บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

เขาไม่มีวันรักคู่หมั้นที่พ่อหาให้ตั้งแต่วาโยยังไม่เกิดอย่างศรินภัสร์แน่นอน ผู้หญิงคนนั้นก็หน้าด้านหน้าทน รู้ว่าผู้ชายไม่ชอบก็ยังไม่ยอมถอนหมั้นอีก แรกๆ ที่คบหากับเขา เธอก็แค่ทำตามคำสั่งของอีกคน แต่ถึงตอนนี้ปานชีวาต้องเป็นแม่เลี้ยงของปางไม้ที่นี่เท่านั้น วาโยต้องเป็นของเธอคนเดียว เพราะกว่าจะได้คบหากับเขา เธอก็ต้องใช้แผนสารพัด ไปพบเขาที่นั่นที่นี่ทำเหมือนเรื่องบังเอิญ ทำตัวอ่อนหวาน อ่อนแอและน่ารักให้เขาสนใจ และในที่สุดแผนของเธอก็สำเร็จได้คบหากับเขา

“วันหลังหวานทำมาอีกก็ได้ครับ พ่อผมก็ชอบทานข้าวซอย” ชายหนุ่มเอ่ยปลอบ เพราะรู้ว่าปานชีวาต้องการเอาใจผู้เป็นพ่อตน เขาเคยประชดพ่อว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่คบหา แต่คำตอบของพ่อก็ทำให้ชายหนุ่มสะอึก เพราะเขาจะทำได้ก็ต่อเมื่อพ่อตายไปแล้วเท่านั้น แต่จะว่าไปเขาก็ไม่คิดเรื่องแต่งงานอยู่แล้ว อีกอย่างก็เพิ่งคบหากับปานชีวาด้วย หญิงสาวเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้

“ค่ะ…งั้นเราลงไปทานกันเถอะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน” ปานชีวาพยายามขยับเพื่อลุกขึ้นจากตักของวาโยเพื่อจะลงไปยังห้องอาการซึ่งอยู่ด้านล่าง ที่นี่คือส่วนของออฟฟิศที่มีพนักงานเกือบยี่สิบคนซึ่งไม่รวมกับคนงานในปางไม้ ออฟฟิศห่างจากบ้านที่วาโยใช้พักอาศัยกับผู้เป็นพ่อราวๆ สองร้อยเมตรเห็นจะได้ หลังออฟฟิศคือถนนที่ทอดยาวไปยังปางไม้ของครอบครัวชายหนุ่ม

แต่เหมือนชายหนุ่มจะไม่ยอมให้ปานชีวาลุกได้ง่ายๆ เขาเอียงแก้มให้เธอเพื่อขอค่าเปิดทาง หญิงสาวจึงหอมแก้มเขาไปหนักๆ หนึ่งฟอด แต่เหมือนจะยังไม่พอวาโยจึงจูบหญิงสาวเสียเอง เพียงแค่จูบแต่กลับทำให้ปานชีวาอ่อนระทวย ยามใดที่วาโยรุกเธอ ปานชีวาก็หูอื้อตาลายพร้อมปล่อยตัวปล่อยใจไปกับชายหนุ่มเสมอ แต่ครั้งนี้เธอต้องใจแข็ง ต่อต้านเขาเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เสือหนุ่มแห่งปางไม้พลางกูลกิจเลือดพลุ่งพล่าน ตั้งแต่คบหากันมาเธอกับเขาไม่เคยมีอะไรลึกซึ้งกันเลย จะมีเพียงกอดจูบภายนอกเท่านั้น หญิงสาวผลักชายหนุ่มให้ออกห่างอย่างมีจริต

“หวาน” ชายหนุ่มตัดใจยอมถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งพร้อมคำพูดที่เอ่ยชื่อเธอหรือเพราะรสจูบเมื่อครู่กันแน่ แววตาเขาเต็มไปด้วยความเสน่หาพร้อมรุกเร้าเธอได้ตลอดเวลา แต่ปานชีวากลับไม่เคยใจอ่อนกับเขาสักครั้ง

“ไปทานข้าวซอยกันค่ะ” พูดจบก็เด้งตัวลุกขึ้นจากตักชายหนุ่มแล้วเดินออกไปจากห้องทำงานเขาทันที วาโยยิ้มกริ่ม ปานชีวาทำให้เขาสุขใจและสบายใจยามที่ได้อยู่ใกล้ หญิงสาวเป็นผู้หญิงยิ้มง่าย น่ารัก พูดจาเข้าใจง่ายและเขาก็ให้เกียรติเธอ เพราะเธอดูน่าทะนุถนอมและใสซื่อ ตั้งแต่คบหากันมาเขาไม่เคยล่วงเกินหญิงสาวสักครั้ง จะว่าไปก็เกือบไปครั้งหนึ่งเหมือนกัน แต่หญิงสาวกลับร้องไห้ บอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่ากลัว นั่นทำให้เขาจึงข่มเหงน้ำใจเธอไม่ลง เขาจะรอวันที่เธอพร้อม

ก่อนที่จะมาพบปานชีวา วาโยเคยมีความรักอยู่หลายครั้งหรือต้องเรียกให้ถูกว่าเป็นการคบหาผู้หญิง เพราะบางคนเขาก็ไม่ได้รัก แต่ละคนก็คบหานานหลายปีไม่ใช่ฉาบฉวยเป็นหนุ่มเสเพลฟันแล้วทิ้งให้เสียชื่อตระกูล เรียกได้ว่าจงใจมีคนรักให้พ่อได้เห็นเพื่อเป็นข้ออ้างเรื่องแต่งงานกับศรินภัสร์ก็ไม่ผิด กระทั่งคนปัจจุบันคือปานชีวา วาโยเคยถามตัวเองว่าจริงๆ แล้วเขารักหญิงสาวจริงๆ หรือเปล่า หรือแค่ต้องการเธอเพื่อเป็นแค่ไม้กันหมา คำตอบที่ได้ช่างว่างเปล่า เขาไม่รักเธอแต่อาจผูกพันหรือเพราะเธอมีประโยชน์สำหรับเขาอยู่ คิดแบบนี้เขาก็เป็นแค่ผู้ชายที่เห็นแก่ตัวดีๆ คนหนึ่งนี่เอง แม้จะไม่เคยรู้สึกตกหลุมรักใคร แต่หัวใจดวงนี้ก็ไม่เหลือพื้นที่ให้คู่หมั้นที่ชื่อศรินภัสร์แม้แต่น้อยนิด โดยไม่เอะใจเลยว่าบางสิ่งบางอย่างเขาอาจมองผิดพลาดไปก็เป็นได้!

เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในห้องพักซึ่งอยู่มุมขวาสุดของอพาร์ทเม้นท์ชั้นสี่ เพื่อนร่วม อพาร์ทเม้นท์ที่ได้ยินเสียงดังกล่าวแอบหวาดหวั่นเนื่องจากกลัวว่าเสียงที่พวกเขาได้ยินนี้จะไม่ใช่เสียงคนเสียแล้ว เจ้าของเสียงร้องไห้ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาปอยๆ อย่างน่าสงสาร สายตาของเธอจับจ้องไปยังโทรทัศน์ตรงหน้าประหนึ่งต้องการคำตอบของสิ่งที่ได้เห็น แต่เสียงกริ่งที่ดังอยู่หน้าห้องเป็นสัญญาณเตือนว่ามีแขกมา

ศรินภัสร์ละสายตาจากจอโทรทัศน์ที่กำลังฉายซีรีส์เกาหลีเรื่องโปรดที่เธอลงทุนนั่งโหลดผ่านอินเตอร์เน็ตมาเมื่อวันก่อน คนอ่อนไหวปาดน้ำตาลวกๆ อีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตูให้ ขณะเดินไปนั้นก็คิดไปด้วยว่าใครกันที่มาหา เธอไม่ได้นัดใครนี่นา แถมตอนนี้ก็ดึกมากแล้วด้วย แต่เมื่อเปิดประตูก็ได้คำตอบ

“พี่โค้กมาได้ยังไงคะ” ดวงตากลมโตที่ยังคงมีคราบน้ำตาเกาะอยู่กะพริบปริบๆ ไปมาหลายครั้ง ก่อนจะขยี้ตาตัวเองเพื่อมองให้ชัดๆ ว่าเธอไม่ได้ตาฝาดไปที่เห็นอนาวินมายืนอยู่หน้าห้องขณะนี้

“พี่มาคุยงานที่นี่เลยแวะมาหาเรา นั่นร้องไห้หรือเปล่า ทำไมตาแดงๆ ใครทำอะไร”

“เปล่าๆ คือเครปอินซีรีส์เกาหลีมากไปหน่อยเลยเป่าปี่น่ะ” คำตอบของน้องสาวทำให้คนฟังส่ายหน้า สีหน้าของ อนาวินดูโทรมอย่างเห็นได้ชัด อาจด้วยงานและเครียดเรื่องอาการป่วยของพ่อ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าศรินภัสร์ก็ยังคงส่งยิ้มให้เหมือนเคย

“เรานี่นะ กี่ปีๆ ก็ไม่เคยเปลี่ยน อารมณ์อ่อนไหวง่ายกับอีแค่ดูซีรีส์ แต่ทำไมถึงใจแข็งไม่ยอมกลับบ้านสักที”

“มันคนละเรื่องกันนะคะพี่โค้ก อย่าโยงกันสิ” ศรินภัสร์ย่นจมูกให้พี่ชายอย่างขัดใจ

“โอเคๆ แล้วนี่สบายดีใช่ไหมเรา”

“สบายดีค่ะ”

“ตกลงจะไม่ชวนพี่เข้าไปในห้องเลยหรือไง” คำถามของอนาวินทำเอาศรินภัสร์ตาโต

“อ้อ…ลืม มัวแต่ตกใจ เชิญค่ะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้พี่ชายคนโต พร้อมทั้งเชื้อเชิญให้เข้ามาในห้อง ก่อนจะปลีกตัวไปหาน้ำหาท่ามาต้อนรับ อนาวินมองไปรอบๆ ห้อง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีห้องนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน “คราวนี้พี่โค้กมาคุยงานกี่วันคะ” เมื่อยื่นแก้วน้ำให้พี่ชาย ศรินภัสร์ก็หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวข้างๆ ที่อนาวินนั่งอยู่ก่อนแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel