บท
ตั้งค่า

ตอนที่6ไม่เข้าใจ2

ซานซานหรี่ตากระซิบตอกหน้าน้องสาวอีกว่า “เสแสร้งให้น้อยลงหน่อยเถิด ไม่เหนื่อยหรือไร ข้าแค่มองยังเหนื่อยแทน”

“พะ...พี่หลิน!” ชิงลี่รู้สึกเหมือนเจอผี นางถึงกับพูดจาติดขัดไม่ชัดถ้อยชัดคำ “พี่เป็นอะไรไป? ไยพูดจาเยี่ยงนี้ เมื่อก่อนพี่ไม่เคย...”

ซานซานเลิกคิ้วกระตุกมุมปากยกยิ้มยียวนพลางปรายหางตามองไปทางพวกฮูหยินที่กำลังส่งเสียงคุยกัน เห็นไม่มีใครสนใจพวกนางสองพี่น้องทั้งนั้น จึงลอบเอื้อมมือไปหยิกชิงลี่หนึ่งที

“โอ๊ย! พี่หลินทำอะไร?”

“หยิกเจ้าอย่างไรเล่า นังโง่!”

ซานซานตอบเสียงลอดไรฟันแล้วหยิกแรงๆ อีกหนึ่งที ครานี้ชิงลี่กรีดร้องสุดเสียง เรียกร้องความสนใจจากทุกคน

“กรี๊ด!”

และมันก็ได้ผล ทั้งเจียหรู๋ อนุจูและฮูหยินทุกคนพากันหันหน้ามาทางสองพี่น้องทันที

ชิงลี่รีบเปิดแขนเสื้อให้เจียหรู๋ดู พร้อมร้องไห้โวยวายว่า

“แม่ใหญ่ ท่านแม่ พี่หลินหยิกข้าเจ้าค่ะ”

ท่าทางของนางน่าสงสารมาก ที่แขนมีรอยแดงช้ำ ใบหน้าก็แดงก่ำ น้ำตาไหลนอง

ทำเอาเจียหรู๋ อนุจูและบรรดาฮูหยินต่างพากันมองต้นเหตุอย่างพร้อมเพรียง สายตาตำหนิรุนแรง

ซานซานจึงทำตัวเป็นชิงหลินคนเก่า ลำตัวสั่นเทา กัดกลีบปากแน่น ก่อนเผยอออกแล้วเอ่ยอย่างตะกุกตะกักว่า

“ท่านแม่...ข้าไหนเลยจักกล้าทำเช่นนั้น เพียงแต่เมื่อครู่ข้าเห็นน้องลี่มีริ้วรอยแดงช้ำ ข้าตกใจมากก็เลยดึงแขนนางมาดู ตรงไหล่ก็มี ที่หน้าอกก็มี รอยแดงเป็นจ้ำๆ แปลกมาก แปลกที่สุด”

สีหน้าคนพูดตื่นตระหนกลนลานมาก ทุกคนพร้อมเชื่อ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาชิงหลินทั้งอ่อนแอและโง่เขลา โกหกไม่เป็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำร้ายผู้อื่น แม้แต่มดนางยังไม่เคยตีกระมัง

ทุกคนจึงมองชิงลี่อย่างสงสัยว่าเป็นอันใดถึงมีริ้วรอย

อนุจูได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงรีบเปิดเสื้อชิงลี่อย่างลืมตัวหมายดูรอยที่ว่านั่นอย่างเป็นห่วง

ชิงลี่ได้แต่เบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง

กระทั่งสาบเสื้อถูกเปิดออก เกือบเห็นริ้วรอยฝากรักจากจางฉวนเมื่อวันก่อน จึงได้สติกลับคืน รีบแก้ตัวว่า

“ท่านแม่ ข้ามิได้เป็นไรเจ้าค่ะ”

“หืม...อะไรกัน?” อนุจูมองชิงลี่อย่างงุนงง “เจ้าเจ็บตรงไหน มีรอยแดงช้ำอะไร เผื่อว่าเจ็บป่วยจะได้แก้ไขทัน”

“ไม่มีเจ้าค่ะ เมื่อครู่ข้าแค่ล้อพี่หลินเล่นเท่านั้น”

ซานซานรีบเอ่ยอย่างร้อนรน “เจ้าล้อพี่เล่นเยี่ยงนี้มิได้นะ ท่านแม่รองรีบดูแลน้องลี่เถิดเจ้าค่ะ ข้าเป็นห่วงน้องเหลือเกิน เผื่อนางเป็นโรคร้าย จะได้ไม่แพร่กระจาย”

โดยที่ไม่มีใครสังเกต เจียหรู๋และฮูหยินทั้งสี่พลันตื่นตะลึงถลึงตามองชิงลี่ เผยสีหน้ารังเกียจทันใดเพราะกลัวจะติดโรคร้าย

ส่วนอนุจูยิ่งเร่งมือพยายามเปิดเสื้อของชิงลี่เพื่อมองหารอยแดงอย่างเป็นกังวล

“อื้อ...ไม่มีเจ้าค่ะ ไม่มีๆ ข้าอยากกลับบ้านแล้ว”

ชิงลี่รีบดึงเสื้อปิดอย่างรีบร้อนก่อนวิ่งหนีทันที ท่าทางตระหนกคล้ายเจอผี ทำเอาทุกคนได้แต่มองตามอย่างงุนงงบางคนลอบถอยห่างจากอนุจูอย่างระแวง มองด้วยสายตาเดียดฉันท์ สงสัยว่าอาจมีเชื้อโรคลอยวนอยู่ในอากาศ

