ตอนที่ 7 ร่วมเดินหมาก 1
ซ่งเหว่ยจงยังคงงุนงงไม่สร่างซาเมื่อถูกคนของตำหนักอี๋หลันเชิญตัวมา
เขามั่นใจว่าไม่เคยล่วงเกินองค์หญิงเสาหนิง วันก่อนที่ร่วมเรียนล้วนมีฉากกั้นชายหญิง ห่างกันปานนั้น แค่สบตายังไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
ความสงสัยถูกเก็บงำแทบไม่มิด ทุกความคิดถูกเผยออกมาทางสีหน้าจนหมด
เมื่อเข้ามาในโถงรับรองตามการนำทางของขันที ซ่งเหว่ยจงก็เจอกับองค์หญิงเสาหนิง นางดูท่าทีอารมณ์ดี นั่งจิบชาเดินหมากคนเดียวอย่างสุนทรี เพียงเท่านี้ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาไม่น้อย
กระนั้นความประหวั่นที่เกิดจากการยากคาดเดาในพระทัยสตรีสูงศักดิ์กลับยังคงมีอยู่มาก
“ถวายบังคมองค์หญิงเสาหนิง”
ชายหนุ่มประสานหมัดทำความเคารพ บรรยากาศรอบกายสงบอย่างประหลาด
อาจเป็นเพราะข้ารับใช้ไม่อยู่สักคน
เหมือนว่าองค์หญิงเสาหนิงไล่ออกไปจนหมด
คิ้วเข้มขมวดมุ่น ครุ่นคิดหนักหน่วงก็ยังนึกไม่ออกว่าถูกเรียกตัวเข้าพบด้วยเรื่องใด
เจิ้งเสวี่ยหรงเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของซ่งเหว่ยจงพลันรู้สึกขบขันในใจแต่ภายนอกเพียงคลี่ยิ้มแย้มสดใส “มานั่งเถิด เดินหมากด้วยกันสักตา ไม่ต้องมากพิธีเกินไป”
ซ่งเหว่ยจงเลิกคิ้วขึ้น ก่อนตอบ “พ่ะย่ะค่ะ”
ระหว่างเดินหมากโดยไม่มีข้ารับใช้มาคอยเติมชา ซ่งเหว่ยจงให้รู้สึกลำคอแห้งผาก และยิ่งแห้งจนแสบเคืองระคายประหนึ่งลำคอกลายเป็นผุยผงเมื่อเจิ้งเสวี่ยหรงเอ่ยออกมาอย่างเถรตรงปานสายฟ้าฟาดเปรี้ยง
“ข้ามองออกว่าเจ้ามีสตรีที่ชอบแล้ว นางผู้นั้นคือหญิงคนรักของสหายของเจ้า ลู่เฟยลี่”
“แค่กๆ”
ซ่งเหว่ยจงพลันสำลักอากาศ
“อ่ะ องค์หญิงทรงทราบได้อย่างไร? ”
“มองไม่ยาก”
ประหนึ่งถูกอัสนียบาตรฟาดลงมาที่กลางใจ
“เมื่อใด?” ซ่งเหว่ยจงถามอย่างสีหน้าเคร่งเครียด เรื่องนี้เขาเพียรเก็บงำ แม้แต่หยางหลินก็ไม่ล่วงรู้ ด้วยมิตรภาพที่ยังต้องรักษาให้คงอยู่ เขาจึงระวังยิ่งยวด
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้ากับนางก็รู้แล้ว”
เจิ้งเสวี่ยหรงเอ่ยขณะวางหมากตัวหนึ่งแล้วกินหมากของอีกฝ่ายไปหลายตัว ทำเอาซ่งเหว่ยจงมองอย่างหดหู่ ฝีมือเดินหมากขององค์หญิงเสาหนิงไม่ธรรมดา
ได้ยินนางกล่าวอีกว่า “ส่วนข้า ชอบหยางหลิน”
เจิ้งเสวี่ยหรงเป็นสตรีเช่นนี้ นางอาจเสแสร้งแกล้งแสดงออกว่าเป็นสตรีดีงามเรียบร้อยอ่อนหวานไร้พิษภัยต่อหน้าพระพักตร์โอรสวรรคจนพระองค์เชื่อหมดพระทัย แต่แท้จริงนั้นกลับเป็นสตรีที่เจ้าเล่ห์มากแผนการ
ทว่าแม้จะมีเล่ห์เหลี่ยมแต่กลับเถรตรงไม่สนใจใคร ปราศจากความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น
นางเดินหมากกินรวบอีกคราขณะกล่าวต่ออีกว่า “ข้าก็เช่นนี้ ไม่ชอบอ้อมค้อมให้เสียเวลา ในเมื่อเจ้ารักนาง และข้าก็ชอบเขา เราร่วมมือกัน ทำให้สองคนนั้นแยกจาก ทุกฝ่ายย่อมได้ในสิ่งที่ต้องการ สมปรารถนาถ้วนหน้า”
นี่คือปรารถนาส่วนลึกของซ่งเหว่ยจง ทุกคราที่เขาเห็นหยางหลินกับลู่เฟยลี่รักกัน ความรู้สึกเจ็บปวดแสบสันพลันแล่นพล่านเล่นงานเขาทั้งใจ เกินรับไหวในทุกวัน
ความเงียบงันดุจสุสานโอบล้อมรอบกายชายหญิง มีเพียงเสียงเดินหมากที่ดังเบาๆ
ซ่งเหว่ยจงเข้าสู่ภวังค์ความคิด จิตใจไม่อยู่ที่กระดานหมาก หากแต่ก็ยังคงเดินหมากได้ แม้จะถูกกินใกล้หมดกระดานแล้วก็ตาม
“ว่าอย่างไร ข้ามิได้เรียกเจ้ามาหยั่งเชิง แต่ต้องการคำตอบรับเท่านั้น และข้าก็รู้ เจ้าจะไม่มีทางปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะข้าเป็นถึงองค์หญิงคำสั่งมิอาจขัดขืน แต่เป็นเพราะใจของเจ้าเองที่ต้องการ ถูกหรือไม่?”
เจิ้งเสวี่ยหรงมองคนไม่เคยพลาด ซ่งเหว่ยจงเป็นคนที่มองออกได้อย่างง่ายดาย
คนผู้นี้มีความปรารถนาแรงกล้าในตัวลู่เฟยลี่
เหมือนที่นางอยากได้หยางหลินนั่นล่ะ
“องค์หญิงชอบหยางหลินมากหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ซ่งเหว่ยจงกลั้นใจถามขึ้นตามตรง
