บทที่ 8
ดารินตอบอัญญาแค่นั้นก่อนจะเดินตรงไปที่รถโดยไม่สนใจอีกฝ่ายอีก เพราะเธอไม่อยากจะคุยด้วยสักเท่าไหร่นัก
สาเหตุมาจากหญิงสาวจำได้ว่าวันนั้น ในขณะที่เธอกำลังคุยกับครูเอมอรหัวหน้ากลุ่มสาระ หางตาดารินก็สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายยืนถ่ายเอกสารอยู่ที่หน้าห้อง นอกจากนั้นแล้วแชทที่ครูเอมอรเอาให้เธออ่าน ในวงสนทนาก็มีรุ่นน้องคนสนิทของอัญญาร่วมวงอยู่ด้วย เหตุผลเท่านี้ก็คงเพียงพอแล้วที่ดารินไม่ควรจะเสวนากับอัญญาให้เกิดข่าวลือเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก
“เดี๋ยวสิ เธอจะยอมลาออกไม่ต่อสัญญาเพราะเรื่องแค่นี้จริงเหรอดาริน”
“ใช่”
อัญญายังคงเดินตามมาถามดารินที่กำลังเก็บของขึ้นรถอย่างไม่ละความพยายาม ยิ่งได้เห็นว่าดารินไม่แสดงอาการร้อนรนหรือเสียใจให้เห็นก็ยิ่งรู้สึกขัดใจ
“หรือว่าเธอมีเรื่องอะไรมากกว่านั้นเหรอ เธอถึงได้ยอมแพ้ไปแบบนี้”
“นี่! อัญญาฉันไม่ได้ยอมแพ้อะไรทั้งนั้น อย่าเที่ยวใช้ไม้บรรทัดตัวเองไปตัดสินชีวิตคนอื่นไปทั่วแบบนี้สิ อ้อ แล้วอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าข่าวลือพวกนั้นมันมาจากไหน”
พูดจบก็ก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไปทันทีโดยไม่สนใจอัญญาที่ยังยืนอึ้งทำหน้าเหวออยู่ตรงนั้นอีก
เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วันแล้วที่สัญญาการทำงานของดารินจะหมดลง ระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านก็อดคิดถึงอัญญาเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ได้มองเธอเป็นเพื่อนเท่าไหร่นักไม่ได้
ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่ดารินนั้นต้องเจอกับเรื่องน่ารำคาญใจเพราะอัญญา ที่ผ่านมาเธอไม่อยากเก็บมาใส่ใจ บอกตัวเองให้คิดเพียงแค่ว่าเดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไปขอแค่ไม่มีใครเดือดร้อนก็พอ แต่มาถึงวันนี้ถ้อยคำที่ลิลลี่พร่ำบอกมาตลอดว่าอัญญาทำตัวเหมือนไม่ใช่เพื่อนดูจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมาแล้ว
“เพื่อนที่ไหนเขาทำแบบนี้กันดาริน”
เสียงหวานใสพึมพำกับตัวเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ และเสียใจที่คนที่เธอมองว่าเป็นเพื่อนมาตลอดนั้น กลับเป็นคนที่หักหลังเธอได้เจ็บแสบไม่ต่างจากกฤติน
ไร่บุญรัตน์ ไร่ผลไม้รายใหญ่ของภาคเหนือ วันนี้บรรยากาศคึกคักต่างไปจากทุกวันเนื่องจากมีออเดอร์ผลไม้เร่งมาจากทั้งในตัวจังหวัด และจังหวัดใกล้เคียงหลายคันรถ ทำเอาทั้งหัวหน้าและบรรดาลูกน้องหัวหมุนไปตาม ๆ กัน
“นาย! นาย! รถที่จะไปส่งของในตลาดโทรมาบอกว่าตอนนี้ยางแตกอยู่ลำปางครับ น่าจะมาไม่ทันแล้ว”
นายแดงมือขวาของ อรัญ ว่าที่เจ้าของไร่บุญรัตน์คนต่อไปวิ่งกระหืดกระหอบมารายงานลูกพี่ของตน หลังจากฝั่งออฟฟิศโทรเรียกให้เขา เข้าไปคุยแทนอรัญที่กำลังยืนคุมงานอยู่
“เออ งั้นเดี๋ยวมึงก็ไปกับกูแล้วกันไอ้แดง”
“ครับ ๆ ”
อรัญตอบอีกฝ่ายเสียงดุโดยแทบไม่ละสายตาจากเอกสารในมือ ทำเอานายแดงลอบกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อก่อนเขากล้าเล่นหัวเจ้านายมาตลอด แต่ตั้งแต่ผู้เป็นนายไปเรียนต่อต่างประเทศนานหลายปีแล้วพึ่งกลับมาที่นี่ได้ไม่ถึงปี เขากลับรู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายขึ้นมาก
“เอาไปให้ฝ่ายบัญชีตรวจอีกรอบนี่บิลเจ้แมวส้มห้าลัง มะม่วงห้าสิบโล แล้วบอกว่าพรุ่งนี้กูกับมึงจะไปเอง ค่าน้ำมันจะมาเบิกทีหลัง”
“อะ ครับ”
นายแดงกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ รับเอาบิลที่อีกฝ่ายยื่นให้แทบไม่ทัน พร้อมกับเบี่ยงกายหลบให้เจ้านายเดินออกไปดูการขนผลไม้ขึ้นหลังรถกระบะที่ด้านหน้าโกดัง
“ทำไมนายดูโหดขึ้นทุกวันเลยวะ”
เกาหัวพึมพำเสียงเบาก่อนจะรีบแจ้นไปขึ้นจักรยานคู่ใจที่จอดไม่ไกล หลังจากอรัญหันกลับมาพร้อมกับสายตาที่ราวกับจะถามเขาว่าทำไมยังไม่ไปอีก!
คล้อยหลังแดงที่ขี่รถจักรยานออกไป อรัญก็แอบยกยิ้มไม่ให้ใครเห็น เขาไม่ใช่คนดุอะไรโดยเฉพาะกับนายแดงที่เขาเห็นมาตั้งแต่อีกฝ่ายเรียนจบมอหกแล้วมาขอทำงานในไร่ ตอนนั้นเขาเองก็พึ่งเรียนจบปริญญาตรียังไล่ให้อีกฝ่ายไปเรียนต่ออยู่เลย
แต่ที่เขาทำแบบนี้ก็แค่อยากแกล้งอีกฝ่ายเล่นเท่านั้นเอง และเหตุผลหลักก็คือเขาอยากจะทำให้คนงานในไร่หลาย ๆ คน ที่ยังไม่ค่อยยอมรับเขาที่จะมารับช่วงต่อจากคุณพ่อ ได้รู้ว่าเขานั้นเอาจริงและละเอียดรอบคอบหูตาไวจนตอนนี้ทุกคนต่างก็ยอมรับและกลัวเกรงเขากันทั้งไร่เลยก็ว่าได้
