บท
ตั้งค่า

ตอนที่10สตรีตรงหน้ากับที่เขาร่ำลือ1

ซานซานกลับเข้าบ้านมาพร้อมม้วนกระดาษหมึกพู่กันครบครันก็ลงมือวาดภาพร่ายอักษรทันที

ภายในห้องหับอันคับแคบของเรือนไม้ไผ่ที่ทรุดโทรม มีสตรีร่างอรชรอ้อนแอ้นปล่อยผมดำขลับแผ่สยายเคลียไหล่ กำลังนั่งเขียนอักษรด้วยท่าทางขึงขัง เรียวนิ้วจับพู่กันอย่างมั่นคง ท่วงท่าทรงพลัง ทว่ายามสะบัดพู่กันกลับพลิ้วสบายคล้ายริ้วคลื่นของสายน้ำที่รินไหล ดวงตาที่หลุบลงเห็นเพียงแพขนตางามงอนบนดวงหน้าอ่อนหวาน แต่กระนั้นกลับเผยให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวเฉียบคมเด่นชัด กลีบปากสีแดงเรื่อที่เม้มแน่นบ่งบอกได้ว่านางจริงจังปานใด

มุมห้องห่างออกมาเล็กน้อยมีบุรุษร่างใหญ่ยืนมองนางอย่างเย็นชา สายตาคล้ายจับผิดตลอดเวลา ใบหน้าไร้อารมณ์

จ้าวเหว่ยกอดอกมองซานซานอย่างเยือกเย็น สังเกตเห็นอีกฝ่ายตั้งใจเขียนอักษรประหนึ่งจะไปสอบจอหงวน จึงอดใจมิได้ สุดท้ายก็ถามเสียงต่ำ

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

“หืม...”

ชายหนุ่มแผ่กลิ่นอายกดดัน แววตาทอประกายคมกริบ เอ่ยถามอีกครา

“เห็นได้ชัดว่าเจ้ามิใช่ชิงหลิน” เขาหรี่ตา “ใครส่งเจ้ามา?”

“หา”

“ที่แท้มีเจตนาอะไร?”

“...”

ซานซานได้ยินก็ชะงักนิ่ง กะพริบตาปริบๆ อึ้งงันครู่ใหญ่

จ้าวเหว่ยจับสังเกตนางทุกกิริยา

เนิ่นนานทีเดียวกว่าซานซานจะได้สติ แต่แทนที่จะตระหนก นางกลับมีสีหน้าสงบ เอ่ยปากเนิบช้าว่า

“ฟ้าดินกว้างใหญ่ มีเรื่องราวเหลือเชื่อนับหมื่นนับพัน หนึ่งในเรื่องเหล่านั้นก็คือเรื่องของข้า”

ยามเอ่ยยังจรดพู่กันเขียนอักษรไปด้วยท่วงท่าเบาสบาย ไม่มีวี่แววตื่นลนหรือกระวนกระวายแม้แต่น้อย ความสุขุมนุ่มลึกนี้ คือนิสัยของซานซาน

จ้าวเหว่ยยิ่งเพ่งพินิจแน่วนิ่ง แววตาลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ

เดิมทีเขามิใช่คนที่นิยมพูดจามากมายกับใครง่ายๆ ยิ่งมีเส้นเสียงแหบพร่าเพราะลำคอถูกทำลายก็ยิ่งทำตัวคล้ายกับเป็นใบ้ไปเช่นนี้ แต่กับซานซาน เขากำลังรู้สึกแตกต่าง จึงเอ่ยอีกว่า

“เจ้าเป็นแค่หญิงชาวบ้านธรรมดา ทั้งยังไม่ประสีประสา ใครๆ ต่างก็มองว่าเจ้าเป็นตัวโง่งมประจำหมู่บ้าน หรือที่ผ่านมาเจ้าแค่เสแสร้งแกล้งทำ ให้ผู้คนดูแคลน เพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ”

