ตอนที่1 คู่รักที่น่าริษยา
ลานกว้างของพระราชวังชั้นนอกส่วนหน้า วันนี้มีงานแข่งขันของเหล่าคุณชายจากสกุลต่างๆ ซึ่งเมืองหลวงมักจัดขึ้นอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระชับสัมพันธ์ระหว่างตระกูลน้อยใหญ่ในต้าเจิ้ง
นอกจากนี้ยังมีเหล่าฮูหยินที่พาคุณหนูในห้องหอจากเรือนตนที่พ้นวัยปักปิ่นออกจากจวนมาเปิดหูเปิดตา นั่นจึงนับได้ว่างานนี้เป็นการดูตัวกลายๆ ระหว่างชายหญิงเพื่อเชื่อมสัมพันธ์สองสกุลในภายหน้า
กลางลานแข่งขันที่เข้มข้นชวนตรึงตราจากผู้คนโดยรอบ
บนอาชาพันธุ์ดีขนมันขลับตัวโตสูงใหญ่ไม่พ่วงพีเกินไป มีเหล่าบุรุษหนุ่มนั่งคุมบังเหียนสง่างามหลายผู้หลายนาม แต่ละคนล้วนองอาจผึ่งผายสมชายชาตรี เรียกสายตาเหล่าสตรีให้จดจ้องถ้วนหน้า ทว่ากลับมีผู้หนึ่งที่โดดเด่นยิ่งกว่าใคร
“ท่ามกลางคุณชายหนุ่มเหล่านั้น เห็นจะมีเพียง หยางหลิน ที่รูปงามยิ่งกว่าใคร”
คุณหนูผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นกับเหล่าสหาย และพวกนางต่างก็พยักหน้าเห็นพ้องต้องกันอย่างพร้อมเพรียง
หยางหลินรูปงามหล่อเหลา รูปร่างสมส่วนสมบูรณ์แบบ ใบหน้าดุจหยกนั้นเหมือนภาพวาดก็ไม่ปาน สง่าดุจเซียนอย่างแท้จริง
คุณหนูเยาว์วัยอีกคนเอ่ยด้วยอาการเหม่อมอง “หยางหลินผู้นี้ ยิ่งมองยิ่งแสบตา เป็นบุรุษที่สง่างามจนเหมือนไม่มีอยู่จริง”
“โอว...ถูกต้อง ข้าเห็นด้วย”
“อืม”
คุณหนูกลุ่มนี้ยังคงชื่นชมไม่ขาดปาก ออกอาการละเมอเพ้อพอยกใหญ่ กระทั่งมีคนหนึ่งรีบปรามเอาไว้ นางร้องห้ามเสียงกระซิบ “จุ๊ๆ พวกเจ้าพูดน้อยหน่อยเถอะ หยางหลินมีคนรักอยู่แล้วมิใช่หรือไร?”
วาจาประโยคนี้ทำเอาพวกนางต้องเบนสายตาไปมองสตรีผู้หนึ่งทันที
คนผู้นี้มีนามว่าลู่เฟยลี่ สตรีที่ทุกคนต่างอิจฉาและริษยาเป็นที่สุด จะมิให้ร้อนรุ่มใจแทบบ้าได้อย่างไร ในเมื่อรูปโฉมของอีกฝ่ายนั้น แม้จัดว่างดงามอยู่มากโดยที่ไม่ต้องแต่งหน้าทาชาด แต่พวกนางก็งามไม่น้อยเช่นกันมิใช่หรือ?