อนุจูหันมามองบุตรสาวคนโตของภรรยาเอกแวบหนึ่ง ดวงตาฉายแววโกรธกรุ่นมากนัก ไร้ท่าทางสงบเสงี่ยมเช่นคราแรก ก่อนจะสะบัดชายผ้าวิ่งตามบุตรสาวของตนไป

หลังจากนั้น เจียหรู๋ก็พูดคุยกับบุตรสาวอีกหลายประโยค สอนสั่งเรื่องการครองเรือน ปิดท้ายด้วยการกำชับว่า ต้องกลับไปยกน้ำชาตามประเพณี แสดงความกตัญญู อย่าได้ละเลย

ไม่นาน...เจียหรู๋ก็พาฮูหยินผู้เป็นพยานทั้งสี่จากไป

ซานซานยืนมองทุกคนอย่างเย็นชา ในใจให้รู้สึกหงุดหงิดไม่เบาที่ไม่อาจฆ่าใครได้ง่ายดายเหมือนกาลก่อน พวกมันถึงได้เข้ามายุ่มย่ามน่ารำคาญเช่นนี้

ชั่วขณะที่กำลังโกรธกรุ่น ในใจพลันบังเกิดความรู้สึกหนึ่ง

ซานซานรับรู้ได้ว่าร่างนี้ยังคงมีความเจ็บปวดฝังแน่น

ชิงหลินคนเก่ารักคู่หมั้นนามจางฉวนมาก นางเสียใจมากที่ถูกชายคนรักหักหลัง และที่ตัดสินใจปลิดชีพตนก็เพราะระลึกได้ว่าทุกสิ่งที่ถูกกระทำล้วนเป็นเพราะคนในครอบครัวรวมหัวกัน

ฝ่ามือเรียวเล็กยกขึ้นมากอบกุมที่หน้าอกด้านซ้าย เรียวคิ้วงามขมวดมุ่น หัวใจของซานซานกำลังปวดแปลบยากระงับ

วิญญาณของนางเข้าร่างชิงหลิน แม้ความคิดสติปัญญาจะเป็นของนาง หากแต่ความรู้สึกแท้จริงของชิงหลินยังคงไหลวน

ซานซานในยามนี้เป็นชิงหลินอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

กาลก่อนเรื่องราวเลวร้ายอันใดล้วนไม่เคยอยู่ในสายตาของซานซาน หากแต่ยามนี้เรื่องยิบย่อยเท่าฝุ่นผงกลับสะกิดบาดแผลในใจของชิงหลินได้อย่างง่ายดาย และมันกำลังรบกวนสมองของซานซานอย่างไม่น่าให้อภัย

หญิงสาวหลับตา ระบายลมหายใจออกช้าๆ กำหนดจิตใจให้สงบเยือกเย็น อึดใจก็เดินเข้าเรือน มองหากระดาษกับหมึกและพู่กัน

ซานซานเดินไปมาอยู่หลายก้าว หาอยู่นานก็ยังไม่เจอ จึงฉุกคิดได้ว่า เจ้าของเรือนเป็นเพียงชายหนุ่มยากจนแถมพิการ จะมีสิ่งของเหล่านั้นได้อย่างไร มิใช่บ้านบัณฑิตสักหน่อย

หญิงสาวจึงล้มเลิกการหากระดาษ แล้วมองหาไม้ไผ่แทน ทว่าลำปล้องที่เรียบลื่นยังต้องใช้น้ำหมึกกับพู่กันอยู่ดี

ในเมื่อไม่มีก็ล้มเลิกความคิดอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว เห็นสามีกำลังทำกับข้าวด้วยตนเอง นางคลี่ยิ้มให้เขาก่อนเข้าไปที่เตาไฟ เขี่ยถ่านออกมา รอให้เย็นตัว ระหว่างที่รอก็มองหาแผ่นไม้เนื้อหยาบหน้ากว้าง เมื่อได้มาแล้วก็ปัดมือไล่ฝุ่น จากนั้นก็ใช้ถ่านสีดำนั่งเขียนอะไรยุกยิกลงบนแผ่นไม้เนิ่นนาน

จ้าวเหว่ยมองตามการกระทำอันแปลกประหลาดนั้นนิ่งๆ แววตาคมดำราบเรียบไร้ระลอกคลื่นเคลื่อนไหว ไม่เผยตัวตนว่าอยู่ในอารมณ์ใด ไม่ทักไม่ถาม เพียงเห็นนางขีดเขียนเส้นตาราง ลากเส้นระโยงระยาง มีแผนผังบางอย่าง เนิ่นนานก็มิได้เอ่ยสิ่งใด รอจนอีกฝ่ายหยุดเขียน ก็ได้ยินเสียงนางเอ่ยว่า

“เสร็จแล้ว ค่ายแปดทิศขจัดมารของข้า”

ค่ายกลนี้คือหนึ่งในกับดักมิให้ศัตรูกล้ำกรายเข้าใกล้สำนักของซานซานเมื่อชาติก่อน

หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มแล้วคลี่ยิ้มร้ายกาจพลางเปิดปากอธิบายอย่างฉะฉานว่า

“เหย่หนิวของข้าไม่ต้องห่วง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเข้ามาวุ่นวายกับพวกเราสองสามีภรรยาถึงที่เรือนได้อีก หากมันผู้นั้นกล้าก้าวเท้าเข้ามา รับรองได้ว่าแขนขาต้องขาดจนเลือดสาดแน่”

กล่าวจบก็ยกยิ้มชั่วร้ายแวบหนึ่งก่อนลุกขึ้นแล้วเดินออกนอกเรือนหายตัววับไป

อีกครั้งที่จ้าวเหว่ยได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจ

นี่เขาแต่งงานกับสตรีแบบใด?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel