พยศรักปรารถนาเถื่อน

100.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
66
บท
4.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ภารกิจสายลับฉบับมือใหม่ที่ ‘ศรินภัสร์’ ตบปากรับคำชายคนที่ตนแอบรักว่าจะแฝงตัวเข้าไปสืบคดีตัดไม้เถื่อนที่ปางไม้แห่งหนึ่ง ทั้งๆ ที่เธอไม่ชอบงานแบบนี้นักเพราะล้วนแต่อันตรายรอบด้านแต่เพื่อรักจึงยอมทำ เมื่อไปถึงปางไม้กลับรู้ว่าที่นั่นเป็นของ ‘วาโย’ คู่หมั้นที่เธอแสนเกลียดชัง

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักคนธรรมดานางเอกเก่งสายลับรักแรกพบฟินๆโรแมนติกรักหวานๆ

บทที่ 1

คู่หมั้น...คู่หมั้น...คู่หมั้น

คำๆ นี้ตามหลอกหลอนมาตั้งแต่ที่ ศรินภัสร์ อายุได้สิบขวบ กระทั่งถึงตอนนี้เธออายุยี่สิบสองแล้ว งานวันเกิดอายุครบสิบขวบของเธอ ของขวัญชิ้นพิเศษนั่นคือการรับรู้ว่าเธอมีคู่หมั้นเข้าให้เสียแล้ว คู่หมั้นที่เธอยังไม่รู้ความหมาย แต่พอรู้ว่าโตขึ้นเธอต้องแต่งงานกับเขา หญิงสาวก็รู้สึกไม่ชอบหน้าชายหนุ่มขึ้นมาทันที คนคนนั้นคือบุตรชายของเพื่อนสนิทผู้เป็นพ่อ ภาพแรกที่ฉายเข้ามาพร้อมๆ กับคำที่เธอแสนเกลียดชังคือใบหน้าของเด็กชายอ้วนกลม ตัวดำ ที่อายุมากกว่าเธอแปดปี เขาส่งยิ้มพร้อมยื่นขนมมาให้ แต่ศรินภัสร์สะบัดหน้าหนีปฏิเสธไม่รับไมตรีใดๆ ทั้งสิ้น หญิงสาวเมินเฉยใส่ วาโย อย่างไม่ไยดี โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือการทำร้ายจิตใจของเด็กชายมากที่สุด

วันเกิดปีนั้นของศรินภัสร์จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกไม่ชอบหน้า ทุกครั้งที่สองครอบครัวนัดสังสรรค์ทั้งศรินภัสร์ก็ขุดข้ออ้างสารพัดเพื่อไม่ต้องไปพบหน้าวาโย หรือแม้แต่การที่ชายหนุ่มจะมาหาที่บ้าน เธอก็หนีออกไปนอกบ้าน วาโยรู้ว่า ศรินภัสร์ไม่ชอบตนเช่นกันก็ทำได้แค่มองอยู่ห่างๆ ถึงขั้นหลบหน้าก็เคยทำมาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ถึงขั้นเกลียด แค่ไม่อยากอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ไม่ชอบตนเองเช่นกัน ศรินภัสร์มีพี่ชายสองคน คนโตคือ อนาวิน ปีนี้อายุสามสิบสามปี คนกลางคือ นาวิน ปีนี้อายุสามสิบปีเต็ม พี่ชายทั้งสองของเธอหล่อเหลาเอาการ การศึกษาก็ดี มีดีกรีเป็นนักเรียนนอกด้านบริหารทั้งคู่ จบมาก็สานงานด้านโรงแรมต่อจากพ่อทันที แต่ความที่ไม่อยากพบหน้าวาโย ศรินภัสร์จึงเลือกไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่อายุสิบห้า

