ตอนที่7ดูแลสามี
ถึงแม้ไม่มีวรยุทธ์หรือวิชามารอันใดเหมือนร่างเดิม
หากแต่ซานซานในร่างชิงหลินยังคงมีความทรงจำเกี่ยวกับเคล็ดวิชามารทุกอย่างกระทั่งการจัดทำค่ายกลทุกค่าย ยามนี้ค่ายกลแบบง่าย นางจึงสร้างขึ้นมาได้ไม่ยาก
ชาติที่แล้ว ซานซานคือจอมยุทธ์หญิงที่มีฝีมือร้ายกาจ ได้รับฉายาว่านางมารอย่างช่วยไม่ได้
พอมาชาตินี้ถึงแม้จะอ่อนแอไปหน่อย หากแต่ออกแรงมากๆ ก็เท่ากับได้ฝึกฝน มือเท้าของร่างกายนี้ยังมีครบ ไม่มีอะไรต้องกังวล ทั้งนี้การสร้างค่ายกลยังนับเป็นการฝึกวิชาเบื้องต้น ซานซานที่ชอบฝึกยุทธ์เป็นทุนเดิมจึงแช่มชื่นในการทำเรื่องเหล่านี้
หญิงสาวมีความคิดที่จะเริ่มต้นฝึกยุทธใหม่อีกครั้ง ทำเหมือนเมื่อก่อนที่เริ่มจับกระบี่ฟันดาบตั้งแต่จำความได้
เพียงแต่แรกเริ่มที่พยายามออกแรงทำงาน ซานซานถึงกับหมดพลังล้มลง หลังจากพักจนหายเหนื่อย ก็เริ่มทำใหม่ เมื่อไม่ไหวก็หยุดก่อน พอมีแรงขึ้นมาก็ทำใหม่ วนเวียนไปเช่นนั้น
ยามนี้นางกำลังเดินไปเดินมาระหว่างบ้านกับริมลำธาร ทั้งยังเดินขึ้นลงระหว่างลานหน้าบ้านกับเชิงเขาไม่หยุดหย่อน จากเช้าจรดเย็น เย็นจรดค่ำ กระทั่งทำค่ายกลพื้นฐานเสร็จในหลายวันต่อมา จนร่างกายที่เคยอ่อนแอเริ่มแข็งแรงทีละน้อย กำลังวังชาก็มีเพิ่มขึ้นมา ข้อมือข้อแขนก็เริ่มมีพลังขึ้นมาก
จ้าวเหว่ยมองการกระทำของซานซานอยู่เงียบๆ ไม่คิดสอบถามหรือห้ามปรามอันใด นัยน์ตาคมดำยังคงลึกล้ำดุจห้วงมหาสมุทรไร้ก้นบึ้ง ในใจคิดเพียงว่า นางอยากทำสิ่งใดในบ้านของเขาก็ตามใจเถิด แต่อย่ามายุ่งกับเขาก็พอ
ทว่าชายหนุ่มกลับคิดผิดไป เมื่อคืนหนึ่งมาเยือน ในจังหวะที่กำลังจะเข้านอน ซานซานพลันใช้ร่างเล็กของตนตะครุบร่างใหญ่ของเขาเอาไว้บนเตียง จับข้อมือหนามาพลิกก่อนตรวจชีพจรอย่างรวดเร็ว
“เจ้าจะทำอะไร?” จ้าวเหว่ยถามเสียงเข้ม สีหน้าไม่พอใจ
“อยู่นิ่งๆ” ซานซานหลับตาฟังเส้นสายโลหิตของอีกฝ่าย
เนื่องจากพวกเขาเป็นสามีภรรยาที่เคยเข้าหอกันแล้ว และทั้งบ้านก็มีเพียงเตียงเดียว แม้มิได้ทำกิจกรรมเคาะจังหวะอันแสนจะรัญจวนระหว่างชายหญิง แต่ยังต้องนอนด้วยกันอยู่ดี
กอปรกับคืนนี้ว่างจากงานค่ายกลแล้ว ซานซานจึงมีเวลาให้ชายผู้เป็นสามีเต็มที่
ภายใต้แสงเทียนที่สาดส่องในห้อง ใบหน้าของหญิงสาวจริงจังมาก แววตาแน่วนิ่ง ขึงขังเป็นพิเศษ ราวกับกำลังจะทำเรื่องที่ต้องใส่ใจที่สุดในใต้หล้า มิอาจทำพลาดได้แม้แต่นิดเดียว
จ้าวเหว่ยหรี่ตามองอย่างงุนงง ขมวดคิ้วแน่น
ซานซานเปลี่ยนจากจับชีพจรตรงข้อมือ มาจับชีพจรตรงลำคอ แล้วเลื่อนปลายนิ้วไปตามร่างกายของคนตัวสูง ไล้แผ่วเบาตามแนวกระดูก
“อะไรของเจ้า?”
จ้าวเหว่ยถามเสียงขรึม สร้างบรรยากาศให้เคร่งเครียด สะกดความรู้สึกร้อนวูบวาบจากสัมผัสของปลายนิ้วนาง
“ที่แท้เหย่หนิวของข้าก็ถูกทำลายวรยุทธ์มา”
ซานซานเอ่ยอย่างแปลกใจ คล้ายกับเจอเรื่องประหลาด ทว่ากิริยากลับสงบนิ่ง
“เจ้า...”
ครานี้เป็นจ้าวเหว่ยที่นึกแปลกใจมองนางตรงหน้าด้วยแววตาตะลึงงัน
อันที่จริง นางก็ทำตัวแปลกประหลาดตั้งแต่วิ่งไปวิ่งมาวิ่งขึ้นลงภูเขาแล้วสร้างกับดัก ทว่าเขาเพียงมองอยู่ห่างๆ คิดว่านางแค่เล่นสนุกก็เท่านั้น แต่ยามนี้นางกลับมิใช่สตรีอย่างที่เห็น
นางมิใช่ชิงหลินผู้โง่เขลา
เป็นที่แน่นอนว่าจ้าวเหว่ยไม่อาจล่วงรู้ ว่าซานซานเคยสำเร็จวิชามารสารพัด ฝึกศาสตร์แห่งยุทธ์มาทุกแขนง การจับเส้นชีพจรแค่นี้ย่อมล่วงรู้ได้ไม่ยาก ทั้งยังสามารถรักษาได้อีกด้วย
คนผู้หนึ่งซึ่งเคยเป็นจ้าวสำนักอันยิ่งใหญ่ทั้งยังปกครองสมุนมากมาย เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ หากไม่รู้ คงดูแลลูกสมุนที่เสี่ยงตายเพื่อนางมิได้แล้ว
บางคนยังถูกนางหักกระดูกแล้วจับมาต่อเองด้วยซ้ำ เส้นเอ็นทั้งหลายนางยังสะบั้นกับมือแล้วจับต่อเองกับมือ
วิชายึดเส้นต่อกระดูกเปลี่ยนเอ็นเป็นความรู้พื้นฐานของวิชาฝ่ามือมรณะที่ซานซานเคยฝึกสำเร็จเมื่อชาติที่แล้ว
ถึงแม้ว่ายามนี้ยังมิทันได้เริ่มฝึกฝนวิชายุทธ์ ทว่าทุกสิ่งยังอยู่ครบภายในสมองของนาง การงัดมาใช้กับสามีย่อมดีแน่นอน
ซานซานในชาติก่อนนั้น มักจะสร้างศัตรูไปทั่ว นำภัยเข้าสำนักเสมอ ทำให้ลูกน้องต้องต่อสู้จนบาดเจ็บเกือบตายมากมาย
นางจึงต้องดูแลจนหายดี จะได้ออกไปกรำศึกทำเรื่องชั่วๆ เพื่อนางตลอดไป
มิรู้ว่าเจ้าพวกนั้นจะร้องไห้หรือหัวเราะที่นางตายเสียแล้ว
นานครู่ใหญ่ที่เรียวนิ้วของซานซานเพียงไล้แผ่วไปตามกล้ามเนื้อตึงแน่นของจ้าวเหว่ย
เบาราวปีกภมรบินผ่าน คล้ายหยอกเย้ามวลบุปผา
ทำเอาชายหนุ่มเกือบเคลิ้มตาม ทว่าพริบตาพลันได้ยินเสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบ!
“อ๊า...”
ค่ำคืนมืดมิดรอบด้านวังเวงบ้านไม้ไผ่อันโดดเดี่ยวริมธาร พลันมีเส้นเสียงแหบพร่าถูกเปล่งออกมาจากลำคอหนาแกร่ง ฟังออกว่าเจ็บปวดสุดแสน ดังจนทะลุเรือนออกมาไกลโข
คืนนั้นทั้งคืน ไม่มีใครล่วงรู้ว่า กำลังมีชายชุดดำผู้หนึ่งนามว่าอู๋เจี๋ย ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการเข้าไปช่วยองค์รัชทายาทของเขา
ทว่าการฝ่าด่านค่ายกลแปดทิศขจัดมารไม่ง่ายดาย องครักษ์หนุ่มถึงกับบาดเจ็บสาหัสเลือดท่วมโทรมกาย
หมดเรี่ยวหมดแรงลอยไปกับสายน้ำ
“อะ...องค์ชาย กระหม่อมมิอาจปกป้องท่านได้...”
เสียงนั้นแผ่วเบาไม่อาจดังไปกว่าเสียงลมราตรี
แสงแดดรุ่งอรุณสาดส่อง ส่งความสว่างลอดผ่านลำไม้ไผ่ ทะลุทะลวงไปทั่วห้องนอน
เรือนร่างสูงใหญ่ของจ้าวเหว่ยนอนคว่ำหน้ายาวเหยียดอยู่บนเตียงนอนราวกับปลาตาย ไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย ความปวดร้าวแผ่ซ่านไปทั่วร่างหนา ความระบมแทรกซึมลึกล้ำถึงไขกระดูก ทรมานเจียนตาย
ทว่าจากที่ต้องนอนงอตัวเพราะกระดูกผิดรูปมาเนิ่นนาน บัดนี้ชายหนุ่มกลับนอนได้ตัวตรงนัก เห็นได้ชัดว่ากระดูกของเขาเริ่มจะเข้าที่ดีแล้ว รอเพียงฟื้นตัวเท่านั้น
อันที่จริง ตัวเขาสามารถหาหมอที่เก่งที่สุดมารักษาให้ได้ ทว่ากลับมิอาจทำ เพราะมันเสี่ยงเกินไป หากมีข่าวเล็ดลอดออกไปเกี่ยวกับการพาท่านหมอฝีมือสูงส่งมารักษาชายหลังค่อมที่ผิงเหยียน คนอื่นย่อมล่วงรู้ที่ซ่อนตัวของเขา อาจนำมาซึ่งอันตราย มิสู้รอจนเรื่องวุ่นวายเงียบสงบ ตัวเขาค่อยกลับไปรักษาที่วังหลวงก็ยังไม่สาย
แต่ใครจักคาดคิดว่าเขาจะได้แต่งงานกับสตรีประหลาด
ยามนี้สตรีประหลาดของจ้าวเหว่ยมิได้อยู่ในห้อง นางออกจากเรือนเพื่อเดินทางขึ้นเขาไปตั้งนานแล้ว
ซานซานเคยฝึกวิชาหมื่นพิษ รู้จักสมุนไพรหลายชนิด ทั้งที่มีคุณและโทษนางล้วนจำได้ จึงคิดจะนำมาเคี่ยวทำยารักษาสามีอย่างต่อเนื่อง
อุตส่าห์ได้สามีเป็นของตนเองทั้งทีต้องดูแลให้ดีสักหน่อย
หญิงสาวใช้เวลาหาสมุนไพรที่ต้องการอยู่เป็นนาน เมื่อได้ตามที่ต้องการก็ลงเขากลับเรือน นั่งต้มแล้วเคี่ยวอีกครู่ใหญ่ ระหว่างนั้นเห็นเนื้อตัวตนเองสกปรกมอมแมมมาก จึงคิดจะอาบน้ำ
ทว่าเรือนก็เล็กเท่านี้ มิได้มีห้องอาบน้ำแยกออกไปจากห้องนอน การจะลงไปแช่น้ำในลำธารยามกลางวันก็ออกจะโจ่งแจ้งเกินไป
ซานซานจึงลากถังไม้เปล่ามาไว้ในห้องนอน ก่อนจะยกน้ำมาใส่ค่อนถัง แล้วอาบต่อหน้าคนตัวโตที่นอนยาวเหยียดบนเตียงเสียเลย
เดิมทีชาวบ้านธรรมดาไม่ค่อยนิยมอาบน้ำทุกวัน มีเพียงสองสามีภรรยาคู่นี้เท่านั้นที่อาบน้ำบ่อยโดยมิได้นัดหมาย เป็นความชอบที่เหมือนกันโดยไม่รู้ตัว
เพียงแต่ก่อนหน้านั้น ทั้งสองแยกกันอาบน้ำในยามค่ำคืนที่ท้องฟ้ารอบทิศมืดมิดหมดแล้ว ทั้งยังมิได้เข้าหอกันอีกเลยนับตั้งแต่วันแต่ง
เพราะชายหนุ่มเว้นระยะห่างจากหญิงสาวชัดเจนเมื่อไม่มียาปลุกกำหนัดมากระตุ้นเร้า เขาจึงไม่คิดแตะต้องนางอีก
ส่วนซานซานที่มัวแต่วุ่นวายกับงานค่ายกลตลอดวัน จึงใช้พลังงานไปมากโข ค่ำมาก็หมดเรี่ยวหมดแรงหลับเป็นตาย
ทั้งคู่นับว่าเป็นสามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์แปลกประหลาดสักหน่อย จะว่าใกล้ชิดก็มิใช่ ห่างเหินก็ไม่เชิง
ยามนี้ซานซานกำลังเปลือยร่างขาวผ่องเนียนนุ่มอาบน้ำอยู่ในอ่างไม้ภายในห้องเดียวกับจ้าวเหว่ยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
หญิงสาวนึกชมชอบร่างนี้มากนัก เนื้อเนียนละเอียดนุ่มนวลผุดผาด สัมผัสเรียบลื่น ริ้วรอยแผลเป็นสักนิดก็ไม่มี งดงามเหลือเกิน
ชาติก่อนผิวของซานซานทั้งแห้งและหยาบกร้าน ผิวสีน้ำตาลมิได้ขาวดุจหยกเสลาเยี่ยงนี้ ใบหน้าหรือก็อัปลักษณ์ทั่วตัวมีแต่รอยแผลเป็นขรุขระ เมื่อเทียบกับชาตินี้ช่างห่างกันราวฟ้ากับเหว
นางจึงลูบไล้แขนขาเรียวยาวอย่างเชื่องช้า กรีดนิ้วลากยาวขึ้นมาคลึงเนินเนื้อกลมนูนนุ่มนิ่ม ไล้วนอย่างหลงใหลได้ปลื้มในรูปโฉมของตนเอง
ดวงหน้าประดับรอยยิ้มพริ้มเพรา พวงแก้มอมชมพูระเรื่อ ปากแดงฉ่ำชื้น
แลดูยั่วยวนยิ่งนัก
จ้าวเหว่ยได้แต่นอนมองซานซานจนลำตัวแข็งเกร็ง เลือดลมพลุ่งพล่าน ปวดหนึบไปหมด ในใจนึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน คิดว่านางกำลังกลั่นแกล้งเขาแน่นอน
หลังจากคำนวณเวลาคิดว่ายาที่เคี่ยวทิ้งไว้คงได้ที่แล้ว ซานซานจึงค่อยๆ ลุกขึ้นจากถังไม้ เผยเรือนร่างเย้ายวนทั้งตัวต่อสายตาใครบางคน ปล่อยหยาดน้ำกลิ้งไปตามส่วนเว้าส่วนโค้ง แลดูพร่างพราวราวดาราระยับตา แล้วเดินกรีดกรายไปทางชั้นผ้า จากนั้นก็แต่งตัวด้วยกิริยาเรียบเรื่อย ท่าทางปกติเนิบนาบล้อสายตา เห็นได้ชัดว่ามิได้ยั่วยวนใครทั้งสิ้น คนผู้นั้นล้วนคิดไปเอง
จ้าวเหว่ยขบกรามแน่น
สามีภรรยาย่อมช่วยเหลือกันโดยไร้เงื่อนไข มอบให้โดยไม่คำนึงถึงถูกผิด ยิ่งไม่หวังผลตอบแทนกลับมา
ประโยคนี้ไม่ผิดแต่ประการใด ซานซานจึงดูแลป้อนยาให้สามีเป็นอย่างดี ทั้งดัดกระดูก ยืดเส้นเอ็น กดจุดชีพจร และเช็ดทำความสะอาดร่างกาย ทำเอาจ้าวเหว่ยต้องอับอายใบหูแดงก่ำ เพราะซานซานเน้นทำความสะอาดบริเวณนั้นมากเป็นพิเศษ จนมันร้อนผะผ่าวแข็งขึงตั้งผงาดมิอาจควบคุมเอาไว้ได้
และที่สำคัญ นางยังนั่งจ้องมองเขม็งประหนึ่งเจอสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในใต้หล้า
เป็นครั้งที่เท่าไหร่มิอาจทราบ ที่รัชทายาทหนุ่มต้องร่ำร้องหาสวรรค์อยู่ในใจ นึกอับอายที่สุดนับแต่เกิดมา
นอกจากดูแลอย่างใกล้ชิดสนิทสนมโดยไม่สนใจอาการไม่สมยอมของชายหนุ่ม หญิงสาวยังเดินทางขึ้นลงหุบเขาเพื่อออกหาสมุนไพรมาต้มยาติดต่อกันนานถึงเจ็ดวัน นางทำซ้ำๆ อย่างสม่ำเสมอเช่นนั้น โดยไม่ถามไถ่ความสมัครใจของสามี
แน่นอนว่าจ้าวเหว่ยไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะทั้งตัวแทบแหลกเหลวด้วยน้ำมือนาง จึงทำได้เพียงนอนนิ่งไร้หนทางขยับ
คืนนี้คือยาหม้อสุดท้ายสำหรับด่านแรกในการรักษา ซานซานจึงค่อยๆ บรรจงป้อนจ้าวเหว่ยอย่างใจเย็นทีละถ้วย
ชายหนุ่มกินยารสขมจนแสบคอไปหมด ทรมานสิ้นดี เพราะว่าหญิงผู้นี้ป้อนเขาทีละถ้วย ไม่ใช่ทีละช้อน…
“ช้าก่อน!”