ซานซานได้ฟังถึงกับหลุดยิ้ม แต่มือยังเขียนอักษร พลางเอ่ยคำเรียบเรื่อย “เหย่หนิวของข้ารูปร่างสูงใหญ่สง่างามเป็นเอก เคยมีฝีมือเชิงยุทธ์สูงส่งแต่กลับถูกทำลายวรยุทธ์ไปสิ้น จนต้องมาหลบเร้นซ่อนกายที่นี่”

ประโยคนี้ทำเอาจ้าวเหว่ยขมวดคิ้ววูบ

หญิงสาววางพู่กัน ยกกระดาษขึ้นเป่าเพื่อให้น้ำหมึกแห้ง แล้ววางเอาไว้เบื้องหน้าแผ่วเบา หยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาจรดพู่กันเขียนต่อ ยังไม่ลืมช้อนสายตามองสามีแวบหนึ่ง ก่อนส่งเสียงออดอ้อนว่า

“ตัวข้าไม่มีสิ่งใดปกปิดและก็ไม่มีสิ่งใดจะบอกกล่าว ในเมื่อท่านเองยังมีเรื่องราวมิอาจเผย และข้าก็ไม่คิดถาม เหตุใดเราสองไม่ลืมทุกอย่างในอดีตไปเสีย แล้วอยู่ร่วมกันด้วยดีเล่า”

ถ้อยวาจาของซานซานแทนที่จะทำให้จ้าวเหว่ยโกรธกรุ่น แต่เขากลับนึกขัน ถึงแม้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นยังคงราบเรียบไร้คลื่นอารมณ์ หากแต่ในอกกลับรู้สึกพึงพอใจไม่เบา

เขาจึงไม่คิดถามอีก เพียงขยับกายเตรียมเดินจากไปด้วยท่าทางเรียบนิ่ง พลางเอ่ย “เจ้าคงหิวแล้วกระมัง”

หญิงสาวได้ยินพลันชะงักเล็กน้อย นางกำลังสัมผัสได้ว่าสามีที่แสนจะเย็นชา เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว

“อืม...ข้าอยากกินโจ๊กปลา”

“วันนี้ไม่มีปลา มีแต่เนื้อกวาง”

“หือ...เนื้อกวางเชียวรึ?” ซานซานตาโต “ยามบ่ายท่านพี่ให้ข้าไปขายไก่กับกระต่าย ที่แท้ก็เหลือเนื้อกวางไว้รึ?”

จ้าวเหว่ยไม่ตอบแต่สั่งเสียงเย็น “เจ้าไปก่อไฟ”

“อา...ได้เลยๆ”

หญิงสาววางพู่กันแล้วลุกขึ้น เดินตามแผ่นหลังสามีทันที

“เหย่หนิวของข้าช่างรู้ใจเหลือเกิน ข้าเบื่อปลาจะแย่ ได้กินเนื้อเสียบ้างจะได้เพิ่มกำลังวังชา” กล่าวจบก็หัวเราะเสียงใส เบิกบานใจยิ่ง

ชายหนุ่มมิได้ต่อคำ เพียงเดินออกมายังลานหน้าบ้านแล้วจัดการกับเนื้อกวางด้วยท่าทางเรียบเฉย คล้ายไม่ใส่ใจกับใครอีกเลย มีเพียงอีกฝ่ายที่เจื้อยแจ้วไม่หยุด

“เหย่หนิว ท่านก็ควรกินให้มาก”

“เจ้าคงไม่คิดวางยาพิษข้ากระมัง”

“โอว...ทุกเจตนาของข้า ล้วนดีแน่นอน”

โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว ว่าบัดนี้เรือนไม้ไผ่เก่าคร่ำ คล้ายกับมีเส้นสายสีรุ้งแสนหวานกำลังถักทออยู่เต็มพื้นที่

นัยน์ตาคมดำที่เคยเฉยชาไร้เงาร่างสตรีใดของบุรุษหนุ่ม ค่อยๆ มีเงาร่างของสตรีนางหนึ่งซึมลึกอยู่ด้านใน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด ที่เขามองนางด้วยสายตาเฉกเช่นสามีมองภรรยา...