เมื่อรู้เรื่องนี้ เรวัต ผู้เป็นพ่อจึงเสนอว่าอยากให้ลูกสาวไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยก็เลือกให้เสร็จสรรพ เพราะวาโยเรียนอยู่ก่อนแล้ว แต่ศรินภัสร์กลับปฏิเสธทันที เพราะรู้ว่าขืนทำตามที่พ่อบอกมีหวังได้พบวาโยแน่ๆ เรื่องอะไรเธอจะไป

ศรินภัสร์ขอไปเรียนต่อที่อังกฤษแทนสหรัฐอเมริกา แม้ทุกคนในครอบครัวจะกังวล เพราะคิดว่าหญิงสาวยังเด็กเกินไปสำหรับการใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ แต่ศรินภัสร์ก็พยายามออดอ้อนขอร้องและแสดงให้เห็นว่าเธอเข้มแข็งพอ สามารถดูแลตัวเองได้จริงๆ อีกอย่างเธอไม่ได้ไปอยู่คนเดียว ญาติๆ ก็อยู่ที่อังกฤษหลายคนรวมทั้งพี่ชายคนโตของเธอ ส่วนคนกลางเรียนที่สหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุผลนี้ทำเอาผู้เป็นพ่อค้านไม่ออก ในที่สุดทุกคนในครอบครัวจึงใจอ่อน แต่ก่อนที่ศรินภัสร์จะบินไปเรียนต่อ เรวัตก็มีข้อแม้หนึ่งข้อที่ทำให้ลูกสาวคนเดียวของครอบครัวแทบยิ้มไม่ออก

‘พ่อตามใจเราทุกอย่าง แต่เรียนจบแล้วเราต้องแต่งงานกับพี่ลมเขาทันที’

ลูกสาวคนเดียวของครอบครัวฝืนยิ้มรับแบบหน้าชื่นอกตรม พยักหน้ารับปอยๆ เพราะแผนที่เธอคิดไว้แล้วนั่นคือจะไม่มีทางกลับมาเมืองไทยเป็นอันขาด ไปแล้วไปลับไม่กลับมาให้ยาก และดูเหมือนนั่นจะเป็นความคิดของวาโยด้วยเช่นกัน เพราะตลอดเวลาที่มาเรียนต่อชายหนุ่มก็ไม่ยอมกลับบ้าน โดยข้ออ้างของเขาคือเรียนหนักมาก เมื่อจบปริญญาตรีชายหนุ่มก็เรียนต่อระดับปริญญาโททันที เหตุผลก็เพื่อเลี่ยงการแต่งงาน เมื่อโตขึ้นต่างฝ่ายต่างคิดว่าจะไม่แต่งงานกับคนที่ตนไม่ได้รักอย่างแน่นอน นอกจากใช้แผนการมาเรียนต่อที่ต่างประเทศแล้ว วาโยยังมีคนรักที่เขาคบหาเป็นตัวเป็นตนให้พ่อได้เห็น เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีสาวๆ ข้างกายตลอดเวลาก็ว่าได้ แต่นั่นคือกำแพงที่ชายหนุ่มจงใจสร้างขึ้นมา

จะว่าไปศรินภัสร์เองก็มีชายในดวงใจอยู่แล้วเช่นกัน เขาเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียน เท่และมีเสน่ห์ เป็นรักแรกและรักเดียวของเธอก็ว่าได้ แถมบ้านยังอยู่ใกล้กันอีกต่างหาก ที่สำคัญไปกว่านั้น เหตุของการเป็นรักแรกเพราะชายหนุ่มคือคนที่ช่วยชีวิตเธอตอนจมน้ำ หลังจากที่ศรินภัสร์ไปเรียนต่อยังต่างประเทศทั้งคู่สัญญาว่าจะติดต่อหากันทุกวัน และทำได้อยู่สองสามปี รักแรกของศรินภัสร์ก็ค่อยๆ ห่างหายไปบ้างโดยให้เหตุผลว่าชายหนุ่มยุ่งกับงานมาก เพราะเขาเป็นตำรวจป่าไม้นั่นเอง ซึ่งหญิงสาวเตรียมใจรับความสัมพันธ์เชิงคู่รักที่อาจจบลงไป แต่ในใจของศรินภัสร์นั้นก็ยังมีร้อยตำรวจตรีวรชัยอยู่ เขาไม่ได้หายไปนานจนเธอลืมได้ เพราะวรชัยเองก็หมั่นติดต่อหาเธออยู่เสมอ แม้จะไม่ถี่เหมือนแรกๆ ก็ตามที

