ตอนที่ 2 เขามีคนรักแล้ว
“ข้าไม่น่าหลวมตัวตอบรับคำรักของท่านเลย”
หยางหลินเลิกคิ้ว “ทำไม คิดจะกลับคำหรือ? หึ! ฝันไปเถอะ” จบคำก็บีบแก้มนุ่มอีกข้างอย่างต้องการให้เกิดริ้วแดงเท่าเทียม
“แก้มแดงสองข้าเพราะมือข้าช่างน่ารักน่าชังนัก”
ลู่เฟยลี่กุมแก้มมองค้อน “เล่นบ้าๆ”
“พออยู่บนหลังม้า ทำให้ข้าคิดถึงครั้งแรกที่พบเจ้า”
“หืม?” ลู่เฟยลี่เลิกคิ้วสูง “ท่านยังจำได้?”
“แน่นอน ข้าไม่เคยลืม ตอนนั้นเจ้าเป็นฝ่ายขี่ม้า กระโดดเหนือศีรษะของข้า ท่วงท่างามสง่าในชุดบุรุษ ยื่นมือลงมาช่วยดึงข้าขึ้นจากโคลนดูด”
คนฟังพลันหลุดหัวเราะ “ข้าอยู่ในชุดบุรุษแท้ๆ ท่านยังตามตอแยไม่เลิกรา”
“ข้าชอบบุรุษกระมัง แต่เจ้ากลับเป็นสตรีเสียนี่ ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก”
“โอว ที่แท้ท่านชอบตัดแขนเสื้อ”
หยางหลินหัวเราะ
“ใช่ เจ้าทำให้ข้าต้องเปลี่ยนใจมาชอบสตรี เช่นนี้คือความผิดของเจ้าตลอดไป ยินดีรับโทษจากข้าตลอดไปหรือไม่?”
“อา...แย่แล้ว”
ทั้งสองหยอกเอินไปเรื่อยแล้วก็หัวเราะใส่กันอย่างไม่มีเบื่อ
แววตาคมคู่นั้นของหยางหลินสุกใสกระจ่างสกาวพร่างพราวยิ่งกว่าดวงดาวเต็มไปด้วยความรู้สึกรักลึกซึ้งที่ท่วมท้น
ลู่เฟยลี่ให้รู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง นางแพ้สายตาเขา
หลังจากหยอกเย้าไร้สาระพอหอมปากหอมคอ นางจึงกลับมาจริงจังต่อ
“ข้าเป็นแค่สตรีต่ำต้อย ไร้ที่พึ่ง ทั้งยังไม่มีสกุลให้กลับไป เป็นเพียงนกน้อยไร้รัง ท่านไม่อายหรือไร”
“เจ้ามิใช่สตรีไม่มีที่ไป แต่เป็นสตรีที่มีอิสระเสรียิ่ง อยากไปที่ใดก็โบยบินได้เหมือนนกปีกใหญ่ต่างหาก” สีหน้าของเขาจริงจัง “แต่เจ้าก็เลือกอยู่กับข้าที่นี่ไม่ไปไหน เห็นหรือไม่ว่าใครกันแน่ที่ต่ำต้อยให้เจ้าต้องคอยดูแล”
“อืม นั่นสินะ” นางพยักหน้าขำพรืด “ท่านพูดไม่ผิด ช่างเปรียบเปรยเสียจริง”
จังหวะนั้นเสียงสัญญาณรัวกลองดังขึ้นจากอีกฝั่ง หยางหลินจึงว่า “การแข่งขันจะเริ่มแล้ว ข้าไปล่ะ”
“ไปเลย รีบไป”
ชายหนุ่มชูสองนิ้วชี้ไปที่นาง วกกลับมาชี้ที่ดวงตาของตัวเอง “อย่าลืม มองแค่ข้า”
“รู้แล้วๆ”
“ห้ามไปที่อื่น ห้ามคลาดสายตา ข้าจะคว้าชัยมาให้เจ้า”
“ข้าจะรอตรงนี้ ตกลงไหม?”