ยิ่งดึกลมราตรียิ่งพัดพลิ้ว ให้รู้สึกถึงความเย็นฉ่ำ

เนื่องจากวุ่นวายทั้งวัน ตกเย็นยังกินเนื้อเสียจนแน่นท้อง พอพลบค่ำมาหนังตาจึงหนักอึ้ง ซานซานยามนี้จึงหลับใหลประดุจตายไปแล้ว

บนเตียงเย็นเยียบที่มีผ้าห่มเพียงหนึ่งผืน กำลังมีสตรีนอนพริ้มตาคล้ายสิ้นสติ โดยมีบุรุษนอนขมวดคิ้วจ้องมอง

“เจ้าตัวยุ่ง!”

จ้าวเหว่ยบ่นออกมาคำหนึ่ง ก่อนเอื้อมมือดึงผ้าห่มขึ้นมาปรกเนินอกของซานซาน ปล่อยนางได้หนุนท่อนแขน ซุกซบอกอุ่นของเขาไปเช่นนั้น

บนเตียงไม่เล็กไม่ใหญ่จึงมีภรรยากำลังนอนกอดก่ายสามีแล้วหลับฝันดีที่สุดในใต้หล้า หญิงสาวไม่รู้หรอกว่า แววตาที่มองนาง กำลังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ชายผู้หนึ่งซึ่งสูงส่งตั้งแต่เกิด เป็นโอรสแห่งองค์จักรพรรดิ ไม่เพียงมีทรัพย์สมบัติ แต่ยังมีรูปโฉมที่ล้ำเลิศงดงามเป็นเอก แต่ไหนแต่ไรมา มีสตรีนับไม่ถ้วนอยากชิดใกล้ อยากสนิทสนม อยากแม้กระทั่งถูกครอบครอง

ทว่าเมื่อต้องปลอมตัวซ่อนกาย แปลงโฉมเป็นชายอัปลักษณ์ อย่าว่าแต่ตีสนิทเพื่อแนบชิดเลย แม้แต่หางตาพวกนางยังไม่เหลียวมอง

สำหรับคู่ชีวิตที่สามารถยืนหยัดประคับประคองกันไปตลอดรอดฝั่งกระทั่งแก่เฒ่า พวกเขาล้วนต้องยอมรับกันและกันได้หมดทุกสิ่ง ไม่ว่าด้านดีหรือเลว งดงามหรือน่าเกลียด ตกต่ำหรือสูงศักดิ์ มากฝีมือหรือไร้ความสามารถ

ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จักพบพาน ทว่ารัชทายาทหนุ่มรูปงามแห่งต้าถัง ที่จำต้องอำพรางตัวตนจนน่าเกลียดปราศจากเสน่ห์เลิศล้ำที่เคยมี กำลังพบเจอใครบางคนที่น่าสนใจ

ดวงตาเรียวคมของจ้าวเหว่ยพินิจแน่นิ่งที่สตรีตรงหน้า พลางนึกถึงคำรายงานจากองครักษ์คนสนิท

ถ้อยวาจาของอู่เจี๋ยที่เอ่ยออกมามีแต่ความสัตย์ซื่อจริงใจ

ทั้งยังเน้นย้ำว่าชิงหลินเป็นสตรีที่แย่ที่สุดบนแผ่นดิน ควรหลีกห่างปานใด เป็นหญิงที่ไร้เสน่ห์แค่ไหน ทั้งยังไม่น่าคบหาเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดไปคิดมา มุมปากใต้หนวดเคราเขียวครึ้มก็ยกยิ้มบางเบาอย่างนึกขัน ในใจใคร่ครวญลึกซึ้ง

ภรรยาของเขานางนี้...ช่างสมคำร่ำลือ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel