บท
ตั้งค่า

ตอนที่8หาอะไรทำ

ริมลำธารข้างเรือนไม้ไผ่ในวันนี้อากาศเย็นสบาย ยอดหญ้าพลิ้วไหวโอนเอียงตามลม

จ้าวเหว่ยยังคงนั่งตกปลาอย่างเย็นชา ทำตัวธรรมดาเหมือนเช่นเคย ชุดของเขายังคงเป็นผ้าเนื้อหยาบสีหม่น เส้นเสียงยังคงแหบพร่าน่าเกลียด ใบหน้ายังคงมีริ้วรอยแผลเป็นเช่นเดิม

แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือแผ่นหลังที่เคยงอคุ้มกลับตั้งตรงงามสง่า พาให้ผู้แอบมองต้องขยี้เบ้าตาอย่างไม่อาจเชื่อ

ชายชุดดำผู้เป็นองครักษ์ลับของรัชทายาทหนุ่มลอบมองแล้วมองอีกอยู่เป็นนาน ก่อนตัดสินใจส่งสัญญาณบางประการจากริมลำธารอีกฝั่ง

เพราะว่าอู๋เจี๋ยยังไม่สามารถข้ามค่ายกลมรณะเข้าไปได้

ถึงแม้ร่างกายก่อนหน้านี้ที่ถูกไม้แหลมของกับดักทิ่มแทงจะรักษาจนหายดีแล้วก็ตาม

จ้าวเหว่ยเห็นธนูดอกเล็กสีแดงสดถูกยิงมาตกที่ปลายเท้า ก็เข้าใจได้ทันที เขาจึงหรี่ตาเพ่งมองไปยังต้นทางของลูกธนูเห็นอู๋เจี๋ยอยู่ไกลๆ ในทิศตรงกันข้าม กำลังยืนโบกมือประหนึ่งเห็นสวรรค์ อ้าปากพะงาบๆ อ่านได้ว่า

‘ช่วยด้วย! กระหม่อมเข้าไปมิได้’

ชายหนุ่มนิ่งคิดชั่วครู่ก็เข้าใจได้ในเวลาต่อมา

เขาปรายสายตามองไปรอบบ้าน เห็นมีลำไผ่ไขว้กันในแนวราบ ท่อนไม้ตั้งชันเรียงราย เถาวัลย์พันเกี่ยวยุ่งเหยิง ยังมีแท่นหินคมกริบ แท่งไม้แหลมคม และอาวุธลับมากมาย

ทั้งที่ซ่อนอยู่และเปิดเผยระโยงระยางไปทั่ว ทุกสิ่งพร้อมทิ่มแทงหากมีใครกล้าเข้ามา

มุมปากใต้เคราพลันยกยิ้มบางเบาโดยไม่รู้ตัว

จ้าวเหว่ยนึกถึงแผนผังบนแผ่นไม้ที่ซานซานเขียนขึ้นมาจากปลายถ่านดำก่อนที่จะถูกเผาไฟเพื่อทำลาย

หลังจากวิเคราะห์โดยละเอียดด้วยตนเอง จ้าวเหว่ยพบว่าอย่าให้อู๋เจี๋ยเข้ามาดีกว่า ควรเป็นเขาที่เป็นฝ่ายออกไป

เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงกระโจนตัวลงน้ำแล้วว่ายข้ามไปอีกฝั่ง หลบหลีกอาวุธลับใต้ธาราได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าเขาได้เห็นแผนค่ายกลทั้งหมดแล้วจนกระจ่างชัด

ทันทีที่จ้าวเหว่ยมาถึงตัวชายชุดดำ พลันพากันหายตัวไปทางหลังพุ่มไม้ ได้ยินเสียงกระซิบถามอย่างร้อนรนจากอีกฝ่ายว่า

“องค์ชาย! เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดบ้านพระองค์จึงรุกล้ำได้ยากเย็นเช่นนี้”

เขาตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่เผยความจริง

“เกี่ยวอันใดกับเจ้า”

“...!?”

อู๋เจี๋ยตะลึงวูบขมวดคิ้วมุ่นเงียบงันไปไม่กล้าถามต่อ หลังจากใคร่ครวญอย่างละเอียดรอบหนึ่งก็ระลึกได้ว่า หลายวันก่อนเห็นคนบ้านหานเข้ามาอย่างอุกอาจไร้มารยาท นายเหนือหัวผู้รักสันโดษคงรำคาญจึงเป็นคนสร้างค่ายกลขึ้นมาด้วยตนเอง

เมื่อความสงสัยประการแรกได้รับคำตอบ สายตาพลันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเจ้านาย อู๋เจี๋ยถามอีก

“องค์ชาย เหตุใดแผ่นหลังของท่าน...”

จ้าวเหว่ยหรี่ตา “เรื่องนั้นช่างมันเถิด”

“...!?”

ครานี้องครักษ์คนสนิทยิ่งงงหนักเบิกตาโพลงอ้าปากจะถามต่อ พลันได้ยินจ้าวเหว่ยถามกลับด้วยเสียงเยือกเย็น

“สตรีที่ข้าแต่งงานด้วยไม่ธรรมดา นางใช่บุตรสาวพ่อค้าในหมู่บ้านอันห่างไกลความเจริญแห่งนี้จริงหรือ?”

อู๋เจี๋ยได้ยินดังนั้นยิ่งฉงนขั้นสุด เขารีบตอบกลับอย่างมั่นใจว่า “ชิงหลินนางนี้คือธิดาของหานอี้ซวนไม่ผิดแน่พ่ะย่ะค่ะ ตั้งแต่เล็กจนโต นางไม่เป็นที่รัก ถูกคู่หมั้นหักหลัง น้องสาวชิงชัง บิดามารดาละเลย แม้งดงามแต่นิสัยใจคออ่อนแอโง่เขลา ทั้งยังหลอกง่าย นางถูกลวงให้แต่งงานกับกงหนิว”

“เหย่หนิว!”

จู่ๆ จ้าวเหว่ยพลันเอ่ยขัด ทำคนสนิทต้องกะพริบตามองอย่างไม่เข้าใจ

ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ “นางเรียกข้าว่าเหย่หนิว”

ถึงแม้จะยังงุนงง แต่อู๋เจี๋ยก็ตอบกลับไปอย่างเอาใจ

“วัวกระทิงเลยหรือ? …ฟังดูร้อนแรงขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ”

จ้าวเหว่ยแค่นเสียงหยัน “ดีกว่ากงหนิวที่ชาวบ้านเรียก”

อู๋เจี๋ยยิ้มแห้งๆ พลางพยักหน้าเห็นด้วย แล้วรายงานต่อ

“ชิงหลินนางนี้ น่าเห็นใจมากนัก ถูกใส่ร้ายก็เอาแต่ร้องไห้ ยามที่น้องสาวกลั่นแกล้งก็เพียงก้มหน้า ไม่เอ่ยวาจา เถียงใครก็ไม่เป็น ยามพูดคุยก็ปากคอสั่น ไม่มั่นใจในตนเอง เสียงเบา พูดช้า เป็นสตรีที่ยอมรับชะตากรรมจนน่าเวทนา ท่าทางไม่ประสีประสาต่อโลกหล้า ไร้เสน่ห์ เชื่อคนง่าย...”

อู๋เจี๋ยสาธยายสิ่งที่รู้มาเกี่ยวกับชิงหลินทั้งหมด ทุกคำล้วนจริงใจต่อเจ้านาย ไม่มีความคิดที่จะโกหก เขากล่าวเสียงแผ่วอย่างตรงไปตรงมาอีกว่า “อันที่จริง ชิงหลินผู้นี้ ไม่มีค่าคู่ควรกับองค์ชายเลยแม้แต่น้อย ไม่อาจเทียบสาวใช้อุ่นเตียงได้เลยด้วยซ้ำ นับจากค่ำคืนเข้าหอ นางได้อยู่ร่วมกับพระองค์ นับว่าเกินฝันยิ่ง”

องครักษ์หนุ่มเอ่ยอย่างดูแคลน โดยมิได้สังเกตสายตาของเจ้านายเลยสักนิด ว่ากำลังทอประกายลึกล้ำปานใด

ทางด้านอีกฝั่งหนึ่งของริมลำธาร หญิงสาวที่กำลังถูกกล่าวถึงกำลังนั่งนิ่งอยู่ภายในเรือนไม้ไผ่

ซานซานยามนี้กำลังลอบฝึกลมปราณอยู่บนเตียงตั้งแต่ขั้นแรก นางในชาติก่อนมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ ผงาดกล้าสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ไม่กลัวนรกไม่เกรงสวรรค์

แต่นางในชาตินี้ที่ถูกอาจารย์ลงทัณฑ์ ไม่มีดีอันใดเลย มีแค่หน้าตาที่งดงามหมดจด และมีเพียงสิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้น

มนุษย์ผู้หนึ่งจะมีดีแค่หน้าตาได้อย่างไร ซานซานรู้สึกไม่พึงพอใจเอาเสียเลย นางโลภมากยากระงับ ทั้งยังทะยานอยากในวิชามารเช่นกาลก่อน นิสัยโฉดชั่วยังคงติดตัวฝังร่างหยั่งลึกในจิตวิญญาณ เมื่อร่างกายนี้ไม่พร้อม นางย่อมทำให้พร้อมด้วยตนเอง

