเงียบ เธอรู้ดีว่าสิ่งที่พ่อของเธอพูดนั้นมีเหตุผล ตั้งแต่เธอเกิดมาความเป็นหญิงของเธอทำให้เธอถูกมองข้ามและดูถูก แม้จะพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำทุกอย่างอย่างตั้งใจและทุ่มเท แต่แรงต้านจากคนในแก๊งก็ยังคงมีอยู่ไม่เคยจางหาย
“แล้วเฮียจางหยงจะยอมเหรอคะ ไม่ใช่ว่าเฮียมีคนของเฮียอยู่...” หญิงสาวถามขึ้นหลังจากเงียบไปนาน น้ำเสียงเธอแฝงความขมขื่นเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีคนอยู่ข้างกายแล้ว
หลงจางยิ้ม “อาหยงรู้หน้าที่ของตัวเองดี หนูก็คงพอจะรู้ว่าเขาควงดาราดาวรุ่งคนหนึ่งอยู่ แต่พอได้ยินป๊าคุยกับพ่อของเขาเขาก็คงคิดได้ ในฐานะลูกหลานแก๊งมาเฟีย ป๊าเชื่อว่าเขารู้ว่าหน้าที่และเกียรติยศสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ที่สำคัญเขารับปากแล้ว”
จินเฟิ่งกัดริมฝีปากแน่นเมื่อได้ยิน เธอไม่ปฏิเสธว่าจางหยงคือคนที่เหมาะสมที่สุด ทั้งในแง่ความสามารถและสถานะ แต่หัวใจของเธอกลับรู้สึกแปลก ๆ แม้จะเติบโตมากับเขา รับรู้ทุกความเปลี่ยนแปลงในตัวอีกฝ่ายแต่บางครั้งก็เหมือนไม่ได้รู้จักกันเลย
“เขาก็รู้แล้วเหรอคะ... และยังตอบรับด้วย”
“ใช่” หลงจางตอบเรียบ ๆ “อีกไม่นานเขาก็คงมาคุยกับหนูด้วยตัวเอง”
คำพูดนั้นเหมือนเข็มที่ทิ่มลงกลางใจของจินเฟิ่ง เธอพยักหน้าเบา ๆ ตอบบิดาไปก่อนจะลุกขึ้น “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หนูขอตัวก่อนค่ะ”
หลงจางพยักหน้า เขามองตามหลังลูกสาวที่เดินออกไปอย่างเงียบ ๆ ผิดวิสัยของเจ้าตัว ด้วยสายตาคนเป็นพ่อเขารู้ว่าจินเฟิ่งกำลังต่อสู้กับความรู้สึกและความคิดของตัวเอง ซึ่งเขาก็อดสงสารลูกสาวไม่ได้
แต่ในฐานะผู้นำและบิดา เขาไม่อาจปล่อยให้เธอตัดสินใจด้วยหัวใจเพียงอย่างเดียวได้ เพราะมันอันตรายเกินไป
จินเฟิ่งปิดประตูห้องตัวเอง เธอยืนพิงประตูอยู่สักพักก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง ความเงียบในห้องนอนทำให้ความคิดของเธอตีกันยุ่งเหยิงไปหมด หญิงสาวยกมือขึ้นกุมหัวใจที่เต้นแรงจนคล้ายว่ามันจะเด้งออกมาเต้นที่นอกอก
ทำไม...ทำไมถึงต้องเป็นจางหยง คำพูดนี้วนเวียนอยู่ในหัวของหญิงสาวตั้งแต่ได้ยินเรื่องราวที่พ่อของเธอบอกแต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผล หรือความเหมาะสมทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องเป็นจางหยงเท่านั้น แต่เธอไม่ได้อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ไปเรียกร้องให้อีกฝ่ายมาช่วยเหลือทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายก็มีใครอยู่แล้ว
จินเฟิ่งหลับตาลง ภาพของจางหยงในวัยเด็กผุดขึ้นมาในความทรงจำ เขาเคยเป็นเพียงพี่ชายที่ชอบแหย่เธอเล่น เคยฝึกต่อสู้ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เคยวิ่งเล่นและหัวเราะกัน ก่อนที่เจ้าตัวจะกลายเป็นชายหนุ่มสุดฮอตที่เป็นที่หมายปองของสาว ๆ มากมาย
เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น จินเฟิ่งรู้ว่าช่วงหลัง ๆ ที่เจอกันทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ หากอีกฝ่ายไม่ได้มองมาหรือเข้ามาทัก เธอก็แอบมองเขาอย่างเงียบ ๆ อยู่ห่าง ๆ เพราะข้างกายชายหนุ่มมักมีสาว ๆ ที่แต่งตัวทันสมัยยืนอยู่ด้วยเสมอ ไม่ใช่เด็กสาวที่ดูแข็งกระด้างแบบเธอ
แม้จะโตมาด้วยกันแต่ตอนนี้จางหยงดูเหมือนจะอยู่ในจุดที่ห่างไกลจากเธอเหลือเกิน ทั้งรูปลักษณ์ ฐานะ และความนิยมจากคนรอบตัว จินเฟิ่งกลืนความรู้สึกชื่นชมและแอบชอบที่เกิดขึ้นมานานเก็บไว้ในใจลึก ๆ
ยิ่งพักหลังต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เธอกับเขาจึงยิ่งห่างกันออกไป แต่ใช่ว่าเขาจะหายไปจากสายตาของเธอ ภาพเขายังปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์รายวันอยู่เสมอ
ชายหนุ่มรูปงามทายาทตระกูลดังเคียงคู่กับดาราหนังดาวจรัสแสงดวงใหม่ของวงการ ไม่ว่ามองมุมใดก็ช่างเหมาะสมกัน
แต่วันนี้เมื่อได้ฟังคำพูดของบิดาบอกว่าเธออาจได้ใช้ชีวิตคู่กับเขา หัวใจของเธอกลับสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เฮีย..จางหยง...” เสียงพึมพำชื่อของชายหนุ่มดังออกมาจากริมฝีปาก ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาจนเธอไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไร หากรับเอาไว้ง่าย ๆ คงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่จะไม่รับก็ไม่ได้
จินเฟิงถอนหายใจนอนมองเพดานห้อง พลางคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้น แน่นอนว่าในนั้นมีความหวังเล็ก ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เธอเองก็ไม่กล้ายอมรับอยู่ด้วย