ทางด้านของวาโยเมื่อรับรู้ว่าคู่หมั้นไปเรียนต่อที่อังกฤษซึ่งข่าวนี้เขารู้จากผู้เป็นพ่อ ชายหนุ่มก็รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก แถมยังโล่งอกที่เธอไม่เลือกมาเรียนที่สหรัฐอเมริกา เพราะเขาเองเรียนอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว เมื่อศรินภัสร์ไม่อยู่เมืองไทยเขาก็รีบเรียนปริญญาโทให้จบโดยเร็ว สองปีหลังจากนั้นวาโยก็ได้เวลากลับบ้าน เรียกได้ว่าทั้งคู่จงใจใช้ชีวิตแบบสวนทางกันอย่างจงใจตลอดเวลา มีหรือที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายจะไม่รับรู้ แต่พวกเขายังเชื่อมั่นว่ามองไม่ผิด ศรินภัสร์และวาโยคือคู่ที่เหมาะสม ถึง ศรินภัสร์และวาโยจะอยู่คนละที่ ไม่ได้พบกันมาหลายปี แต่ก็รับรู้ข่าวคราวของอีกฝ่ายอยู่เนืองๆ นั่นก็เพราะพ่อๆ ของพวกเขาขยันเล่าให้ฟังนั่นเอง

ขณะนั่งคิดเรื่องเก่าๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ศรินภัสร์เดินไปรับสาย เบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอคือเบอร์ต่างประเทศที่เธอจำได้แม่นว่ามาจากประเทศไทย หญิงสาวกดรับสายและรู้ว่าคนที่โทรศัพท์ข้ามทวีปมาหาคือภาดาเพื่อนสนิท ทั้งคู่คุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระกระทั่งถึงประโยคเด็ด

“เมื่อไหร่จะกลับเมืองไทยสักทีเครป เค้าคิดถึง” เสียงหวานๆ ของภาดาเอ่ยถามเพื่อนสนิท เธอไปเรียนต่อที่อังกฤษด้วยเช่นกัน แต่ไปช้ากว่าศรินภัสร์สามปี คือรอให้จบชั้นมัธยมตอนปลายเสียก่อน แต่พอเรียนจบภาดาก็กลับมาสานงานของครอบครัวต่อทันที ผิดกับเพื่อนของเธอที่ยังอยู่ที่นั่น

“ยังไม่มีกำหนด”

“ตัวคิดจะอยู่ที่นู้นไปตลอดหรือไง ไม่คิดถึงลุงเรวัตกับป้าผกาเหรอ”

“ไม่ต้องเอาพ่อกับแม่เค้ามาพูดเลยนะน้องดา หรือที่บ้านส่งตัวมาเป็นสาย”

“เปล่าสักหน่อย เค้าก็แค่ถามตัวดูเท่านั้นเอง” ภาดาไขว้นิ้วกลางกับนิ้วชี้ไว้เป็นสัญลักษณ์ เพราะศรินภัสร์เดาไม่ผิด พ่อกับแม่ของเพื่อนสาวให้เธอถามจริงๆ นั่นแหละ “อยู่เมืองไทยเค้าไม่มีเพื่อนเลย จะไปช้อปปิ้ง ดูหนังหรือกินข้าวก็รู้สึกเหงาๆ อย่างบอกไม่ถูก ถ้าตัวอยู่เราจะได้ไปด้วยกัน”