ตอนที่ 3 หวั่นไหว 1
พบพานบุรุษถูกใจมิใช่แค่ชะตา แต่คือวาสนา
และวาสนานี้มิใช่เพียงเลือนรางแค่เส้นบางๆ ทางความรู้สึกยิ่งมิใช่เพียงต้องการยื่นไมตรี แต่เป็นโซ่ตรวนที่หมายพันธนาการฉุดรั้งเอามาไว้กับตัวเอง
บนแท่นสูงริมลานแข่งขัน องค์หญิงเสาหนิงนั่งนิ่งยืดคอเชิดคางเย่อหยิ่ง กิริยายังสงวนท่าทีกว่าเดิมมาก หากแต่สายตากลับยังคงตรึงอยู่ที่บุรุษคนเดิมมิละจาก
ในขณะที่หยางหลินกับลู่เฟยลี่ยังคงพูดหยอกเย้าตามวิสัย โดยไม่ใส่ใจสายตาผู้ใด
แน่นอนว่าผู้อื่นเองก็ล้วนคุ้นชิน เพราะเห็นบ่อยครั้งจนไม่รู้สึกอันใด อาจนึกอิจฉาแต่ก็เป็นอิจฉาระคนชื่นชม ต่อให้ไม่ชอบใจก็แค่อารมณ์ชั่วคราวดุจสายลมวูบผ่านไป
คงมีเพียง ซ่งเหว่ยจง ผู้เป็นสหายของหยางหลินที่ไม่คุ้นชินเสียที เขาเป็นแค่คนเดียวที่มักเก็บเอาอารมณ์ขุ่นมัวกักไว้ในใจ เก็บความคิดไม่ดีกับความรักของคนคู่นี้
ชายหนุ่มมองภาพนั้นด้วยแววตาซ่อนนัยเศร้าลึก ภาพที่หยางหลินที่กำลังพูดคุยอย่างชื่นมื่นกับลู่เฟยลี่
ภายในสายตาข่มอารมณ์มิบังควรของซ่งเหว่ยจง หยางหลินยังคงสนใจเพียงลู่เฟยลี่ เขาลงจากหลังม้าพลางเรียกนางอย่างกระตือรือร้น
“ลี่เอ๋อร์ เห็นหรือไม่ ข้าชนะ”
“เห็นแล้ว อาหลิน มา นั่งก่อน” ลู่เฟยลี่กวักมือเรียก
หยางหลินรีบเดินมานั่งลงที่ตั่งตัวเดียวกับลู่เฟยลี่ ทำเอานางแทบตก “ท่าน! ไยไม่นั่งห่างหน่อย ข้าเกือบหัวทิ่มแล้ว” หญิงสาวนิ่วหน้าดุไม่จริงจังนัก
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มจนเห็นฟันขาว “อยากนั่งใกล้เจ้า”
ลู่เฟยลี่ค้อนขวับ กระซิบอย่างหมั่นเขี้ยว “ประเดี๋ยวไปนั่งที่เรือนข้าก็ได้”
“อยากนั่งตรงนี้ตอนนี้”
“เฮ้อ” หญิงสาวถอนหายใจอย่างอ่อนอกอ่อนใจเหลือเกิน “ช่างเถอะ ดื่มน้ำดับกระหายก่อน”
หยางหลินรับน้ำจากมือนุ่มมาดื่มอึกๆ ประหนึ่งได้รับโอสถทิพย์จากสรวงสวรรค์กระนั้น ดื่มจนหมดถ้วยก็ยกชายเสื้อเช็ดมุมปากยิ้มกรุ้มกริ่ม “หวาน...”
ลู่เฟยลี่ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มขัน “ท่านนี่นะ”
สักพักหยางหลินพลันนึกได้ “จริงสิ เจ้าฝังเหล้าไผ่เขียวไว้หลังเรือนใช่หรือไม่?”
“อืม ใต้ต้นอู๋ถง”
“ดื่มได้หรือยัง”
ลู่เฟยลี่ส่ายหน้า “ยัง”
บุรุษพลันผิดหวัง “ข้าคิดว่าวันนี้แข่งขันคว้าชัยจะได้ดื่มเหล้าของเจ้า ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน”
“หึ” หญิงสาวเห็นเขาทำหน้ากระเง้ากระงอดจนเสียกิริยาชายชาตรีเช่นนี้ก็ถึงกับหลุดหัวเราะ ก่อนเอ่ยปลอบว่า “แต่ข้ามีเหล้านารีแดงนะ เตรียมไว้ให้ท่าน”
“จริงหรือ”
“จริงแท้แน่นอน” ยิ้มพลางลดเสียงกระซิบว่าต่อ “หากคืนนี้ฟ้าใสดาวสวย ข้าจะยอมให้ท่านนอนพักตรงนี้”มือเล็กนุ่มตบหน้าขาตัวเองเบาๆ “ตอนท่านเมาเหล้าย่อมหลับพักผ่อนสบายใจ”
เรียวคิ้วเข้มเหนือดวงตาคมเลิกขึ้นอย่างมีเลศนัย ใบหน้าหล่อเหลางามสง่าฉายแววเจ้าชู้พร้อมยิ้มกรุ้มกริ่ม “ลี่เอ๋อร์ของข้า รู้ใจเป็นที่สุด” ทำท่ายกนิ้วขึ้นมา
ลู่เฟยลี่จับนิ้วเขาไว้ “หยุด! ห้ามบีบแก้มข้าอีกเชียว หาไม่ ข้าจะไม่ให้ท่านมีโอกาสไปเหยียบเรือนของข้าอีก”
หยางหลิน “...”
การแข่งขันรอบบ่ายเริ่มขึ้นอีกครั้ง เป็นรอบตัดสินอันดับต่างๆ จากผู้ชนะรอบเช้า หยางหลินจึงต้องเข้าร่วม ก่อนไปขึ้นม้ายังหันมาชี้หน้าคาดโทษลู่เฟยลี่
“ฝากไว้ก่อน ข้าแข่งเสร็จเจ้าเจอดีแน่”
หญิงสาวร้องเฮอะ กลัวเสียที่ไหน
หยางหลินไปแล้ว ตั่งข้างกายลู่เฟยลี่จึงว่างลง อันเป็นจังหวะที่ซ่งเหว่ยจงรอมานาน เขารีบเดินเข้ามาหมายนั่งแทนที่หยางหลิน
“เฟยลี่”
หญิงสาวหันตามเสียงคนเรียกขานอย่างแปลกใจ
“เหว่ยจง” เพราะเป็นสหายสนิทของหยางหลิน ลู่เฟยลี่จึงค่อนข้างคุ้นเคย “ท่านไม่ลงแข่งขันหรอกหรือ?”
ซ่งเหว่ยจงส่ายหน้าช้าๆ “ข้าบาดเจ็บที่ข้อมือ”
ว่าพลางยกแขนให้เสื้อร่นลงจนเห็นข้อมือข้างขวาที่พันผ้าสีขาวเอาไว้หนาแน่น ชายหนุ่มจงใจทำขึ้นมา เพื่อการณ์นี้