อาจารย์! ขอบคุณที่ไม่ทำลายเคล็ดวิชามารในสมองข้า ต่อไปศิษย์ขอสัญญาว่าจะไม่แย่งชิงคนรักผู้อื่นให้เสื่อมเกียรติอีก

นี่คือปณิธานของซานซานในชาตินี้

ระหว่างที่กำลังเริ่มต้นฝึกทุกสิ่งใหม่ตั้งแต่ต้นอย่างขยันขันแข็ง ในใจพลันคิดไปถึงสามี

นางและเขาคล้ายแตกต่างแต่กลับเหมือนกันอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้

ตัวนางต้องการฝึกยุทธ์แต่ร่างกายนี้กลับไม่มีกระทั่งลมปราณ

ส่วนสามีสัดส่วนพื้นฐานดียิ่ง แต่ถูกทำลายวรยุทธ์ไปสิ้น

เช่นนั้นเราสองสามีภรรยาควรฝึกฝนไปพร้อมกันถึงจะถูก ภายภาคหน้าอาจจะกลายเป็นคู่รักผู้สั่นสะเทือนน่านฟ้าก็เป็นได้

ซานซานลุกขึ้นพรวดพราดออกจากเรือนทันที มองหาสามีทันใด เห็นเขากำลังว่ายน้ำกลับมาทางฝั่งนี้ ก็คิดว่าคงกำลังหาปลา จึงตะโกนว่า

“เหย่หนิว ไม่ต้องหาแล้ว เข้าเรือนเถิด ข้ามีแผนใหม่!”

ยามที่ได้ยิน จ้าวเหว่ยก็ขึ้นน้ำมาแล้ว

ใบหน้าไร้อารมณ์ของเขามีเรียวคิ้วขมวดวูบ

นางช่างวุ่นวาย...

ซานซานยามนี้เป็นสตรีที่วุ่นวายจริงๆ

เพราะถ้าหากนางไม่ทำตัววุ่นวาย นางต้องกลายเป็นคนฟุ้งซ่านแน่ๆ เนื่องจากวิญญาณของร่างคือซานซาน ทว่าร่างกายสามสิบสองประการยังเป็นชิงหลินผู้อ่อนแอ

ถึงแม้จะมิได้โง่เขลาเหมือนเก่า แต่ความรู้สึกเศร้าสลดยังคงกัดกินจิตใจ นับว่ารบกวนซานซานอย่างยิ่ง

หญิงสาวจึงอยู่นิ่งมิได้จริงๆ ต้องหาอะไรทำตลอดมา ตั้งแต่สร้างค่ายกลขจัดมารเพื่อมิให้ครอบครัวหานมารุกราน ต่อมาฟื้นฟูความรู้ในสมองตนแล้วรักษากระดูกสามี กระทั่งออกหาสมุนไพรให้เขาได้ดื่มกินติดต่อกันจนสภาพของเขาเริ่มเข้าที่ และยามนี้ยังคิดจะฝึกวิชามารทั้งหลายพร้อมกับเขา ทุกสิ่งล้วนส่งเสริมกันอย่างมีเหตุผล

หากซานซานในชาตินี้จักกลายเป็นจอมยุทธ์หญิงอีกครั้งในคราบชิงหลินก็นับว่าสมควรแล้ว

ยามถูกเรียกขาน จ้าวเหว่ยมิได้เข้าเรือนในทันที

เขาพาร่างเปียกชื้นเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทางฝั่งหนึ่งซึ่งห่างจากห้องนอนเล็กน้อย ท่าทางของเขาเฉยชา ไม่สนใจภรรยาผู้เรียกหา ไม่นานก็พาร่างสูงใหญ่ในชุดที่แห้งสนิทแต่เก่าคร่ำเช่นเดิมเข้ามาในห้อง เห็นอีกฝ่ายมิได้มองเขาเลยแม้แต่น้อย

เรียวคิ้วบุรุษพลันขมวดวูบ ใบหน้าบึ้งตึงโดยไม่รู้ตัว

ทางด้านซานซาน นางมิได้สนใจจ้าวเหว่ย แต่กำลังใช้ถ่านไม้สีดำนั่งเขียนอะไรบางอย่างลงบนแผ่นไม้หน้ากว้าง ขยุกขยิกไม่หยุด ท่าทางลำบากไม่เบา

ชายหนุ่มยิ่งขมวดคิ้วมุ่น หรี่ตาจ้องมอง

โดยที่ไม่รู้ตัว จ้าวเหว่ยกำลังคิดว่า เขาควรหากระดาษกับพู่กันมาติดบ้านหลังนี้สักหน่อย

หมู่บ้านผิงเหยียนแห่งนี้หากเป็นชาวบ้านชั้นต่ำ ย่อมไม่รู้หนังสือ และเพื่อความแนบเนียน จ้าวเหว่ยจึงมิได้สรรหามาไว้ แม้แต่ม้วนไม้ไผ่ก็ยังไม่มี