เพียงแค่ประโคมเครื่องประดับเข้าไปให้เหมาะสมประทินโฉมประเทืองผิวให้ประณีตบรรจงมากขึ้นเท่านั้น ก็สะสวยเฉิดฉายแล้ว
ลู่เฟยลี่ผู้นี้ใช่โฉมสะคราญที่งามเลิศโดดเด่นที่สุดในหมู่สตรีของเมืองหลวงแน่นอน แค่พินิจดูแล้วให้รู้สึกถึงความบริสุทธิ์และเย้ายวนโดยธรรมชาติก็เท่านั้นเอง เพียงพวกนางปรุงแต่งจริตมารยาหน่อยก็ใช้ได้เหมือนกัน อีกอย่าง ลู่เฟยลี่เป็นแค่สตรีบ้านป่าเมืองเถื่อนแดนไกล หาใช่หญิงสูงศักดิ์ในเมืองหลวง ยิ่งไม่มีสกุลใหญ่หนุนหลัง
ใช่แล้ว! ลู่เฟยลี่น่ะไม่มีดีอันใดเท่าไรเลยสักนิด แต่กลับได้ครอบครองบุรุษอันดับหนึ่งอย่างหยางหลิน!
ที่สำคัญ หยางหลินเป็นฝ่ายเกี้ยวพาลู่เฟยลี่!
นี่ล่ะเป็นเรื่องที่ชวนให้อิจฉายิ่งนัก! ไม่พอใจยิ่ง ทั้งที่ลู่เฟยลี่ ไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าพวกนางมิใช่หรือไร?
เหล่าสตรีพากันมองลู่เฟยลี่อย่างขุ่นเคืองครู่ใหญ่ ท้ายที่สุดก็ละสายตาหันไปมองหยางหลินต่อ
ช่วยมิได้ บุรุษรูปงามหล่อเหลาบาดตากระจ่างใจ ยามได้พบเจอสักคราย่อมต้องมองให้มากขึ้นอีกสักหน่อย โอกาสที่ได้เห็นใกล้ๆ เช่นนี้ มีไม่บ่อย
ท่ามกลางสายตาตราตรึงที่พุ่งความสนใจเดียวกัน หยางหลินกลับไม่ใส่ใจนำพา
เพราะความสนใจทั้งหมดของเขา มีเพียงลู่เฟยลี่เพียงหนึ่งเดียวตลอดเวลา แววตาสื่อนัยถึงความรู้สึกว่ารักอย่างไม่มีเก็บข่ม ลึกซึ้งปานนั้น แม้นางยังไม่หันมาก็ตาม
“เจ้าควรมองแค่ข้า ห้ามมองชายอื่น”
พอสิ้นการแข่งขันในสนาม หยางหลินควบม้าวิ่งเยาะๆ มาทางเฟยลี่แล้วสั่งเสียงเข้ม ทำเอาหญิงสาวต้องนิ่วหน้า ละสายตาจากผู้แข่งขันคนอื่น หันมองเขาทันที
“ข้ามาชมการแข่งขัน ต้องภาพรวม จะมองแค่เพียงท่านได้อย่างไร”
ว่าแล้วก็ผงกศีรษะกวักมือเรียก เป็นส่งสัญญาณให้หยางหลินโน้มตัวก้มหน้าลงมาหาตัวเองใกล้ๆ
ชายหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย เหมือนเสือตัวใหญ่ที่ยอมจำนนต่อกระต่ายตัวน้อย “อันใด?”
หญิงสาวยืดตัวยกมือป้องปากกระซิบชิดริมหูว่า “เมื่อครู่คุณชายฉินจ้องเล่นงานท่าน คุณชายโจวเองก็รอจังหวะท่านเพลี่ยงพล้ำ การแข่งขันครึ่งหลัง ท่านต้องระวังสองคนนี้ เข้าใจหรือไม่?”
“อ้อ” หยางหลินพยักหน้ารับทราบ “ได้” ยืดตัวขึ้นนั่งตรงบนอานม้ายังยื่นมือมาบีบแก้มขาวอย่างหมั่นเขี้ยว “ขอบใจเจ้ามาก ฮูหยินของข้า”
ลู่เฟยลี่ตีมือซุกซนดังเพียะ
“ห้ามรุ่มร่าม ใครฮูหยินของท่าน? พวกเรายังไม่ได้แต่งงานกัน ยิ่งไม่เคยเข้าหอ”
“เจ้ายอมรับข้าแล้ว ก็ถือเป็นฮูหยินของข้าตลอดไป”
หญิงสาวยู่หน้านึกหมั่นไส้เหลือเกิน “ข้าไม่น่าหลวมตัวตอบรับคำรักของท่านเลย”