“ดี”
และแล้วหยางหลินก็ไม่ทำให้ลู่เฟยลี่ผิดหวังเขาคว้าชัยชนะในการแข่งขันได้อย่างองอาจสง่างาม
ยามที่ผู้คนล้วนส่งเสียงชื่นชมยกย่องในตัวเขา หยางหลินหันมองเพียงลู่เฟยลี่ ส่งสัญญาณมือให้นางอย่างเถรตรงผ่าเผย ทำเอาเหล่าสตรีทั้งหลายเขินอายแทน พวกนางต่างอิจฉาลู่เฟยลี่ บิดผ้าเช็ดหน้าในมือแทบขาด
งานแข่งขันวันนี้นอกจากคุณชายและคุณหนูสามัญชนที่บ้างยืนบ้างนั่งรายรอบขอบสนามจนเต็มลาน ยังมีส่วนที่นั่งบนแท่นประทับสูงขึ้นไป ตรงนั้นถูกจัดไว้สำหรับเชื้อพระวงศ์นั่งชมการแสดงอย่างสำราญ
ทั้งองค์ชายและองค์หญิงรวมถึงเชื้อพระวงศ์อื่นๆต่างชมการแข่งขันคุ้นเคย เพราะทุกคนล้วนเข้าร่วมทุกปี
คงมีเพียงองค์หญิงเสาหนิงที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก เนื่องจากมารดาเป็นสนมต้องโทษถูกขังในตำหนักเย็น นางที่เยาว์วัยจึงถูกกักบริเวณไปด้วย พอผ่านพ้นพิธีปักปิ่นถึงได้รับพระราชาอนุญาตให้ออกมาได้ คาดว่าไม่นานอาจจะได้ออกเรือน ซึ่งหน้าที่อันสูงส่งตามฐานันดรศักดิ์ คงไม่แคล้วแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระดับแคว้น ดังนั้น วันนี้องค์หญิงผู้หนึ่งจึงคิดว่าควรหาว่าที่สามีในต้าเจิ้งสักคน ย่อมไม่ต้องลำบากลำบนดั้นด้นไปต่างแคว้นแดนไกล
นางเห็นคนผู้หนึ่งสะดุดตาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จากนั้นก็มองเขาด้วยสายตาตื่นตะลึงในความหล่อเหลา ไม่อาจหันไปทางใดได้อีก
“เขาคนนั้นเป็นใคร”
เจิ้งเสวี่ยหรงถามท่านหญิงผิงหยวนที่นั่งอยู่ข้างกัน
ท่านหญิงผิงหยวนเป็นสตรีที่แต่งงานแล้วจึงสนใจเพียงจิบชา มิใคร่มองบุรุษอื่นในลานแข่งขันเท่าใด แต่นางก็รู้ดีว่าบุรุษที่ตรึงตาสตรีมีแค่ไม่กี่คนในเมืองหลวง
และคนที่โดดเด่นที่สุดสะดุดใจที่สุดก็คือ
“คนที่ชนะการแข่งขันเมื่อครู่ใช่หรือไม่?”
“ใช่ๆ คนนั้นล่ะ” สุ้มเสียงกระตือรือร้นปานนั้น
ท่านหญิงผิงหยวนหัวเราะน้อยๆ “อ้อ คุณชายสกุลหยาง”
“เขามีนามว่าอะไร”
เจิ้งเสวี่ยหรงถามอย่างสนใจเป็นที่สุด
“นามเดียวว่าหลิน” ท่านหญิงผิงหยวนตอบ
“หยางหลิน...”
เจิ้งเสวี่ยหรงพึมพำทวนนามนั้นเนิ่นนาน คล้ายคนละเมอก็ไม่ปาน
ท่านหญิงผิงหยวนไม่แปลกใจในสิ่งที่เห็นยามนี้ เพราะหยางหลินมักทำให้สตรีตกหลุมเสน่หาคะนึงเพ้อพกเพียงแรกเจอเสมอจนเป็นที่เลื่องลือระบือไกล
เพียงแต่เขามีหญิงคนรักอยู่แล้ว
และการกระทำของเขาที่มีต่อสตรีของตน ยังสง่าผ่าเผยเป็นที่โจษจันปานนั้น คบหาอย่างเปิดเผยเพื่อมิให้ผู้อื่นคิดเกินเลยหมายแทรกกลาง
บุรุษที่มีสตรีข้างกายยากแยกจากขนาดนี้ กิริยาคล้ายละเมอเพ้อฝันขององค์หญิงแห่งราชวงศ์เจิ้งที่เผย มีหรือเหมาะสม?
หากปล่อยเอาไว้คงกลายเป็นที่ขบขัน เสื่อมเสียถึงชื่อเสียงเหล่าราชนิกุล รวมถึงตัวนางด้วย
ท่านหญิงผิงหยวนจึงกระแอมไอและบอกตามตรงเพื่อเตือนสติ “น้องหญิงหรงหรง เจ้าลองมองดูทางนั้นเถิด” ว่าพลางวาดนิ้วชี้ไปทางลู่เฟยลี่
“สตรีผู้นี้คือหญิงคนรักของหยางหลิน ได้ข่าวว่าอาจแต่งงานกันหลังจากหยางหลินเข้าพิธีสวมกวาน”
เจิ้งเสวี่ยหรงชะงัก “เขามีคนรักแล้วเช่นนั้นหรือ?”
ท่านหญิงผิงหยวนพยักหน้ายิ้มๆ
“อืม รักมากด้วย”
แน่นอนว่าบุรุษที่ไม่เก็บงำทั้งยังแสดงออกอย่างเถรตรงต่อสตรีของตนแบบนี้ มีเพียงเหตุผลเดียวคือประกาศศักดาว่าข้ามีสตรีข้างกายแล้ว ถูกจองจำแล้ว
สตรีอื่นอย่าได้คิดเข้ามาแทรกกลางหมายแย่งชิง!
เจิ้งเสวี่ยหรงมีหรือไม่เข้าใจความนัย
นางจึงเงียบงันไม่เอ่ยวาจา