จึงนับว่าไม่แปลกหากจะหากระดาษหมึกพู่กันในบ้านหลังนี้ไม่ได้

แต่ถ้าจะมีก็ถือว่าไม่แปลกอยู่ดี

เพราะยามนี้กงหนิวผู้ทึ่มทื่อได้แต่งภรรยาที่รู้หนังสือแล้ว เพียงแต่ราคาของมันค่อนข้างแพงไปสักหน่อย สำหรับชายพิการที่ไม่มีงานทำ วันๆ เอาแต่หากินกับอาหารป่าเช่นนี้ จะเอาเงินที่ใดไปซื้อหา

ร่างสูงยืนมุ่นคิ้ว ครุ่นคิดเคร่งเครียด

สิ่งที่ซานซานกำลังเขียน คือเคล็ดวิชาสยบมารขั้นพื้นฐานที่คิดจะร่วมฝึกฝนกับสามี เมื่อเขียนเสร็จก็เงยหน้าขึ้น กำลังจะเอ่ยคำแต่กลับไม่มีคนฟังเสียแล้ว

เหย่หนิวของนางหายไปตั้งแต่เมื่อใดมิอาจทราบ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเขายังยืนอยู่ตรงนี้

หญิงสาวได้แต่มองกลางห้องอย่างงุนงง นั่งรอชายหนุ่มอยู่เช่นนั้น เนิ่นนานผ่านพ้น ในที่สุดเขาก็กลับมา ได้ยินเสียงคล้ายสัตว์ป่ากำลังร้องระงมอยู่ไม่ไกล

ซานซานให้นึกแปลกใจจึงรีบออกมาดู เห็นคนตัวใหญ่กำลังจัดการมัดไก่ป่าและกระต่ายป่าอย่างแน่นหนาแล้วออกปากสั่งการมาทางนาง “เจ้านำไปขาย!”

“หา!”

ยังไม่ทันที่ซานซานเอ่ยปากถามก็ได้ยินเขาสั่งอีกครั้ง

“ได้เงินแล้วก็ซื้อกระดาษพร้อมเครื่องเขียนมา”

หญิงสาวกะพริบตางุนงง อึดใจก็หันหน้าไปมองแผ่นไม้ที่เขียนด้วยถ่านสีดำอย่างยากลำบาก “อ้อ...เข้าใจแล้ว”

ซานซานรีบวิ่งออกมารับสัตว์ป่าแบกขึ้นไหล่อย่างทุลักทุเล ทว่าไม่บ่นสักครึ่งคำ จากนั้นก็รีบร้อนเดินจากไป

ในใจคิดว่าแม้การใช้ชีวิตเป็นหญิงชาวบ้านไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินกำลังที่จะเริ่มต้นใหม่ คิดแค่ว่าท่านอาจารย์สอนสั่งศิษย์ผู้โง่เขลาได้ดียิ่ง

ไม่ว่าซานซานจะชั่วช้าเลวทรามเพียงใด ก็ยังมีท่านปรมาจารย์เซียนหย่งสือที่เอาอยู่

หญิงสาวเมื่อชาติที่แล้วเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งไม่ต่างจากเดรัจฉาน เกือบตายไปแล้วด้วยเขี้ยวหมาป่า ได้รับการช่วยเหลือจากเซียนหย่งสือในเสี้ยวเวลา ยื้อชีวิตนางเอาไว้จนรอดตายอยู่หลายครา ท่านเลี้ยงดูซานซานจนเติบใหญ่ สอนสั่งทุกสิ่งไม่มีหวงแหน

เป็นทั้งบิดาเป็นทั้งอาจารย์และเจ้าชีวิต เมื่อศิษย์ทำผิด การลงโทษย่อมสมควรแล้ว

คล้อยหลังซานซาน

จ้าวเหว่ยที่เช็ดเนื้อตัวทำความสะอาดอีกรอบเสร็จสิ้นก็เดินเข้าเรือน เห็นแผ่นไม้ที่ถูกเขียนด้วยถ่านวางอยู่

เขายืนมองอย่างสงบเยือกเย็น ทว่าชั่วครู่ต่อมาพลันใจเต้นรัว

บนแผ่นไม้นี้มีตัวอักษรเล็กน้อยอธิบายเพียงสองประโยคซึ่งเป็นอักษรโบราณอ่านยาก ทว่ามีภาพวาดชัดเจน

กระบวนท่าที่หนึ่งยืดหดเส้นเอ็นและกระบวนท่าที่สองล้างพิษเพิ่มไขกระดูก

ชายหนุ่มถึงกับเบิกตากว้าง

นี่มิใช่ตำรายืดหดเส้นเอ็น ในตำนานหรอกหรือไร?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel