บทที่2
บทที่ 2
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ที่ประดับตกแต่งด้วยของล้ำค่าจากรุ่นสู่รุ่น กลิ่นธูปอ่อน ๆ ลอยคลุ้งทำให้บรรยากาศดูขลังในแบบดั่งเดิม จางไป่หูผู้เป็นประมุขแก๊งพยัคฆ์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหลงจางสหายรักที่ตายแทนกันได้
ในสมัยหนึ่งทั้งสองต่างต่อสู้และช่วยเหลือกันและกันอย่างไม่คิดชีวิต พวกเขาทำทุกอย่างเพื่อให้ตระกูลและคนของตนยังมีหน้ามีตาและอำนาจในสังคมได้
กว่าจะพิสูจน์ตัวเองกับบรรดาคนในสายตระกูล และจัดการกับพวกตระกูลเล็ก ๆ ที่คิดจะลองดีก็ใช้เวลาไปไม่น้อย จนกระทั่งตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในจุดที่เรียกได้ว่ามั่นคง
เพียงแต่เรื่องของทายาทมันไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองอย่างสมัยพวกเขาได้ เพราะหลงจินเฟิ่งนั้นเป็นหงส์มิใช่มังกร
สองผู้นำแก๊งใหญ่ต่างจิบชาร้อนที่วางอยู่ตรงหน้าก่อนจะเป็นหลงจางที่ถอนหายใจหนักออกมา
“เรื่องนี้ก็ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครได้อีก” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่มันกลับแฝงเอาไว้ด้วยความกังวล
ไป่หูค่อย ๆ วางถ้วยชาของตนลง “ถึงไม่บอกอั๊วก็พอใจะเข้าใจ ขนาดอาหยงเก่งกาจถึงขนาดนี้อั๊วก็ยังกังวล”
จางหลงฟังแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ
“อาหยงเก่งจริง ๆ อั๊วไม่เถียงเลย แต่อาเฟิ่งของอั๊วก็เก่งไม่แพ้ชายคนไหน แต่ต่อให้อีเก่งแค่ไหนก็ยังมีพวกผู้ใหญ่ในแก๊งที่ยังยึดติดประเพณีเฮงซวย” หลงจางพูดด้วยอารมณ์ และขยับมือขึ้นกุมขมับและบีบมันเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า ชีวิตที่ผ่านเรื่องราวมากมายมาอย่างโชกโชนก็ยังไม่เหนื่อยเท่าตอนนี้
“แก๊งมังกรต้องการผู้นำที่แข็งแกร่ง และอั๊วก็มั่นใจว่าลูกสาวอั๊วเป็นคนที่ใช่ แต่ก็มีคนไม่ยอมรับเพียงเพราะอีเป็นผู้หญิง”
จางไป่หูพยักหน้าเข้าใจ “อั๊วเองก็เห็นอาเฟิ่งมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนจริงคนเก่งจนใครก็หยามไม่ได้อย่างลื้อว่าจริง ๆ แต่เรื่องแบบนี้มันมีอะไรมากกว่าแค่ความสามารถ พวกเราเองก็เคยผ่านมาแล้ว”
หลงจางพยักหน้า จริงอยู่กับคำของอีกฝ่ายเพราะขนาดเขาเป็นชายตอนขึ้นตำแหน่งยังไม่ง่ายเลย แต่ถ้ามีอะไรที่เขาพอจะทำเพื่อลดแรงต่อต้านได้เขาก็จะพยายาม
“อั๊วไม่อยากให้แก๊งแตกแยกถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อั๊วก็กลัวว่าลูกสาวจะต้องแบกรับปัญหาจนเกินกำลังของตัวเอง” หลงจางเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ
แม้จะมั่นใจว่าสหายรักคนนี้คงไม่ลังเลที่จะช่วยเขาแต่เรื่องนี้ก็ใหญ่อยู่ “เพราะอั๊วรู้ว่ามันยากเลยอยากให้อาหยงของลื้อช่วยปกป้องลูกสาวของอั๊วหน่อย...พูดอย่างนี้อาจจะเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไปแต่...”