จ้าวเหว่ยเอ่ยปากในที่สุดหลังกลืนยาอึกสุดท้าย
“อันใดรึ?”
ซานซานมองหน้าสามีอย่างงุนงง ฝ่ามือเล็กที่กำลังลูบไล้บางสิ่งพลันชะงัก
ชายหนุ่มกระแอมเสียงหนักแล้วกดเสียงต่ำถามว่า
“เหตุใดต้องเปลื้องผ้าข้า”
หญิงสาวตอบเสียงเรียบเรื่อย “เพราะว่าท่านไม่สามารถขยับเองได้ และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการรักษาสมานกระดูก ย่อมต้องเป็นข้าที่เปลื้องผ้าท่าน”
“นั่นมิใช่ประเด็น และเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องแก้ผ้าของข้า”
“ได้อย่างไร? หากท่านไม่แก้ผ้า แล้วข้าจะมองเห็นให้ทั่วเรือนร่างของท่านได้รึ มันสำคัญมากนะ กระดูกตรงไหนควรเป็นเช่นใด ยังมีเส้นเอ็นแล้วก็กล้ามเนื้อ ทุกส่วนล้วนสัมพันธ์กัน ไม่ควรมีเสื้อผ้ากางกั้นทั้งนั้น เข้าใจไหม?”
ทุกคำคือเหตุผลที่แท้จริง ไม่อาจปฏิเสธได้เพียงนิด
ทว่าจ้าวเหว่ยกลับถอนหายใจลึกยาว กล่าวเสียงเย็นว่า
“แต่เจ้าไม่ควรรักษาบริเวณท้องน้อยนานเกินไป”
ซานซานกะพริบตา ก้มหน้ากระซิบใส่ใบหูจ้าวเหว่ยว่า
“ถึงแม้ว่าส่วนนี้ไม่มีกระดูก แต่มันมีเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อที่สำคัญมากๆ”
นางลากเสียงยาวชวนหวาดเสียว เมื่อกล่าวจบก็ยกยิ้มแบบมีนัยลึกล้ำ ขยับปลายนิ้วหยอกเย้าอย่างต่อเนื่อง
สามีของนางมีร่างกายที่สมบูรณ์ทรงเสน่ห์เป็นอย่างมาก แม้ว่าใบหน้าจะมีรอยแผลเป็นและหนวดเครารุงรังน่าเกลียด หากแต่ผิวพรรณตึงแน่นภายใต้เสื้อผ้ากลับเนียนละเอียดลออ
บางสิ่งยังยิ่งใหญ่แปลกประหลาด ยิ่งขยำยิ่งพองโตแลดูทรงพลังอย่างมาก
เมื่อลูบไล้จนพอใจ ซานซานก็ล้มตัวลงนอนเคียงข้างสามี ศีรษะนางหนุนแขนแข็งแรง ลำตัวพาดบนกล้ามเนื้อหนั่นแน่น เบียดเสียดเรือนร่างซุกซบอกอุ่น แล้วหลับไปอย่างสบายอารมณ์ที่สุดในใต้หล้า
เป็นครั้งที่เท่าไหร่มิอาจนับที่จ้าวเหว่ยต้องขบกรามแน่น
การรักษาของซานซานยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายแปลกประหลาด
จนในที่สุดชายหนุ่มก็มีโครงร่างเป็นปกติ ตัวโตสูงใหญ่ยืดหลังได้ตั้งตรงสง่างามยิ่งนัก
เหลือเพียงเส้นเสียงที่ยังแหบพร่าฟังดูน่าเกลียดอยู่มาก เพราะลำคอยังต้องค่อยๆ รักษาไปเรื่อยๆ
ส่วนใบหน้าที่มีแผลเป็นกับหนวดเครารุงรังยังคงปล่อยไปเช่นนั้น เพราะจ้าวเหว่ยไม่ประสงค์ให้แตะต้อง
ซานซานจึงปล่อยผ่าน หาได้ใส่ใจให้ความสำคัญไม่ นางคิดว่าสามีอัปลักษณ์ก็ดี จะได้ไม่มีสตรีที่ใดมาแย่ง!