“ไม่หรอกอย่าคิดมากอย่างไรก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว แต่ช่วยในแง่ไหน”
“อั๊วคิดว่าหากมีใครสักคนที่คนในแก๊งยอมรับมายืนเคียงข้างอาเฟิ่ง มันอาจจะช่วยลดแรงกดดันได้ อั๊วอยากให้อาหยงของลื้อแต่งงานกับอาเฟิ่ง” จางไป่หูดูหนักใจเมื่อได้ยินคำของสหายรัก
“ลื้อก็รู้ถ้าเป็นเรื่องอื่นอั๊วไม่มีทางปฏิเสธ แต่เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่อั๊วจะตอบได้ทันที มันต้องขึ้นอยู่กับอาหยง...ก็ไม่รู้ว่า...”
ยังไม่ทันที่ไป่หูจะพูดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังขึ้นที่ทางเข้า ชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามา เขาโค้งให้กับคนมีอายุทั้งสองก่อนจะเข้ามาร่วมวงสนทนา
“ป๊า คุณลุงจางสวัสดีครับ” จางหยงเดินเข้ามาหยุดใกล้คนทั้งสอง ดวงตาคมของเขามองไปที่ทั้งสองอย่างแน่วแน่
“อาหยง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ไป่หูถามลูกชาย
“กลับมาทันได้ยินเรื่องของเสี่ยวเฟิ่งพอดีครับ” จางหยงกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ก่อนจะหันไปมองหลงจางคนที่เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ของเขาอีกคน “ถ้าการแต่งงานของผมจะช่วยให้คุณลุงและเสี่ยวเฟิ่งผ่านปัญหาครั้งนี้ไปได้ผมก็ยินดีครับ”
หลงจางชะงักเล็กน้อย มองจางหยงด้วยแววตาประหลาดใจ “ลื้อพูดจริงเหรออาหยง แต่นี่มันเรื่องใหญ่สำหรับชีวิตของลื้อนะ”
“ผมมั่นใจครับ” จางหยงตอบชัดเจนหนักแน่น “เสี่ยวเฟิ่งเป็นเหมือนญาติของผมไม่ต่างจากคุณลุง ถ้าการแต่งงานมันจะช่วยให้คุณลุงสบายใจ และทำให้ทุกอย่างในแก๊งมังกรราบรื่นผมก็พร้อมที่จะช่วย”
หลงจางมองเขาด้วยแววตาที่ทั้งโล่งใจและลังเลไปพร้อม ๆ กัน “ถ้าลื้อมั่นใจแบบนี้อั๊วก็เบาใจ แต่ว่ามันคงไม่ง่าย อาเฟิ่งไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่าย ๆ วันนี้ที่มาพูดอีก็ยังไม่รู้เลย”
จางหยงหัวเราะเบา ๆ และคิดตามว่าถ้าอีกฝ่ายรู้หลงจางก็คงต้องถูกลูกสาวโกรธเป็นวันแน่ ๆ “คุณลุงไม่ต้องห่วงผมจะพูดกับเสี่ยวเฟิ่งเอง”
จางไป่หูที่ฟังอยู่เงียบ ๆ พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่สบายใจกว่าก่อนหน้านี้ “ถ้าลื้อสองคนตัดสินใจกันได้แล้ว ที่เหลือก็แค่ทำให้อาเฟิ่งยอมรับก็แค่นั้น” อย่างไรเขาก็ยินดีที่จะดองกันกับเพื่อนรักคนนี้อยู่แล้ว
“อั๊วฝากอาเฟิ่งด้วยนะอาหยง” หลงจางพูด เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก “อาเฟิ่งอีดื้อจริง ๆ แต่ลื้อน่าจะรับมือได้”
จางหยงยิ้มบาง ๆ แม้จะดูมั่นใจ แต่ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าการทำให้จินเฟิ่งยอมรับนั้น อาจเป็นบททดสอบที่ยากที่สุดในชีวิตของเขาก็เป็นได้ ให้ไปจัดการแก๊งศัตรูคงง่ายกว่า ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอนั้นนิสัยเป็นเช่นไร ก็เห็นกันมาตั้งแต่วัยหัดคลาน เพิ่งมาห่างกันช่วงที่เขาเข้ามารับตำแหน่งแทนบิดา แล้วเธอก็ฝึกหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนในแก๊งเห็น
